บทที่ 17 – นักสำรวจดันเจี้ยนสามารถจะตื่นขึ้นได้เหมือนกันงั้นหรอ? (3)
สี่เดือนครึ่งหลังจากที่ดวงจันทร์สองดวงปรากฏ เหล่ามนอสเตอร์ผู้บุกรุกได้ถูกฆ่าและขับไล่ออกไปจากเมือง ในขณะเดียวกันก็มีการซ่อมแซมพื้นที่ๆถูกทำลายไปอย่างเต็มที่
ด้วยพวกผู้พิทักษ์และปีกแห่งเสรีที่ทำงานกันมากขึ้น โลกก็ดูเหมือนจะฟื้นคืนจากการพังทลาย ในตอนนี้มันเป็นเวลาแห่งการเปลื่ยนแปลง
แม้ว่าโรงเรียนจะยังไม่ได้กลับมาเปิด แต่มันก็มีข่าวลือว่ามหาวิทยาลัยจะทำการเปิดใหม่อีกรอบในฤดูใบไม้ร่วงและมีการเปิดภาคเรียน แถมมันยังมีแนวโน้มว่าโรงเรียนมัธยมปลายและต้นก็จะเปิดในเวลานั้นเช่นเดียวกัน
“พี่ชาย พี่แข็งแรงมากจริงๆ”
“อยู่แล้ว”
ฉันกำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟ้าเคียงข้างกับน้องสาว ถ้าหากว่ามันมีสิ่งใดที่ต่างไปจากฉันในอดีตก็คือฉันสามารถนั่งเคียงข้างกับคนในครอบครัวได้
ในอดีตฉันไม่สามารถจะนั่งคู่กับพวกเขาแม้กระทั่งนั่งในโวฟาสำหรับสี่ที่นั่ง
แม้ว่าแม่และยุยจะมีร่างกายที่เล็กมา แต่ว่าพ่อก็สูงและมีกล้ามเนื้อและฉันก็ดูเหมือนกับออร์ค มมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะนั่งร่วมกับคนอื่นๆ
แต่ว่าตอนนี้มันแตกต่างออกไป เราสามารถจะนั่งเคียงข้างกันและกันพร้อมกับดูทีวีได้เหมือนกับพี่ชายน้องสาวที่รักกัน นี่มันคือพรของพระเจ้า
“พี่ชายฉันไม่หนักหรอ?”
“เธอดูเบาเหมือนขนนกเลยล่ะ อย่าไปพยายามไดเอทเลยยุย เธอจะตัวลีบและตายเอานะ”
“โถ๋ ฉันไม่ได้ผอมขนาดนั้นซะหน่อย”
ยุยหัวเราะออกมาอย่างขุ่นเคือง ในความเป็นจริงแล้วยุยเป็นเด็กที่น่าสงสาร เมื่อช่วงวัยเด็กของเธอควรจะถูกทำลายไปโดยพี่ชายของเธอ เขาได้ยุ่งมากๆและเหวี่ยงหอกออกไปพร้อมกับพูดถึงการไปดันเจี้ยน เธอสามารถจะทำนิสัยเอาแต่ใจของเด็กได้แค่ต่อหน้าแม่เท่านั้น
แต่แม้อย่างนั้นแม่ก็ไม่ได้มีแนวโน้มที่จะตามใจพวกเราเลย ดังนั้นยุยขึงโตขึ้นมากลายเป็นสงบเรียบร้อยและจะเป็นผู้ใหญ่มากกว่าอายุของเธอ
มันช่วยไม่ได้ที่ฉันจะรู้สึกผิด ฉันต้องการที่จะทำมันให้ถูกต้อง ยุยลังเลในตอนแรก แต่ว่าในตอนนี้เธอดูเหมือนจะเคยชินกับมันแล้ว ตอนนี้เธอมักจะทำตัวเอาแต่ใจเมื่ออยู่รอบๆฉัน
[นี่คือภาพจากผู้ใช้พลังของเกาหลีที่มีพลังระดับ SS เทพธิด่แห่งแมกม่า เย่ ฮั่วหยา เธอกำลังทำการล่ามอนสเตอร์ไวเวินระดับ S]
[เธอคือความภาคภูมิใจและความน่ายินดีของเกาหลี]
บนหน้าจอทีวีเป็นผู้หญิงที่ดูอายุ 20 กว่าๆ เธอกำลังเผาไวเวินอยู่ ซึ่งมันดูคล้ายกับมังกรยาว 10 เมตร บางทีอาจจะเป็นเพราะการตื่นขึ้น ไม่เพียงแค่ผมที่ยาวถึงเอลของเธอเท่านั้นแต่ดวงตาของเธอก็ยังเป็นสีแดงเพลิงอีกด้วย การเผาไวเวินมันดูเหมือนจะได้รับความทรมานอย่างมาก ฉันได้คิดขึ้นมาว่า ‘ถ้าหากไฟนั่นโดนฉันขึ้นมามันคงจะเผาฉันไปในทันที’
ในโลกแห่งความจริงนั้นมันไม่ยุติธรรม ฉันจะต้องเริ่มจากระดับ 1 และทำงานอย่างหนักเป็นเวลาหลายปีเพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น แต่คนอื่นๆกลับมีโชคดีและตื่นขึ้นมากลายเป็นระดับ SS สามารถจะเอาชนะเหล่ามอนสเตอร์ที่น่าสะพรึงกลัวได้อย่างง่ายดาย
จากนั้นมันก็เป็นอีกครั้ง มีคนที่ตื่นมาแล้วมีพลังที่อ่อนแอและสามารถจะอยู่ได้ในระดับ E หรือ D เท่านั้น ในทำนองเดียวตราบใดที่ฉันยังคงปีนดันเจี้ยนต่อไป มันก็แน่นอนว่าฉันสามารถจะได้รับความแข็งแกร่งที่มากยิ่งกว่าเธอ สิ่งที่ฉันได้รับมันเป็นไปได้มากกว่าความแข็งแกร่ง
และพวกผู้ใช้พลังนั้นเป็นเพียงคนธรรมดา มีคนจำนวนมากได้ตายไปในสถานการณ์นี้ที่พวกเขาสามารถจะมีชิวิตรอดได้เพราะว่าพวกเขาได้ตื่นขึ้นมาแม้ว่าจะมีพลังที่ต่ำสุด มีคนจำนวนมากที่ปฏิเสธที่จะออกไปจากบ้านเพราะว่าพวกเขานั้นไม่ได้ตื่นขึ้น
ฉันได้เรียนรู้วิชาหอกตั้งแต่ยังเด็ก แต่ว่าก็ยังมีคนอื่นๆอีกมากมายที่เรียนศิลปะการต่อสู้ แต่ว่าพวกเขาก็ไม่สามารถจะกลายมาเป็นนักสำรวจดันเจี้ยน โชคนั้นเป็นสิ่งที่กำหนดปัจจัยเหล่านี้ทั้งหมด
ในกรณีนี้ฉันมีสิทธิ์ที่จะมองลงไปที่พวกอ่อนแอกว่าฉันมั้ย? ผู้ที่มีพลังเหล่านี้ทางทีวีได้ถูกผู้คนจำนวนมากแหงนมองใช่มั้ย?
แม้ว่าค่าสติปัญญาของฉันจะมี 20 แต่ฉันก็ไม่สามารถจะตอบคำถามนี้ได้เช่นกัน ทันใดนั้นที่ต้นขาของฉันก็รู้สึกคัน
“โอ๊ยย! อู..”
ด้วยเหตุผลบางอย่างยุยได้มองมาด้วยฉันพร้อมน้ำตาและในความเจ็บปวด เธอได้เป่านิ้วโป้งและนิ้วชี้ของเธอที่เปลื่ยนเป็นสีแดงอย่างน่ารัก
“มันดูเหมือนจะบอบบาง ดังนั้นหนูจึงหยิกมัน แต่ว่ามันแข็งมากเกินไป”
“อา ขอโทษนะยุย เจ็บมากมั้ย? อืม มาดูสิ…โพชั่น…”
“มันไม่เป็นไรพี่ชาย พี่มัวแต่จ้องผู้หญิงในทีวีดังนั้นฉัน….”
“อืมม? ไม่นะ ยุยพี่ชายกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่นะ”
“พี่ไม่ได้มองดูเธอเพราะว่าเธอสวยหรอกหรอ?”
จากคำพูดของเธอ ฉันได้มองไปที่ผู้ใช้พลังชาวเกาหลีระดับ SS เย่ ฮั่วหยาได้ยิ้มออกมาหลังจากที่เอาชนะไวเวิน
เธอสวยมากจริงๆ ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นผลของการตื่นขึ้นของเธอหรือป่าว แต่ว่าเธอนั้นสูงและผอมบาง มีผิวที่ขาวและหน้าที่กระจ่างใส แม้ในขณะที่ผมของเธอกระพือไปตามแรงลม เธอก็ไม่ได้สนใจและมองออกไปที่ด้านข้างด้วยตาแดงเพลิงของเธอ
เหนือสิ่งอื่นใดเธอนั้นมีหน้าอกที่น่าทึ่ง นั่นมันไซด์ D มันอย่าน้อยก็ไซด์ นี่มันเป็นสิ่งที่น่าอับอายมาก มันเป็นเหมือนกับการดูถูกผู้ที่อยู่ในดับ D ไม่สิ บางทีมันอาจจะเป็นระดับ E ไม่สิ F ไม่ใช่หรอ มันเป็นแข็ง SS กับ Fs
“…พี่ชาย?”
“แค่กๆ ไม่ ยุย เธอนั่นสวยที่สุดในโลกแล้ว”
“จริงหรอ? ฮิฮิ”
แน่นอนว่าฉันนั้นคิดว่ายุยเป็นคนที่สวยที่สุด แม้ว่าเย่ ฮั่วหยาจะมีร่างกายที่เหนือกว่าก็ตาม…
ฉันได้ขยี้หัวของยุยและเก็บความคิดนี้ลงไปในใจ มิฉะนั้นการวางตัวในฐานะพี่ชายของเธอมันจะสามารถทำให้เกิดการแตกแยกได้
จากนั้นวันเวลาแห่งการโซโล่ราชินีวิญญาณมันก็ได้มาถึง หลังจากที่ฉันได้ใช้เวลาคิดว่าควรจะติดต่อเอลลอสดีไหม สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจไม่ทำ ฉันจะทำมันหลังจากที่ฉันทำมันสำเร็จแล้ว และเพลรูเดียด้วย…เพลรูเดีย
“ไม่นะ!”
ฉันได้ลืมมันไปอีกแล้ว ฉันรู้สึกว่าความหนาวเหน็บไปมาที่หลังของฉัน ฉันหวาดกลัว ฉันหวาดกลัวอย่างแน่นอน ฉันควรจะทำยังไงดี? นั่นมันไม่ได้เปลื่ยนให้เธอไม่โกรธ ฉันแน่ใขว่า ถ้าฉันพูดคุยกับเธอ มันอาจจะเป็นสิ่งที่น่ารำคาญมาก ดังนั้น
ฮึ่ม
ฉันควรจะเมินเธอต่อไป? ฉันสามารถจะแกล้งทำเป็นว่าเธอไม่เคยมีตัว
มันรู้สึกว่านี่เป็นทางออกที่ยอมเยี่ยม แต่ยังไงก็ตามฉันรู้ว่าฉันไม่ควรจะทำแบบนี้ แม้ว่าเพลรูเดียวจะเป็นคนที่หยาบคาย แต่เธอก็ได้ส่งข้อความมาหาฉันด้วยความกังวล นอกจากนี้หลังจากแยกกันสามปีครึ่งก็เป็นผมที่ไม่ได้ติดต่อไปหาเธอและไม่ได้สนใจข้อความของเธอ
“เอาล่ะ ฉันจะติดต่อเธอไปเมื่อสิ้นสุดการจู่โจม ในคราวนี้ฉันจะไม่ลืม”
ฉันได้สาบานไว้กับตัวเองและกำหมัดของฉัน ฉันได้เปิดประตูเข้าไปในที่ๆราชินีวิญญาณกำลังรอคอยอยู่
“กรี๊ดดดด”
“เท็มเพรส”
ตอนที่ฉันได้เข้ามาในห้อง ฉันได้ใช้เท็มเพรสออกไป หลังจากที่มานาฉันเพิ่มขึ้นด้วยอิลิกเซอร์และวงจรเพรูต้า ฉันในตอนนี้มีมานาถึง 2200 ถ้าหากว่ามานาของฉันต่ำ ฉันก็ามารถจะดื่มมานาโพชั่นลงไปได้ แม้ว่ามานาโพชั่นจะมีราคาที่แพง แต่ฉันก็มีมานาโพชั่นเกรดต้ำอยู่มากว่า 100 ขวด ซึ่งมันจะเพิ่มมานาขึ้นขวดละ 100 ไม่ต้องคำนึงถึงเวลาคูลดาวล์ฉันในตอนนี้มีมานามากกว่า 10000
“อึก อึก อีกครั้ง! เท็มเพรส!”
ทุกๆครั้งที่ฉันพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับหอกของฉัน พวกวิญญาณนับสิบก็จะกรีดร้องและตายไป ราชินีวิญญาณได้เริ่มทำท่าอัญเชิญอย่างรวดเร็ว มันเป็นสิ่งที่ฉันคาดหวังให้มันเกิดขึ้น
“ไปกันเถอะ…ฮ่าห์!”
ฉันได้รีบวิ่งไปที่ราชินีวิญญาณ วิญญาณที่เหลืออยู่ได้เข้ามาโจมตีฉัน แต่ว่าฉันก็ได้ส่งมันกลับไปด้วยการเหวี่ยงหอกอย่างง่ายๆ แม้ว่าราชินีวิญญาณจะอัญเชิญพวกมันออกมาได้ครั้งละ 20 ตัว แต่มันก็จะต้องใช้เวลาการร่ายเวทย์ที่นาน มันจะต้องมีเวลามากพอที่ฉันจะเข้าไปหาเธอและโจมตีเธอ
หลังจากที่ฉันได้ฝึกฝนต่อสู้กับราชินีวิญญาณเป็นเวลาสองเดือยแล้ว ตอนนี้ฉันก็สามารถจะเดารูปแบบของมันได้อย่างง่ายดาย ฉันได้ใช้ทักษะที่คนอื่นๆได้ตั้งชื่อให้กับมันว่า ฮีโรอิคึ สไตรค์
“ย่าห์ กินนี่ไปซะ”
“กรี๊ดดดดดด”
แสงสีขาวได้รวมกันที่ปลายหอกของฉัน มันได้พุ่งเข้าไปเจาะทะลวงที่กระเพาะของราชินีวิญญาณ มันเป็นการระเบิดได้อย่างสวยงาม ที่บัลลังก์ของราชินีวิญญาณมันได้แตกออกเป็นเสียงๆ ในขณธเดียวกันเธอก็ได้ลอยไปกระแตกกับกำแพง ฉันรู้ดีว่าเธอจะทำอะไรต่อไป ดังนั้นฉันจึงขยับตัวของฉันก่อน
“ตายยยย!”
ฉันได้รวบรวมพลังงานที่อยู่ใกล้ๆและระเบิดมันออกไปข้างนอก เสียงมันได้สะท้อนไปทั้งห้องทำให้ห้องนี้สั่นไหว ราชินีวิญญาณก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นร่างของเธอได้สั่น
[คุณได้ใช้วอคลาย! สมาชิกในปาตี้ทุกคนได้รับการเคลียสถานะด้านลบ ทุกคนในปาตี้พลังโจมตีเพิ่มขึ้น 50% ในระยะเวลาหนึ่ง และได้เข้าสู่สถานะสุดยอดเกราะไม่สกสะท้านกับการโจมตีของศัตรู]
“กรี๊ดดดด!”
[ราชินีวิญญาณได้ใช้เสียงกรีดร้องแห่งวิญญาณพยาบาท
สถานะของสุดยอดเกราะได้ไม่สนใจสถานะเหล่านี้]
เช่นเดียวกับที่ฉันได้คาดเอาไว้! มองไปที่ราชินีวิญญาณมันได้มองมาที่ฉันอย่างงุนงง ฉันได้ยิ้มออกมาโดยไม่พูดอะไรและหยิบมานาโพชั่นขึ้นมาดื่ม ฉันได้ประกาศกับเธอว่า
“ฉันไม่จำเป็นจะต้องใช้ไพ่ที่ซ่อนไว้ของฉัน ฉันจะจบมันในอีก 5 นาที”
สิ่งที่มันตามมาก็คือการต่อสู้อย่างง่ายๆ เช่นเดียวกับที่ฉันคิดการต่อสู้กับราชินีวิญญาณมันง่ายกว่าการต่อสู้กับออร์คลอร์ด ทักษะเวทมนตร์และลูกธนูของเธอมันไร้ผลเมื่อเจอกัยทักษะวอคลายและโล่สปิริต
ก่อนที่โล่สปิริตจะหมดลง ฉันก็สามารถจะสร้างความเสียหายแบบคริติคอลให้กับเธอได้ จากนั้นฉันก็ใช้มานาที่ฟื้นฟูมานาเพื่อที่ใช่ฉีโร่อิค สไตรค์อีกรอบ
แม้ว่ามันจะใช้เวลาถึงสามปีในการพิชิตออร์คลอร์ดให้ได้อย่างสมบูรณ์ แต่นี่มันก็ใช้เวลาเพียงแค่ 4 เตือนเท่านั้นในการพิชิตราชินีวิญญาณ มันจะต้องใช่เวลานานแค่ไหนกันนะในการที่จะพิชิตบอสตัวถัดไป? มนุษย์หนูทมิฬ? ฉันได้ยิ้มในใจและตรวจสอบข้อความที่เด้งขึ้นมาเบื้องหน้าฉัน