เมื่อเห็นการปฎิบัติของพวกเค้า มันก็ทำให้ฉินเฉิงทั้งผิดหวังและรู้สึกแย่
แม้แต่องค์กรการกุศลที่มีบทวิจารณ์บนโลกออนไลน์ที่ดีที่สุดก็ยังเป็นแบบนี้เลย
“ให้เจ้านายของคุณออกมาพบฉัน” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
แผนกต้อนรับก็หัวเราะขึ้นมา เค้ามองไปที่ฉินเฉิงแล้วพูดว่า: “แกคิดว่าแกเป็นใคร เจ้านายของเราเค้ามีงานที่ต้องทำ เค้าจะเอาเวลาที่ไหนมาสนใจแก ออกไปซะ ไม่อย่างงั้นฉันจะให้ รปภ มาไล่แกออกไป!”
ฉินเฉิงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมแล้วถามอย่างเย็นชาว่า: “ทางที่ดีเธอควรให้เจ้านายของเธอออกมาพบฉันนะ”
“ไอ่บ้านี่หนิ ไม่เห็นโรงศพไม่หลั่งน้ำตาเลยจริงๆ!” แผนกต้อนรับกวักมือเรียกแผนก รปภ: “รปภ มาไล่ไอ่คนนี้ออกไปซะ!”
หลังจากพูดจบ รปภ หลายคนก็ถือไม้กระบองแล้วรีบวิ่งเข้ามา
พวกเค้ายืนมือออกมาแล้ววางมันลงบนไหล่ของฉินเฉิงและพูดอย่างเย็นชาว่า “ไสหัวออกไปซะ!”
“ช่างมันเถอะ เด็กคนนี้ดูท่าแล้วน่าจะพึ่งจบจากมหาลัยได้ไม่นาน เค้าอาจจะยังไม่เข้าใจกฎระเบียบของสังคม” ในตอนนี้เอง ชายอ้วนที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าคับๆก็เดินออกมา
เค้าตบเข้าไปที่ไหล่ฉินเฉิงแล้วพูดด้วยรอยยิ้มจางๆว่า : “องค์กรการกุศลนี้ แกคิดว่ามันเป็นองค์กรการกุศลจริงๆสินะ ไอ่เด็กน้อย พวกเราก็แค่มาขอเงิน ขอเงิน เข้าใจไหม?”
ฉินเฉิงก็หัวเราะขึ้นมา: “ถ้าองค์กรการกุศลเป็นแบบนี้ ฉันคิดว่ามันก็ไม่จำเป็นต้องมีแล้วมั้ง”
“แกคิดว่าไม่จำเป็นต้องมีก็จะต้องไม่มีอย่างงั้นเหรอ? ปากกล้าดีนะ” ชายวัยกลางคนก็เยาะเย้ยขึ้นมา “อย่ามาสร้างปัญหาที่นี่ ถ้าอยากได้เงินก็อยู่เฉยๆ อย่างเชื่อฟัง เข้าใจไหม? ฉันเห็นว่าแกยังเด็กอยู่นะ ฉันจะสอนให้แกฟรีก็แล้วกัน”
หลังจากพูดจบ คนๆนี้ก็บอกฉินเฉิงถึงความจริงของสังคมรอบตัว
ในตอนนี้เอง ผู้หญิงสองคนในชุดที่ดูเป็นมืออาชีพก็เดินเข้ามา
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” ทันทีที่เธอเดินเข้ามา เธอก็โวยวายในทันที
แผนกต้อนรับส่วนหน้ารีบยิ้มแล้วพูดว่า “ประธานหลี่ มันมีเด็กคนหนึ่งมาก่อเรื่องที่นี่ พี่ใหญ่คนนี้กำลังสั่งสอนเค้าอยู่ค่ะ”
ประธานหลี่เหลือบมองไปที่ฉินเฉิงแล้วมองไปที่ชายอ้วนที่อยู่ข้างๆเค้า
เธอกลอกตา จากนั้นก็ดูเหมือนว่าเธอจะคิดอะไรบางอย่างได้ เธอรีบจับมือของชายอ้วนแล้วพูดว่า: “คุณควรมาที่นี่เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือในวันนี้เหรอ? ฉันรอคุณมานานแล้ว!”
อย่างที่ประธานหลี่บอก คนอ้วนมาที่นี่เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือจริงๆ! เมื่อเร็วๆมานี้บริษัทของเค้ามีเงินจำนวนมากที่จะต้องจ่ายภาษี ดังนั้นเค้าจึงต้องการเข้าร่วมการกุศลเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีอย่างถูกกฎหมาย!
จากนั้นชายอ้วนก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ประธานหลี่นี่มีตาจริงๆเลย!”
“โอ้ ฉันทำให้คุณเจอเรื่องน่าขายหน้าแล้ว งั้นพวกเราขึ้นไปข้างบนกันเถอะค่ะ” ประธานหลี่ยิ้ม
ประธานหลี่เหลือบมองไปที่ฉินเฉิงแล้วพูดกับแผนกต้อนรับว่า: “ให้เงินเค้าแล้วไล่เค้าไปซะ อย่าให้มันมากระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัทของเรา”
“ค่ะ ท่านประธานหลี่ ไม่ต้องห่วง!” แผนกต้อนรับพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
เค้าควักเงินจากกระเป๋าของตัวเอง หยิบธนบัตรหลายร้อยหยวนออกมาแล้วโยนให้ฉินเฉิง จากนั้นก็พูดว่า “รีบเอาเงินไป อย่ามาก่อเรื่องที่นี่!”
ฉินเฉิงเหลือบมองธนบัตรที่ตกลงบนพื้น เค้าขมวดคิ้วขึ้นมาแล้วพูดว่า “พวกคุณคือองค์กรการกุศลหรือสังคมตอแหล?”
“นี่แกกำลังพูดเรื่องอะไรของแก!” ประธานหลี่ตะโกนขึ้นในทันที “อย่ามาทำมเรื่องขายหน้าที่นี่!”
ฉินเฉิงหัวเราะเยาะแล้วพูดว่า “ประธานหลี่ ดูเหมือนว่าความร่วมมือของเรามันก็ไม่ต้องพูดถึงแล้วนะ”
“ความร่วมมือ? ฉันต้องไปร่วมมือกับแกอย่างงั้นเหรอ?” ประธานหลี่มองไปที่ฉินเฉิง เธอคิดว่าเค้าก็แค่เด็กยากจนที่เข้ามาของเงิน
ฉินเฉิงไม่พูดอะไร เค้าหันหลังแล้วกำลังจะเดินจากไป ในตอนนี้เอง เธอก็มองเห็นจี้หงเซินที่เดินอยู่ไม่ไกล
“โอ้ ประธานจี้ คุณมาที่นี่ทำไมกัน!” จี้หงเซินเป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทอี้หมิง เค้าจ่ายเงินจำนวนมากให้กับที่นี่แทบทุกเดือน
การที่จะบอกว่าเธอเห็นจี้หงเซินดีกว่าพ่อแม่ของตัวเองนี่มันก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย!
เมื่อมองไปที่จี้หงเซินอีกครั้ง เธอก็รู้สึกตื่นเต้นและเป็นกังวล เธอรีบวิ่งเข้าไปหาเค้า
“ท่านประธานจี้ ช้าก่อน!” ประธานหลี่ทักทายเค้าด้วยรอยยิ้ม
อย่างไรก็ตาม ตี้หงเซินก็เดินหลบเธอไป เค้าเดินเข้าไปหาฉินเฉิงอย่างรวดเร็วแล้วพูดขึ้นมาด้วยความเคารพว่า: “คุณฉินครับ คุณมาทำอะไรที่นี่เหรอครับ?”
ฉินเฉิงพูดขึ้นมาอย่างเฉยเมยว่า: “นายท่านซูต้องการจัดงานเลี้ยงในรูปแบบของงานเลี้ยงการกุศล ฉันกำลังมองหาบริษัทที่จะร่วมมือ แต่ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าบริษัทอี้หมิงจะเป็นแบบนี้”
จี้หงเซินตกตะลึง เค้าหัวเราะแล้วพูดว่า: “คุณฉิน ถ้าคุณอยากทำบุญจริงๆ คุณมาที่สถานที่ๆแย่ๆแบบนี้ทำไมกัน คุณคิดว่านี่เป็นองค์กรการกุศลจริงๆเหรอครับ อันที่จริงมันคือสถานที่เลี่ยงภาษีของคนรวย เรียกมันว่าศูนย์บริการคนรวยน่าจะดีซะกว่า!”
“เห็นในอินเตอร์เห็นเค้าวิจารณ์ที่นี่กันว่าดี…” ฉินเฉิงก็บ่นขึ้นมา
“โอ้ นั่นมันก็คือการตลาดออนไลน์หนะครับ เชื่อไม่ได้หรอก เพียงแค่มีความสามารถทางการตลาดที่แข็งแกร่ง ขยะมันก็เปลี่ยนกลายมาเป็นของมีค่าได้” จี้หงเซินก็หัวเราะขึ้นมา
ในตอนนี้เอง สีหน้าของประธานหลี่ที่อยู่ด้านข้างก็กลายเป็นสีวเขียว
เธออดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าไปอย่างเย็นชา
ชายหนุ่มบ้านๆที่อยู่ตรงหน้าเธอก็คือฉินเฉิง เค้าคือคนที่ทำให้เฝิงกงก้มหัวให้? ลูกเขยของตระกูลซู?
“คะคะ…คุณฉิน…” ประธานหลี่ตกใจมาก มันมากจนหน้าผากของเธอมีเหงื่อออก เธอพูดเสียงสั่นไปหมด
ฉินเฉิงเหลือบมองเธออย่างจริงจังแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม: “บริษัทของเธอนี่มันหลอกฉันได้จริงๆเลยนะ”
หลังจากพูดประโยคนี้แล้ว ฉินเฉิงก็หันหลังแล้วเดินออกไป
“คุณฉิน!” จากนั้นประธานหลี่ก็ต้องการอธิบาย แต่ก็ถูกจี้หงเซินห้ามเอาไว้
“คุณหลี่ ฉันคิดว่าความร่วมมือระหว่างตระกูลจี้ของเรากับบริษัทอี้หมิงของคุณคงจะต้องสิ้นสุดลงตรงนี้แล้วหละ” จี้หงเซิงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา “นอกจากนี้แล้ว บริษัทของคุณควรย้ายออกจากเมืองนี้โดยเร็วที่สุด”
หลังจากพูดออกมาแบบนี้แล้ว จี้หงเซิงก็วิ่งเหยาะๆ เพื่อตามฉินเฉิงไป
“คุณฉิน รอผมด้วย!” จี้หงเซิงตะโกนขึ้นมา
หลังจากออกจากประตูไปแล้ว ฉินเฉิงก็รู้สึกปวดหัว
บริษัทแบบนี้มันมีอยู่กี่ที่กัน?
“คุณฉิน!” จี้หงเซิงวิ่งเข้ามา เค้าถูมือแล้วพูดว่า “คุณฉิน ผมมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจากคุณ คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบคุณที่นี่!”
“ขอความช่วยเหลือจากฉัน?” ฉินเฉิงอารมณ์เสียเล็กน้อย เค้าส่ายหัวแล้วพูดว่า “ฉันไม่ว่าง”
“เฮ้ คุณฉินผมวางแผนที่จะเลือกของขวัญให้กับนายท่านซู อย่างงั้นได้โปรดช่วยผมด้วย” จี้หงเซิงพูดขึ้นมาอย่างเป็นกังวลแล้วเดินตามมา
ฉินเฉิงเพิกเฉยแล้วเดินตรงไปข้างหน้า
จี้หงเซินเดินตามมาแล้วพูดอยู่ที่ด้านหลังของเค้า: “ในเมืองมันมีถนนอยู่เส้นนึง มันชื่อถนนซานเซิง ถนนเส้นนี้ดึงดูดผู้คนสจำนวนมากให้เอาของมีค่ามาขาย คุณฉิน คุณอยากจะลองไปเดินดูกับผมซักหน่อยไหม!”
ฉินเฉิงหยุดเดิน เค้าหันกลับมาและมองไปที่จี้หงเซินแล้วพูดว่า “ของมีค่าอะไร?”
“มีทุกอย่าง!” จี้หงเซิงพูดพลางตบหน้าอกของเค้า “ปีที่แล้วมีแพทย์อัจฉริยะขายยาไป! ว่ากันว่าตราบใดที่ยาอายุวัฒนะสามารถช่วยคนได้ มันก็จะสามารถช่วยชีวิตคนตายได้!”