เมื่อเห็นฉากนี้ เซียงหรงก็อดไม่ได้ที่จะมองมาด้วยความขุ่นเคือง
เค้ากับฟางเสียวเต๋อช่วงสองสามปีมานี้มีความสัมพันธ์ต่อกัน แม้ว่าในตอนนั้นฟางเสี่ยวเต๋อเธอจะยังเด็กอยู่ก็ตาม
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเซียงหรงก็หลงใหลในตัวฟางเสี่ยวเต๋อ ดังนั้นเหตุผลที่สำคัญที่สุดที่เค้ามาที่เมืองเพื่อมาหาเหรินกุ้ยอีก็คือการมาหาฟางเสี่ยวเต๋อ!
คิดไม่ถึงเลยว่า ท่าทีของฟางเสี่ยวเต๋อที่มีต่อเค้ามันจะเปลี่ยนไป เธอเพิกเฉยต่อเค้าอย่างเย็นชา!
ในตอนนี้เอง เหรินกุ้ยอี หยูเหม่ยเหรินกับเหล่ยหยุนและคนอื่นๆก็เดินเข้ามา
“เซียงหรง นี่ก็คือผู้หญิงที่นายชอบพูดถึงอยู่บ่อยๆใช่ไหม” เหรินกุ้ยอีพูดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม
เมื่อเห็นเหรินกุ้ยอี ในใจเซียงหรงก็ยิ่งมั่นใจขึ้นมา
เค้าก็รีบพูดขึ้นมาว่า: “กุ้ยอี ฉันก็จะพาเธอมาทักทายนายนี่แหละ”
ในตอนนี้เอง เซียงหรงก็ลากแขนของฟางเสี่ยวเต๋อเข้ามาแล้วพูดว่า: “นี่คือ เหรินกุ้ยอี เค้ามีชื่อเสียงมากในจงหยวนโหยว เค้าเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะอัจฉริยะคนหนึ่งของจงหยวนโหยว เค้าก้าวเข้ามาสู้ขั้นของมหาเจ้าแห่งพลังปราณแล้ว”
“แล้ว มันมีอะไรน่าอวดกันเหรอ” ฟางเสี่ยวเต๋อพูดด้วยแววตาที่ว่างเปล่า “เมื่อไม่กี่ปีมานี้ฉินเฉิงก็เข้ามาถึงระดับขั้นของมหาเจ้าแห่งพลังปราณเหมือนกัน! เค้าเป็นอัจฉริยะคนแรกในเมืองเจียง! นายเคยได้ยินเรื่องนี้บางไหม?”
หลังจากพูดจบ เธอก็มองไปที่ฉินเฉิงด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ไหม?”
ฉินเฉิงทำตัวไม่ถูก ฟางเสี่ยวเต๋อนี่เอาแต่คอยก่อเรื่อง ตราบใดที่เธออยู่ที่นั้น ก็จะไม่ก่อปัญหาอะไร
“ฉินเฉิง? ฉันไม่รู้จัก?” เหรินกุ้ยอีส่ายหัวขึ้นมา
“หึหึ ไม่นานมานี้กุ้ยอี้เพิ่งสังหารเจ้าแห่งพลังปราณไปคนนึง มหาเจ้าแห่งหลังปราณคนนี้เค้าเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวของผู้เฒ่าโหยว จงหยวนโหยว” เซียงหรงก็พูดขึ้นมา
“ผู้เฒ่าโหยว?” เหล่ยหยุนที่ด้านข้างก็พยักหน้าขึ้นมาเล็กน้อย “ในตอนที่ผู้เฒ่าโหยวเริ่มมีชื่อเสียง ฉันเป็นเพียงแค่คนที่ไม่มีชื่อเสียงก็เท่านั้น นี่มันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว”
“ใช่แล้ว ในตอนนั้นผู้เฒ่าโหยวก็มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก” เซียงหรงก็พยักหน้าเหมือนกัน
ในฐานะที่เป็นคนที่มาจากภาคกลาง พวกเค้าก็รู้จักชื่อของผู้เฒ่าโหยวอย่างแน่นอน
แม้ว่าที่ภาคกลางมันจะมีผู้เชี่ยวชาญมากมายและมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีอำนาจมากกว่าปรมาจารย์โหนว แต่ผู้เฒ่าโหยวก็มีชื่อเสียงเร็วเกินไปแล้วเค้าเรื่องราวเอาไว้มาก อย่างงั้นชื่อของเค้าก็เลยดังมากเช่นกัน
“แล้วยังไงกัน? ฉินเฉิงก็ฆ่าผู้เฒ่าโหยวไปแล้ว!” ฟางเสี่ยวเต๋อก็โบกมือขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นเธอก็พูดจาไร้สาระขึ้นมา
ในความเป็นจริงแล้ว ฟางเสี่ยวเต๋อก็เพียงแค่จะคุยโม้ก็เท่านั้น แต่เธอกลับไม่รู้ว่าเธอทำผิดพลาดแล้วก็บอกความจริงออกไป
เซียงหลงกับคนอื่นๆที่อยู่ข้างๆก็หัวเราะขึ้นมา เหรินกุ้ยอีก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า: “สาวน้อย เธอพูดเรื่องไร้สาระอะไรของเธอกัน แบบนี้มันจะสร้างปัญหาให้กับตัวเองนะ”
ฉินเฉิงไม่อธิบายอะไรต่อ เค้าไม่สนใจคนพวกนี้มากนัก เค้าก็แค่ทักทายทั่วไปแล้วเตรียมที่จะจากไป
ไม่ว่าฉินเฉิงจะไปที่ไหน ฟางเสี่ยวเต๋อก็จะตามไปที่นั่นและไม่ว่าฟางเสี่ยวเต๋อจะไปไหนก็จะมีเซียงหรงคอยตามไปด้วยเสมอ เมื่อรู้ตัวอีกที ฉินเฉิงก็กำลังเดินไปพร้อมกับคนกลุ่มนี้แล้ว
“เออใช่สิ เสี่ยวเต๋อ ฉันได้ยินมาว่าในเมืองมีสาวสวยคนหนึ่งชื่อซูวาน ทำไมฉันไม่เห็นเธอเลยหละ?” ทันใดนั้นเอง เซียงหรงก็พูดถึงซูวานขึ้นมา
เมื่อได้ยินชื่อนี้ สีหน้าของฉินเฉิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เค้าจ้องไปที่เซียงหรงโดยไม่รู้ตัว
“ชื่อซูวานนี่ ฉันเองก็เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนนะ” เหรินกุ้ยอีพยักหน้าเล็กน้อย “ว่ากันว่าเธอเป็นสายเลือดหนึ่งของตระกูลซูในเมืองจิงตู ต่อมาไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงต้องออกมาจากตระกูลซู”
“ก็ว่ากันว่ามีคุณชายจากเมืองจิงตูมาขอเธอแต่งงาน แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครเจอเธอเลย” เหล่ยหยุนที่ไม่พูดอะไร เค้าเองก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าขึ้นมา
ฉินเฉิงไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย เมื่อพูดถึงเรื่องในวันนั้น เค้าเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นเล็กขึ้นมาน้อย หัวใจของเค้ามันดูราวกับว่าจะถูกกระแทก
“พี่ว่านเอ๋อ ช่วงนี้ไม่รู้ว่าเธอไปไหนแล้ว” ฟางเสี่ยวเต๋อก็พูดขึ้นมา “แต่พวกนายจะพูดอะไรถึงพี่วานเอ๋อก็ระวังหน่อยก็แล้วกัน นี่คือคู่หมั้นของพี่วานเอ๋อ!”
พวกเค้าไม่เชื่อในสิ่งที่ฟางเสี่ยวเต๋อพูด อย่างงั้นพวกเค้าก็เลยหัวเราะออกมา
ในตอนนี้เอง ที่ไม่ไหลออกไป มันก็ดึงดูดผู้คนเป็นจำนวนมาก
“เค้าคือผู้อาวุโสของตำหนักเทพโอสถ ดูเหมือนว่าจะเป็นการซื้อของ” มันก็มีใครบางคนที่กระซิบขึ้นมา
เมื่อได้ยินคำว่า”ตำหนักเทพโอสถ” เหรินกุ้ยอีกับคนอื่นๆก็อยู่ไม่เป็นสุขเลยทีเดียว
สำหรับจอมยุทธ์แล้ว การบาดเจ็บถือว่าเป็นเรื่องปกติ
แต่ในระดับของพวกเค้า การแพทย์ธรรมดามันไม่สามารถรักษาพวกเค้าได้เลย ในตอนนี้เอง พวกเค้าก็ต้องการที่จะเข้าไปหาตำหนักเทพโอสถ
ดังนั้น ตำหนักเทพโอสถก็มีชื่อเสียงมากบนโลกศิลปะการต่อสู้ มันไม่มีตระกูลใดเลยที่กล้าที่จะไปยั่วยุเค้า!
หลายตระกูลไม่ลังเลที่จะใช้ความมั่งคั่งทั้งหมดที่พวกเค้ามีเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับตำหนักเทพโอสถ!
“เข้าไปดูกันเถอะ” หยูเหม่ยเหรินก็พูดขึ้นมา เธอก็เดินนำไปข้างหน้าก่อน
ฉินเฉิงจ้องไปที่ด้านหลังของหยูเหม่ยเหรินแล้วเค้าก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
ผู้หญิงคนนี้ดูแปลกไปหน่อย
ครั้งแรกที่ได้เจอกัน พลังปราณของเธอมันก็ครอบคลุมมาถึงฉินเฉิง แม้ว่าเทคนิคมันจะละเอียดอ่อนมาก แต่ฉินเฉิงที่ซึ่งมีปราณที่เฉียบแหลมก็สามารถจับพลังของเธอได้
ในตอนนี้เอง พลังปราณของเธอก็แผ่กระจายไปทั่วฉินเฉิงหลายครั้ง แต่ละครั้งมันสั้นมากและเทคนิคของเธอก็คลุมเครือ
“นายมองอะไรกัน!” ฟางเสี่ยวเต๋อก็จ้องเขม็ง เธอเข้ามาขวางการจ้องมองของฉินเฉิง
“ฉันจะบอกนายไว้เลยนะ อย่าทำให้พี่วานเอ๋อเสียใจเชียว ไม่อย่างงั้นฉันจะไม่ลังเลที่จะตัดไอ่นั่นของนายซะ!” ฟางเสี่ยวเต๋อแยกเขี้ยวเสือของเธอด้วยท่าทีที่ไม่พอใจ
ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันแค่คิดว่าเธอแปลกนิดหน่อย”
“ไร้สาระน่า เธอคือหยูเหม่ยเหรินนะ” ฟางเสี่ยวเต๋อก็พูดขึ้นมาด้วยแววตาที่ว่างเปล่า “แม้แต่คนใหญ่คนโตในเมืองจิงตูเองก็ยังหลงใหลในตัวเธอเลย”
“แน่นอนว่ามันมีบางอย่างแปลกๆ” ฉินเฉิงคิดกับตัวเอง
“ไปเถอะ เข้าไปดูกัน” จากนั้นฉินเฉิงก็เดินเข้าไปพร้อมกับฟางเสี่ยวเต๋อ
พวกเค้าเห็นชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนพื้นข้างถนน ข้างหน้าของเค้ามันมีลูกปัดแวววาว
ลูกปัดมีขนาดเล็กมาก แต่มันก็มีพลังปราณที่ดูสงบนิ่งแผ่ออกมาจากมัน
“ลูกปัดพุทธ?” ฉินเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมา
มันเป็นไปไม่ได้ที่ลูกปัดพุทธธรรมดาจะมีพลังปราณที่สงบนิ่งแบบนี้แล้วก็ยังมีรัศมีของลูกปัดพุทธที่มากมายมหาศาลขนาดนี้ เมื่อคิดดูแล้วมันจะต้องสร้างขึ้นมาโดยพระพุทธเจ้าผู้ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน
“ไม่รู้เลยนะว่าลูกปัดนี่มันราคาเท่าไหร่กัน” เซียงหรงก็บ่นขึ้นมา
“เงินเหรอ? ที่นี่มันไม่มีใครสนเรื่องเงินหรอก” เหรินกุ้ยอีก็ส่ายหัวขึ้นมา
เค้าพูดถูก หากคุณต้องการซื้อของที่นี่ มันจะต้องแลกเปลี่ยนกับสิ่งของที่เทียบเท่าไม่ว่าจะเป็นยาทางการแพทย์ระดับเทพหรืออาวุธเวทมนต์
“ลูกปัดพุทธนี่มันเป็นพลังแห่งพระพุทธเจ้า ฉันค่อนข้างสนใจมันนะ” เหล่ยหยุนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “น่าเสียดายที่คนจากตำหนักเทพโอสถได้คิดอย่างงั้น”
ทรัพยากรที่ตำหนักเทพโอสถสามารถจัดหามาได้นั้นมันมีจำนวนมาก ยิ่งไปกว่านั้น ก็ไม่มีใครกล้าที่จะยั่วยุตำหนักเทพโอสถเพื่อลูกปัดพุทธนี้เลย
“ฉันสามารถใช้เม็ดยาเสี่ยวหยวนนี่แลกกับลูกปัดพุทธนี้ได้ไหม” ในตอนนี้เอง หมอยาก็พูดขึ้นมา
“ยาเสี่ยวหยวน?” แววตาของเหรินกุ้ยอีก็เป็นประกายเมื่อได้ยินชื่อนี้
“ว่ากันว่ายาเม็ดจินหยวนสามารถฟื้นฟูความแข็งแกร่งภายในของการขาดสมดุลได้ในระยะเวลาอันสั้น มันเรียกได้ว่าเป็นยาระดับสุดยอด”
อย่างไรก็ตาม เจ้าของร้านก็ชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้วแล้วพูดว่า “สามเม็ด”