บทที่ 16 – นักสำรวจดันเจี้ยนสามารถจะตื่นขึ้นได้เหมือนกันงั้นหรอ? (2)
ฉันได้ตัดสินใจที่จะล่าราชินีวิญญาณกับสมาชิกป้าตี้ 10 คนในครั้งแรก ถ้าหากว่าฉันทำสำเร็จได้โดยที่ไม่มีใครตายฉันก็จะลดจำนวนคนลงให้เหลือ เก้า จากนั้นก็ 8 และลงไปเรื่อยๆจนฉันสามารถที่จะเอาชนะมันได้เพียงลำพัง
“หัวหน้าปาตี้ของเราเลเวล 15”
“ทำไมเขาถึงกลับมาที่ชั้นที่ 10 ล่ะ?”
“มีคนบางคนที่เป็นแบบนี้บางครั้ง นายรู้ไหมว่าอุปกรณ์ของพวกบอสจะดรอปออกมา พวกเขาต้องการที่จะเก็บสะสมพวกมัน”
“อ่อ มันเป็นไม่ได้นี่นาที่จะรวบรวมพวกมันทั้งหมด”
“ชู่วว เพียงแค่ปล่อยเชาเอาไว้”
แน่นอนว่าฉันก็ได้วางแผนที่จะทำแบบนั้นเช่นกัน อืม บางทีมันอาจจะไม่ใช่แผนหลักของฉัน ตั้งแต่ที่ฉันรู้ว่ามันจะมีอิลิกเซอร์บรเทาวิญญาณให้ฉันได้สะสม โดยไม่ต้องถามคนอื่นๆ ฉันได้เปิดประตูห้องบอสเข้าไป
“กรี๊ดดด”
“มนุษย์ มีมนุษย์อยู่”
“กรี๊ดดด”
“ทุกคนเข้าไป! แท้งสองคนตรึงเธอเอาไว้! คนสร้างความเสียหายประจำตำแหน่ง! เท็มเพรส!”
ในขณะที่ฉันออกคำสั่ง ฉันก็ได้เป่าพวกวิญญาณร้ายออกไปจากทางด้วยเท็มเพรส ด้วยวิญญาณที่หายไปกว่าครึ่งอย่างกระทันหัน พวกวิญญาณที่เหลือได้ตื่นตระหนกและบินไปรอบๆ ในขณะเดียวกับราชินีวิญญาณก็เริ่มที่จะทำท่าอัญเชิญ เมื่อเห็นการแสดงออกที่งุนงงอยู่ของสมาชิกในปาตี้ ฉันก็ยิ้มและสั่งพวกเขา
“ราชินีวิญญาณมันกำลังทำการอัญเชิญ! ทุกคนโจมตี!”
หลังจากสองเดือน ฉันได้ประสบความสำเร็จในการเปลื่ยนจากมงกุฏราชกุมารแห่งชั้นที่ 5 มาเป็นมงกุฏราชกุมารแห่งชั้นที่ 10 แทน
“พี่ชายมงกุฏราชกุมาร”
“ไม่มีทางน่า นี้มันเป็นปาตี้ของมงกุฏราชกุมาร”
“พี่ชายมงกุฏราชกุมาร มีกี่คนแล้วที่เข้าปาตี้ของคุณในวันนี้?”
สามสาวสวยผมบลอนด์ได้เทเลพอตมาที่ด้านหน้าของฉัน เพราะว่าฉันได้เข้าร่วมปาตี้กับทุกๆคนจากโลกอื่นๆ ฉันจึงได้ได้เกรงใจคนทั่วไปแบบพวกเขา
คัง ชิน นายโตขึ้นแล้ว! คิดแล้วว่าวันนี้จะมาถึงซึ่งคุณสามารถล้อมรอบไปด้วยสาวงาม
“มันจะมีเพียงแค่พวกเราสี่คน”
“…แต่ว่านายยังไม่ได้ถามว่าพวกเราเป็นอาชีพอะไรมั้งเลย”
“มีหนึ่งในพวกเธอเป็นฮีลเลอร์ใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว นายรู้ได้ยังไง?”
“ฉันได้พบว่าปาตี้สามคนหรือมากกว่านั้นมักจะมีฮีลเลอร์อยู่กับพวกเขาด้วย”
ฉันได้ตอบกลับไปอย่างรวดเร็วและตรวจสอบอุปการณ์สวมใส่ของฉัน ฉันได้กินอิลิกเซอร์บรรเทาวิญญาณมาแล้ว 53 ครั้งจนถึงตอนนี้และได้เพิ่มพลังเวทย์และเสน่ห์ขึ้นอย่างละ 9 อิลิกเซอร์บีบอัดกล้ามเนื้อ กระดูก และผิวหนัง มันหยุดที่จะสงผลหลังจากที่เพิ่มสเตตัสขึ้น 10 ดังนั้นฉันจึงสันนิษฐานว่ามันก็จะเป็นเช่นเดียวกันกับอิลิกเซอร์บรเทาวิญญาณ หรือพูดอีกอย่างนึงก็คือเมื่อฉันได้ยกระดับพลังเวทย์และเสน่ห์ขึ้นอีก 1 มันก็จึงถึงเวลาที่ฉันจะหยุดใช้อิลิกเซอร์บรรเทาวิญญาณ
ในเจ็ดครั้งที่อิลิกเซอร์ไม่ได้ดรอปออกมา ฉันจึงได้เลือกอุปการณ์สวมใส่หกชิ้น และโพชั่นขนาดกลาง 1 ครั้ง ฉันในตอนนี้มีเสื้อคลุมของราชินีวิญญาณ แจ็คเก็ตดำของราชินีวิญญาณ กางเกงขาวของราชีนีวิญญาณ ถุงมือของของราชินีวิญญาณ รองเท้าของราชินีวิญญาณและแส้หนังของราชินีวิญญาณ
อุปกรณ์ของราชินีวิญญาณน้ำทำมาจากผ้าที่มีน้ำหนักเบา แต่เนื่องจากว่าฉันไม่รู้ว่ามันจะมีทักษะอะไรมาด้วยมั้ย ฉันจึงได้ตัดสินใจที่จะรวบรวมมันทั้งหมด อย่างที่บอกฉันไม่สามารถจะใช้อาวุธของราชินีวิญญาณได้มันเป็นแส้
“การทำงานหนักมันใกล้จะจบลงแล้ว”
“เอ๊ะ? จบลง? นายกำลังจะออกไปจากชั้นที่ 10 แล้วหรอ?”
“อา ฉันจะยังคงอยู่รอบๆนี้อีกหน่อยนึง แต่ว่าฉันก็ต้องไปที่ชั้นที่ 15 ในอีกไม่ช้า”
“ว้าว ตามที่คาดเอาไว้สมกับเป็นมงกุฏราชกุมาร”
“เจ๋ง…”
“เอาละถ้างั้น พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ”
ราชินีวิญญาณสามารถจะล่าได้ง่ายกว่าออร์คลอร์ด อย่างน้อยฉันก็คิดแบบนั้น เหตุผลก็ง่ายๆ ลูกน้องของมันสามารถจะหายไปได้ด้วยการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว และลูกธนูที่ยิงจากบอสก็สามารถจะป้องกันได้อย่างง่ายดายด้วยโล่สปิริต สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยทักษะพิเศษของราชินีวิญญาณที่ทำให้นักสำรวจนับไม่ถ้วนอยู่ในความสิ้นหวังนั้นสามารถจะป้องกันได้ด้วยทักษะวอคลาย
ฉันก็แค่จะต้องใช้ทักษะได้อย่างถูกต้องและเอาชนะราชินีวิญญาณ ในอดีตเมื่อออร์คลอร์ดมันได้ใช้วอคลาย ฉันรู้สึกเหมือนกับฉันได้ห้ยตัวอยู่หุบเหวแห่งความตาย ตรงกันข้ามกับการต่อสู้ของราชินีวิญญาณมันได้กลายเป็นเรื่องหายมากจนฉันถึงกับหาวออกมา
ในความจริงแล้ว ฉันก็มีความมั่นใจอย่างเต็มที่ที่จะเอาชนะราชินีวิญญาณด้วยตัวเอง เหตุผลเดียวที่ฉันยังคงไม่ทำมันก็คือฉันยังคงมองหาอิลิกเซอร์เพิ่มเติมอยู่
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความจริงที่ว่าฉันอยู่ที่เลเวล 15 มันจึงมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างบอสในชั้นที่ 5 กับชั้นที่ 10 นอกจากนี้ฉันยังได้ใช้เวลาในการพัฒนาตัวเองในชั้นที่ 5 มาถึง 3 ปีกับออร์คลอร์ด
เหตุผลเดียวที่ฉันต้องการฮีลเลอร์ในปาตี้ก็คือเพื่อให้แน่ใจว่าสมาชิกปาตี้คยอื่ยๆจะสามารถอยู่รอดได้จนจบ ในบรรดานักสำรวจดันเจี้ยนมีบางคนที่ขาดควงามสามารถแล้วติดอยู่ที่ชั้นนี้มานานแล้ว ฉันจึงต้องการที่จะช่วยให้เขาก้าวไปสู้ชั้นต่อไปได้อย่างปลอดภัย
ในเกม RPG คุณจะได้รับประสบการณ์และเลเวลอัพขึ้นเมื่อใดก็ตามที่ฆ่ามอนสเตอร์ อย่างไรก็ตามมันไม่ง่ายสำหรับในดันเจี้ยน เมื่อต้องการที่จะเลเวลขึ้นคุณจะต้องพิสูจน์ว่าคุณมีคุณสมบัตินั้นโดยการเอาชั้นชั้นในดันเจี้ยนหรือชั้นบอสในดันเจี้ยน
คุณจะไม่ได้รับความแข็งแกร่งด้วยการเลเวลอัพ การพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตัวคุณเองต่างห่างที่ทำให้คุณเลเวลอัพ เช่นเดียวกันกับคำว่าคนที่แข็งแกร่งก็จะแข็งแกร่งขึ้นและคนที่อ่อนแอก็จะอ่อนแอต่อไป
ในตอนแรกฉันนั้นเป็นอันดับสุดท้ายของนักสำรวจดันเจี้ยนทั้ง 140000 คน ในตอนนี้ฉันได้อยู่ในท็อป 100000 แล้ว ในอีกคำพูดหนึ่งก็คือมีคนที่ไม่สามารถจะผ่านไปชั้นที่ 15 ได้ถึง 40000 คน แน่นอนว่าจำนวนนี้รวมผู้คนในดันเจี้ยนที่ 2 3 และ 4 อีกด้วย
จากนักสำรวจบนโลกทั้ง 5 คน ตอนนี้ฉันอยู่ในอันดับที่ 3 พ่อของฉันก็ยังคงอยู่ต่ำกว่าฉัน และดูเหมือนจะมีอีกคนที่อยู่ต่ำกว่าฉัน ถึงแม้ว่าฉันจะอยากรู้ว่าใครเป็นนักสำรวจระดับ 1 แต่เพราะว่าฉันไม่สามารถจะทำอะไรกับสิ่งนี้ได้ ฉันจึงได้ตัดสินใจที่จะไม่สนใจในตัวตนของเขาในตอนนี้
ทำไมฉันถึงพูดเรื่องนี้นะหรอ? เพื่อที่จะพิสูจน์ความคิดของฉันที่ว่าดันเจี้ยนนี้มันเป็นจุดยืนที่มุ่งเน้นไปที่ความแข็งแกร่งยังไงหละ
เมื่อได้เอาชนะราชินีววิญญาณในเวลาไม่ถึง 10 นาที ทั้งสามสาวก็มีการแสดงออกที่แตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง
“พี่ชายมงกุฏราชกุมาร…คุณเป็นคนที่แข็งแกร่งมากจริงๆ”
“อึก…อืมมม พี่ชายมงกุฏราชกุมาร”
“ว่าไง?”
ขณะที่ผมกำลังจะมองไปที่ลิสไอเทม หัวของผมก็ได้หันไปทางสามสาวสวย
“เริ่มจากชั้นที่ 11 คุณรู้มั้ยว่าคุณสามารถจะเข้าร่วมปาตี้กับผู้คนจากทวีปอื่นๆได้?…คุณต้องการที่จะปาตี้กับพวกเราต่อมั้ย?”
“ใช่แล้วพี่ชายมงกุฏราชกุมาย ฉันไม่ได้อยู่ในสถานะจะพูดแบบนั้น แต่ถ้ามันเป็นคุณ ฉันก็ยินดีที่จะ….”
สิ่งนี้มันเป็นสิ่งที่ล่อใจที่ฉันไม่เคยได้รับมาในตอนที่ต่อสู้กับบอสในชั้นที่ 5 มันเป็นแบบนี้เพราะว่าพวกเขายังไม่ได้รู้ถึงเสน่ห์ของดันเจี้ยนหรือความสำคัญของการที่มีสมาชิกปาตี้ที่แข็งแกร่ง เริ่มจากชั้นที่ 11 อย่างไรก็ตามการจัดปาตี้กับคนจากต่างทวีปก็จะเป็นไปได้ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีคนอยากจะรับคนในปาตี้ที่แข็งแกร่งเข้ามาในปาตี้ของพวกเขา
การปีนขึ้นไปในดันเจี้ยนจะทำให้แข็งแกร่งขึ้น การยืมความแข็งแกร่งของผู้อื่นก็ไม่ได้เปลื่ยนความจริงข้อนี้
ในความจริงแล้วมันก็เป็นเรื่องที่โง่เง่าเป็นอย่างมากถ้าหากว่าคนจะมุ่งเน้นไปที่การเลเวลอัพอย่างเดียว พวกเขาจะละเลยการพัฒนาทักษะของพวกเขาเอง ในท้ายที่สุดพวกเขาก็จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากล้มลงไปที่ไหนสักแห่งในดันเจี้ยน
อย่างไรก็ตามหญิงสาวพวกนี้ไม่ได้คิดที่จะใช้สิ่งต่างๆเช่นรูปลักษณ์ที่ดึงดูดใจมาดึงดูดฉัน มีคนมาดึงเสื้อของฉันและกระซิบว่า ‘ฉันไม่ได้คิดที่จะเสนอร่างกายของฉันถ้าหากคุณเข้าปาตี้ของเราหรอกนะ’
นี่มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น แม้แต่ในปาตี้ที่มีคนครบแล้ว พวกเขายังเสนอที่จะเตะคนนึงออกไปและรับฉันไปแทน แต่คำตอบของฉันก็ยังคงเหมือนเดิมเสมอ
“ขอโทษนะ แต่ว่าฉันต้องการที่จะทดสอบว่าฉันจะสามารถไปได้ไกลแค่ไหนในดันเจี้ยนด้วยตัวเอง”
“อา พี่ชายมงกุฏราชกุมาร”
“ถ้างั้น ฉันไปละนะ ฉันหวังว่าคุณจะได้พบกับสิ่งที่คุณกำลังมองหาในดันเจี้ยน”
“ฉันได้ยืนยันว่ามีอิลิกเซอร์ในลิสไอเทม ฉันได้หยิบมาอย่างรวดเร็วและยกเลิกปาตี้ไป เมื่อฉันได้ออกจากห้องบอสและปิดประตู มันก็เริ่มที่จะจางและหายไป ทั้งสามคนได้กลับไปที่ดันเจี้ยนที่พวกเขาจากมา ฉันได้พบว่าโลเล็ตต้ามองมาที่ฉันและยิ้ม
“ยินดีที่ได้เจอเธออีกครั้ง”
“ใช่แล้ว นายยังไม่ยอมแพ้ในเควสอีกหรอ?”
“ฮ่าๆ เดี๋ยวจะรู้กัน…อึก..”
ไม่สามารถจะคิดถึงสิ่งที่โลเล็ตต้าจะกล่าวออกมาได้เมื่อฉันทำมันสำเร็จ ฉันได้หัวเราะและดื่มอิลิกเซอร์ลงไป
[จิตวิญญาณของคุณได้ถูทำให้บริสุทธิ์ พลังเวทย์และเสน่ห์ของคุณเพิ่มขึ้น 1 การมีวิญญาณที่สมบูรณ์แบบมีผลต่อร่างกายทำให้การต่อการควบคุมมานาและทำให้ดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้นสำหรับคนอื่นๆ ความสัมพันธ์ทางวิญญาณของคุณได้เพิ่มขึ้น การใช้อิลิกเซอร์บรรเทาวิญญาณมากกว่านี้จะไม่มีผลอะไรแล้ว]
[ระยะเวลาสำหรับทักษะการพิสูจน์แห่งไดฟิคได้เพิ่มขึ้น และเวลาคูลดาวล์ลดลง 1วัน]
“….ฮ่าๆ”
ตอนที่ฉันได้เห็นข้อความฉันได้หัวเราะออกมา มันช่วยไม่ได้นี่นา ฉันไม่เคยคิดเลยว่ามันจะมีผลเพิ่มเติมแบบนี้ โลเล็ตต้าได้จ้องมองมาที่ฉันเหมือนกับมองคนบ้า ฉันจึงอธิบายกับโลเล็ตต้าไปว้า
“พี่สาวโลเล็ตต้า ฉันจะเคลียเควสของเธอในวันพรุ่งนี้”
“เอ๊ะ? ฉันคิดว่านายจะไม่ทำมันเพราะว่าไม่มั่นใจซักอีก รอเดี๋ยวนะ สิ่งที่นายพึ่งจะกินไปมันคืออิลิกเซอร์บรรเทาวิญญาณใช่มั้ย?”
“ใช่แล้ว”
“…ฉันขอถามนายหน่อยว่าอิลิกเซอร์บรรเทาวิญญาณกี่ขวดแล้วที่นายได้กินไป?”
“54 ขวดตะกี้มันเป็นขวดสุดท้าย”
“….”
พี่สาวโลเล็ตต้าได้กลายไปเป็นหิน เพราะว่าเธอไม่ได้ตอบสนองแม้วว่าฉันจะโบกมือข้างหน้าเธอ ฉันได้จิ้มไปที่แก้มของเธอเบาๆ เพียงเท่านั้นเธอก็ได้สติกลับมา
“โอ้ นายกำลังทำอะไร?”
“เปล่า ฉันกำลังคิดว่าเธอถูกแช่แข็ง”
“แน่นอนว่าไม่! ฉันเพียงแค่ตกอยู่ในความประหลาดใจ”
“มันน่าแปลกใจงั้นหรอ?”
“ฉันไม่คิดว่าจะมีใครสามารถกินอิลิกเซอร์บรรเทาวิญญาณได้มากเท่านี้ แม้แต่คนที่โชคดีพอจะได้รับอิลิกเซอร์บรรเทาวิญญาณก็หยุดหลังจากที่…เดี๋ยวก่อนนะ
ดูเหมือนว่าโลเล็ตต้าจะคิดอะไรบางอย่างได้ เธอจึงถามออกมา
“นายก็ยังได้กินอิลิกฌวอร์บีบอัดกล้ามเนื้อด้วยใช่ไหม?”
“อิลิกเซอร์บีบอัดกระดูกและผิวหนังก็ด้วยนะ”
“อุหว๋า ฉันสงสัยว่าจะต้องตัวใหญ่ขนาดไหนกันถึงจะผอมมาเป็นแบบนี้…แถมนี่ยังเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินมาว่ามีอิลิกเซอร์บีบอัดผิวหนังด้วย”
“แปลว่ามันมีหลายอย่างที่พี่สาวยังไม่รู้จัก”
“ปกติฉันจะอยู่เพียงแค่ชั้นซื้อขายเท่านั้น ถ้าหายว่าไม่มีใครเอาของที่บอสดรอปมาขายให้ฉัน ฉันก็จะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าชั้นบอสจะให้รางวัลอะไร”
คนที่ได้รับอิลิกเซอร์บีบอัดผิวหนังคงจะต้องกินมันลงไปเอง เหมือนกันกับฉัน
“ใช่แล้ว ใช่ นายนะน่าอัศจรรย์มาก อี๊ ฉันเลือกคนที่จะเดิมพันด้วยผิดแล้ว ดังนั้นนี้มันเป็นเหตุผลที่นายไม่ได้ตายเลยซักครั้งในตลอดช่วงสองเดือนนี้ใช่ไหม”
เธอได้บ่นออกมา แต่ในไม่ช้าเธอก็ได้แสดงท่าทางออกมาถึงความโล่งอก
“เอาละ มันอาจจะดีกว่าสำหรับเส้นทางนี้ ฮุฮุ ลองพยายามมันให้ดีที่สุด ฉันจะคอยดูนะว่านายจะไปได้ไกลมากแค่ไหน?”
คำพูดที่ว่า ”พยายามให้ดีที่สุด’ นี้มันมีความแตกต่างกันนิดหน่อยกับในครั้งก่อนที่เธอพูด มันเป็นการกล่าวสนับสนุนด้วยความจริงใจ รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเธอ
“อย่าทำเพียงแค่เฝ้ามอง ช่วยเหลือฉันต่อไปด้วย”
“ฉันเป็นเจ้าของร้านขายของ บทบาทหน้าที่ของฉันคือการขายไอเทมอย่างเป็นกลางและเป็นธรรม ฉันจะแน่ใจที่จะขายไอเทมที่ถูกที่ถูกเวลา ดังนั้นนี่มันคือสิ่งที่ฉันจะทำ”
“จิ๊ ทันใดนั้นพี่สาวกลับกลายเป็นเย็นชา พี่สาวจะน่ารักนะเมื่อพี่สาวโกรธ”
“นะ น่ารัก…!”
ใบหน้าของโลเล็ตต้าได้เปลื่ยนเป็นสีแดงในทันที ฉันรู้สึกด้ถึงอันตราย ฉันจึงรีบเปิดโทรศัพท์ของฉันเพื่อที่จะออกไปจากดันเจี้ยนอย่างรวดเร็ว แต่ว่ามันช้าเกินไปก้าวหนึ่ง
“หยุดนะ เจ้าลูกค้าที่หยาบคาย”
“ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ!”
แน่นอฉันได้โบกมือให้เธอและหันหลังออกไป ฉันสามารถจะท้าทายราชินีวิญญาณได้เพียงวันละครั้งเท่านั้น ในชวงเวลานี้ฉันจะฝึกฝนทักษะหอก โคจรวงจรเพรูต้าเพื่อนเพิ่มมานา อ่านหนังสือ หรือไม่ก็ไปช่วยแม่ทำงานหนักๆ
‘เอาละ ไปเริ่มทำการโคจรวงจรเพรูต้าของฉันกันก่อน’
“เดี่ยววววว!”