จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่เป็นเหมือนดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า สำหรับคนธรรมดาแล้วพวกเค้าไม่กล้าที่จะมองขึ้นไป
ท่าทีที่จินชือพูดกับตัวเอง มันก็ชัดเจนทุกอย่างอยู่แล้ว
แต่ดูเหมือนว่าจิ้วเจี่ยวจะไม่เห็นชายชราลึกลับตนนี้อยู่ในสายตาของเค้า เค้ากำลังเล่นลูกปัดสองลูกที่อยู่ในมือ จากนั้นก็ถามด้วยรอยยิ้มว่า “แกคือจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่นั่งเหรอ?”
ชายชราไม่ตอบคำถามนี้ เค้าพูดอย่างใจดีว่า: “กลับไปซะ แล้วความคับข้องใจระหว่างสำนักชือหลงกับฉินเฉิงจะจบลงในวันนี้”
“จบลง?” จิ้วเจี่ยก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะเย้ยขึ้นมา “สำนักชื่อหลงของฉันสูญเสียคนไปหลายคนเพราะมัน แกจะมาบอกว่ามันจะจบลงง่ายๆแบบนี้อะเหรอ? ยิ่งไปกว่านั้น แกเป็นใครกัน?”
เมื่อได้ยินดังนั้น สิงโตทองคำที่อยู่ข้างๆ ก็หน้าซีดด้วยความกลัว เขาเอ่ยอย่างกังวลว่า “อาจารย์สายเก้า อย่า…”
จิ้วเจี่ยก็โบกมือขึ้นมาแล้วด้วยแรงระเบิดนี้เอง จินชือก็กระเด็นออกไปในทันที
หลังจากนั้นเค้าก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า: “ไอ่ขยะ หุบปากเหม็นๆของแกซะ”
สีหน้าของชายชราสงบนิ่ง แววตาของเค้ามันดูไม่มีความผันผวนอะไร ท่าทีของเค้ามันดูเฉยชา
จิ้วเจี่ยก็ถอนหายใจออกมาอย่างเย็นชาแล้วพูดขึ้นมาว่า: “ถ้าแกคือจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ ฉันจะยอมหันหลังแล้วจากไป แต่ถ้าแกไม่ใช่ ฉันจะทำให้แกทรมาณจนต้องร้องขอความตาย!”
หลังจากที่เค้าพูดจบ ที่ด้านหลังของจิ้วเจี่ยก็มีหัวมังกรขนาดใหญ่สามหัวก่อตัวขึ้นมา!
“นี่คือความสามารถของฉัน ที่สำนักชือหลงก็เรียกมันว่ากลยุทธ์สิบมังกร ตอนนี้ฉันก็ปล่อยมังกรออกมาแล้วสามตัว ฉันไม่รู้ว่าไอ่ที่เค้าเรียกกันว่าจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่จะสามารถใช้กลยุทธ์นี้ได้หรือไม่” จิ้วเจี่ยก็หรี่ตาลงแล้วพูดขึ้นมา
สีหน้าของชายชรายังคงไม่มีความหวั่นไหวอะไร เค้ายังคงสงบนิ่งและน่ากลัว
“แกล้งทำเป็นเข้ม” จิ้งเจี่ยก็ถ่มน้ำลายออกมา จากนั้นเค้าก็ตะโกนขึ้นมาอย่างโกรธแค้นแล้วมังกรทั้งสามตัวก็คำรามออกมาอย่างรุนแรง!
ความแข็งแกร่งอันน่าสะพรึงกลัวที่อยู่บนหัวมังกร ความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ มันก็แสดงออกมาอย่างเต็มที่พร้อมกับความสามารถในการทำลายล้างโลก!
“ตายซะ!” จิ้วเจี่ยก็ร้องตะโกนออกมาแล้วหัวมังกรทั้งสามนี้พร้อมด้วยพลังที่ไม่มีที่สิ้นสุดก็พุ่งเข้าใส่ชายชราในทันที!
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เอง ชายชราก็ยกนิ้วขึ้นมาแล้วปัดออกไปในอากาศเบาๆ จากนั้นหัวของมังกรทั้งสามก็ถูกตัดออกไปในทันที!
ท่าทีที่เรียบง่ายและไม่โอ้อวดแบบนี้เอง มันก็สามารถจัดการกับกลยุทธ์สิบมังกรได้อย่างง่ายได้!
สีหน้าของจิ้วเจี่ยก็เปลี่ยนไป ใบหน้าของเค้าซีดลง จากนั้นมันก็มีเลือดไหลออกมาจากที่มุมปากของเค้า
ทันใดนั้นเอง พลังทั้งหมดของเค้ามันก็หายไปในทันที ขาของเค้าอ่อนแรงลง จากนั้นเค้าก็ทรุดลงไปคุกเข่าอยู่ที่พื้นในทันที
“แก…แกคือจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ!” แววตาของจิ้วเจี่ยก็สั่นเทาด้วยความกลัว!
จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่คือคนในตำนาน แม้แต่ในจิ้วเจี่ยเองก็ยังไม่เคยเจอตัวจริงเลย!
ดังนั้นเค้าก็เลยคิดไม่ถึงเลยว่าชายชราคนนี้เค้าจะคือจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ!
อย่างที่ทุกคนรู้ จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่เค้าคือคนไม่มีใครอาจเทียบได้!
“ผมขอคาราวะ!” แม้ว่าจิ้วเจี่ยจะได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส แต่เค้าก็ไม่สนใจมัน เค้าคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความกลัว มันดูราวกับจะก้มลงกราบเทพพระเจ้า!
“คาราวะตอนนี้มันก็สายไปแล้วยังจะมาอวดดีอีก!” ท่าทีจิ้วเจี่ยดูนอบน้อมเป็นอย่างมาก ในตอนนี้มันก็ดูแตกต่างจากตอนแรกที่เย่อหยิ่งเป็นอย่างมาก
ชายชรายังคงนิ่งเฉย แต่จิ้วเจี่ยก็ก้มหน้าลง เค้าไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองเลย
“ผมสำนักชื่อหลงขอสาบาน จากนี้ไปผมจะไม่เป็นศัตรูกับฉินเฉิงอีก!” เมื่อเห็นว่าชายชราไม่พูดอะไร จิ้วเจี่ยก็สาบานขึ้นมา
ชายชราก็พยักหน้าเล็กน้อย เค้าก็โบกมือขึ้นมาเล็กน้อย : “เราไปกันเถอะ”
ฉินเฉิงตกลง เค้าเดินตามชายชราแล้วออกไป
ในตอนนี้เอง จิ้วเจี่ยกับจินชือก็คุกเข่าลงกับพื้น พวกเค้าไม่กล้าแม้แต่จะมองไปที่หลังของทั้งสองคนเลย
จนกระทั่งชายชราเดินไปไกล จิ้วเจี่ยถึงกล้าเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วถอนหายใจออกมา
“ที่ข้างหลังของฉินเฉิง มีจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่หนุนอยู่ … ” สีหน้าของจิ้วเจี่ยก็ดูไม่ได้เลย
แม้ว่าสำนักชื่อหลงคาดเดามานานแล้วว่าจะมีปรมาจารย์ที่อยู่เบื้องหลังฉินเฉิงในฐานะครู แต่เค้าก็คิดไม่ถึงจริงๆเลยว่าจะเป็นจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่แบบนี้!
หากจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ต้องการที่จะฆ่าเค้าจริงๆ แม้แต่สำนักชื่อหลงเองก็ไม่กล้าที่จะล้างแค้น!
“ส่งข่าวกลับไปที่สำนัก” จิ้วเจี่ยก็มองไปที่จินชือแล้วพูดว่า “บอกไปว่าข่าวกรองที่รายงานเรามันผิดพลาด”
จินชือก็ลุกขึ้นแล้วพูดว่า “ครับ!”
“ใช่แล้ว ไปโพสต์ข้อความว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ความคับข้องใจระหว่าง สำนักชื่อหลงกับฉินเฉิงได้จบลงแล้ว!” จิ้วเจี่ยก็ดูเหมือนจะนึกถึงอะไรบางอย่างได้ จากนั้นเค้าก็รีบพูดขึ้นมา
จินชือก็คำนับแล้วพูดว่า “ครับ นายท่านจิ้วเจี่ย!”
…
ที่คฤหาสน์ จอมยุทธ์คนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ
เค้ายืนอยู่ตรงกลางของคฤหาสน์แห่งนี้แล้วใช้พลังแห่งจิตศิกดิ์สิทธิ์เก็บกวาดคฤหาสน์ทั้งหลัง
คนๆนี้เค้าไม่ใช่ใครอื่นเลย แต่เค้าคือจอมยุทธ์ที่ฟางจิ้งเหยาเชิญมา จอมยุทธ์เฉียว เฉียวไท่กู่!
“ไม่มีใครเลยเหรอ?” สีหน้าของเฉียวไท่กู่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เค้าก็ถอนหายใจแล้วพูดเบาๆขึ้นมาว่า “ดูเหมือนว่า…ฉันมาสายไปนะ”
เค้าหันกลับมาที่รถแล้วโทรหาฟางจิ้งเหยา
ในตอนนี้ ฟางจิ้งเหยาก็กำลังรอข่าวที่บ้านของนายท่านซู
หลังจากเห็นเฉียวไท่กู่โทรเข้ามาแล้ว ฟางจิ้งเหยาก็รีบรับสายแล้วถามขึ้นมาอย่างเป็นกังวลว่า: “คุณเฉียว เป็นยังไงบ้าง?”
เฉียวไท่กู่ก็กล่าวขึ้นมาด้วยความเศร้าว่า: “ผมขอโทษด้วยครับหัวหน้าฝาง ฉันมาสายไป”
“อะไรนะ!” สีหน้าของฟางจิงเหยาอ่อนลง จากนั้นเค้าก็นั่งลงบนโซฟาในทันที
“เป็นยังไงบ้าง? ฉินเฉิงไม่เป็นไรใช่ไหม?” นายท่านซูก็ลุกขึ้นแล้วถาม
สีหน้าของฟางจิ้งเหยาซีดไปหมด เค้าพูดเบาๆขึ้นมาว่า “ฉินเฉิง…ฉินเฉิงอาจจะตายแล้ว…”
เมื่อนายท่านซูได้ยินแบบนี้เอง เค้าก็หมดสติไปในทันที
…
ฉินเฉิงกับชายชราลึกลับก็เดินไปตามถนน
ฉินเฉิงก็มีข้อสงสัยมากมายในใจของเค้า เค้าแทบทนรอไม่ไหวที่จะถาม: “ผู้อาวุโส ซูวานเป็นยังไงบ้าง?”
“คำถามนี้ของเธอฉันตอบไปแล้ว” ชายชราลูบเคราของตัวเองแล้วพูดออกมาช้าๆ
“แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้เจอเธอ” ฉินเฉิงถามขึ้นมาอย่างเป็นกังวล
“คำถามนี้ฉันก็ตอบไปแล้วเหมือนกัน” ชายชรายิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
ฉินเฉิงก็พูดไม่ออก เค้าแทบจะสบถออกมา
“งั้นก็ได้” ฉินเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “คุณบอกฉันได้ไหมว่าพ่อของฉันไปไหน เค้ายังมีชีวิตอยู่ไหม ถ้าเค้าตายแล้ว ใครเป็นคนฆ่าเค้า นอกจากนี้ แม่ของผมโจวฉิน เธอเป็นคนแบบไหนกัน? ทำไมช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เธอไม่เคยมาเยี่ยมหาผมเลย”
คำถามหลายคำถามติดต่อกัน มันก็ทำให้ชายชราตกอยู่ในความเงียบ
หลังจบแล้ว เค้าก็พูดขึ้นมาช้าๆว่า “ในโลกนี้ ไม่มีใครฆ่าพ่อเธอได้หรอก ฉันเองก็ไม่รู้ว่าบนโลกนี้เค้ามีกี่ครอบครัวกัน”
ฉินเฉิงผงะ จากนั้นเค้าก็ถามขึ้นมาอย่างไม่มั่นใจว่า: “อย่างงั้นเค้าไปไหน?”
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” ชายชราถอนหายใจออกมา “เธอจะต้องหาคำตอบพวกนี้ด้วยตัวเองเท่านั้น”
หลังจากฟังสิ่งที่ชายชราพูดออกมาแล้ว ฉินเฉิงก็ยิ่งรู้สึกสับสนมากขึ้นไปอีก
ตัวตนของพ่อของเค้ามันมีแต่ยิ่งจะทำให้เค้าสับสน
“แล้วแม่ของผมล่ะ” ฉินเฉิงถามขึ้นมาด้วยความรู้สึกเป็นกังวล
ชายชรามองไปที่ฉินเฉิง จากนั้นเค้าก็ชี้ไปทางทิศเหนือแล้วพูดว่า “เธออยู่ที่เมืองจิงตู”
“ฉันรู้ว่าอยู่ที่เมืองจิงตู แต่ฉันอยากรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเธอ” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น