ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 543 ช่างร้ายกาจนัก / ตอนที่ 544 ชนโดยไม่ระวัง

ตอนที่ 543 ช่างร้ายกาจนัก  

 

 

 

 

 

อวี้อาเหราเองก็หันไปมองทางเมี่ยวอวี้เช่นกัน ท่าทางของพวกนางก็ดูราวกับว่ามีเรื่องอะไรปิดบังอยู่อย่างไรอย่างนั้น  

 

 

เมี่ยวอวี้ทำได้เพียงถอนหายใจออกมา แล้วเอ่ยกับเจาเอ๋อร์ว่า “เจ้าบอกคุณหนูไปตามตรงเถิด”  

 

 

“ก็ได้” ท่ามกลางสายตาสงสัยของอวี้อาเหรา นางก็หยิบกระจกทองเหลืองจากแขนเสื้อยื่นให้ด้วยสีหน้าอึดอัดใจ “คุณหนู ท่านดูเอาเองเถิดเจ้าค่ะ”  

 

 

“เรื่องอะไรกัน เหตุใดต้องทำท่าทางลับๆ ล่อๆ เช่นนี้ด้วยนะ” อวี้อาเหราพึมพำออกมา ก่อนจะหยิบกระจกทองเหลืองขึ้นมาส่องใบหน้าตัวเอง ขอบตาของนางดูลึกลงเล็กน้อย คงเป็นเพราะตื่นตั้งแต่เช้า ไม่ได้นอนตามเวลาที่เคยนอน อีกทั้งตอนบ่ายยังโดนจวินฉางอวิ๋นก่อกวน ทำให้เสียเวลานอนกลางวันไปอีก แล้วนี่มันเกี่ยวอะไรกับการส่องกระจกกันเล่า?  

 

 

เมื่อคิดเช่นนี้ นางก็มองต่อไป จึงเห็นว่าหญิงสาวในกระจกนั้นมีรอยกัดอยู่ที่ริมฝีปากอย่างชัดเจน รอยนั้นดูบวมเปล่งจนเกือบจะมีเลือดออกมาแล้ว แม้ว่ากระจกทองเหลืองจะขุ่นมัว แต่นางก็ยังสามารถมองเห็นรอยกัดนั้นได้อย่างชัดเจน ชัดเจนเช่นนี้ หากมองไม่เห็นก็คงน่าแปลกเต็มทน  

 

 

ชั่วครู่นั้นเอง นางก็พลันตกใจขึ้นมา  

 

 

มิน่าเล่า พวกฉู่เกอ รวมไปถึงเมี่ยวอวี้และเจาเอ๋อร์ต่างก็ใช้สายตาเช่นนั้นมองมาที่นาง ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเพราะนางมีรอยกัดที่ริมฝีปาก ยามที่นางโดนกัดนั้นนางไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแค่รู้สึกเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าจะบังเกิดรอยแผลเช่นนี้  

 

 

นางไม่ได้ต้องการให้คนอื่นรู้เสียหน่อย แต่ทุกคนก็มองเห็นจนหมดแล้ว  

 

 

เพียงมองดูก็รู้ว่าถูกใครกัดมา จึงไม่แปลกเลยที่จะทำให้ผู้อื่นคิดไปต่างๆ นานา อีกทั้งนางกับฉู่ป๋ายก็ยังนั่งรถคันเดียวกัน ก่อนขึ้นรถยังดีๆ อยู่ แม้ไม่ได้ตั้งใจก็คงเดาออกได้ว่าผู้ใดเป็นคนทำ  

 

 

ในเวลาเดียวกันนั้น นางก็นึกถึงยามที่ฉู่ป๋ายมอบผ้าเช็ดหน้าให้นาง แล้วยังตั้งใจชี้ไปที่ริมฝีปากอีก  

 

 

นางก็ยังคิดว่าเป็นเพราะมีอาหารติดอยู่จึงเช็ดออกเท่านั้น ที่แท้เขาก็อยากให้นางใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากที่ถูกกัดก่อนที่จะออกมานี่เอง!   

 

 

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เหมือนนางโดนหลอกให้โง่งมไม่มีผิด  

 

 

แต่ที่ร้ายกาจก็คือ ในเมื่อรู้เรื่องทั้งหมด แต่เหตุใดถึงไม่พูดออกมาสักคำเล่า?  

 

 

ยังให้นางเดินไปจนทั่ว กลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้อย่างไรว่าคนของจวนเซิ่นอ๋องเป็นคนทำ?  

 

 

หากไม่ใช่เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้เอ่ยเตือน นางก็คงเดินอาดๆ เข้าไปในจวนหลิงอ๋อง และหลิงอ๋องคงจะมองเห็นเป็นแน่ ถ้าเป็นเช่นนั้นนางจะพูดอย่างไรได้? จะบอกว่าฉู่ป๋ายกัดนางหรืออย่างไร แม้แต่หลิงอ๋องยังไม่มีหน้าให้เสีย แล้วนางจะยังเหลืออะไรกันอีก?  

 

 

หากพวกอนุรองรู้เข้า พวกนางก็คงจะใช้โอกาสนี้ด่าว่านางให้ได้อับอาย ที่ไปทำเรื่องหน้าอายกับบุรุษอื่น เมื่อคิดให้ดีแล้วนางก็ปวดหัวเสียเหลือเกิน โชคดีที่เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้เตือนขึ้นมาเสียก่อน หากนางเดินไปทั่วทั้งจวนเซิ่นอ๋องและจวนหลิงอ๋องแล้วล่ะก็ คนอื่นคงรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนางและฉู่ป๋ายกันหมดกระมัง?  

 

 

หึ ไม่ใช่สิ นี่ก็เป็นแค่การกระทำของพวกนางต่างหาก ระหว่างเขาและนางนั้น ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันเสียหน่อย  

 

 

โชคยังดีที่เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้นั้นเตือนนางได้ทันเวลา   

 

 

อวี้อาเหราได้สติขึ้นมาก็คิดทบทวนอย่างละเอียด ก็รู้ว่าพวกเขานั้นต้องการให้นางนั้นขายขี้หน้า โดยเฉพาะฉู่ป๋าย เจ้าบ้านั่น เขาสามารถเตือนนางได้ตามตรงแท้ๆ แต่กลับหลบซ่อนเอาไว้ไม่ยอมพูดจา ทั้งๆ ที่เขาสามารถเตือนนางได้โดยตรง สามารถบอกนางเหมือนที่เมี่ยวอวี้และเจาเอ๋อร์บอกโดยยื่นกระจกให้นางส่อง  

 

 

เพราะอย่างนั้น เขาก็คงจะตั้งใจให้เรื่องเป็นเช่นนี้  

 

 

เป็นอย่างที่คิด เขาช่างร้ายกาจยิ่งนัก  

 

 

นางอุตส่าห์ยอมรับผิดทั้งหมดแทนฉู่เกอ แต่กลับโดนรังแกเช่นนี้ แต่นางก็ไม่ได้ต้องการที่จะเป็นคนที่โดนรังแกเช่นนี้เสียหน่อย ต้องโทษทีพวกเขาคบกันเพียงผิวเผิน ทำให้นางโดนกลั่นแกล้งเสียได้  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 544 ชนโดยไม่ระวัง  

 

 

 

 

 

“คุณหนู ไม่เป็นไรนะเจ้าคะ?” เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้เห็นท่าทางใจลอย อีกทั้งคิ้วที่ขมวดมุ่นของนางเช่นนั้น ก็พลันรู้สึกได้ว่านางนั้นอารมณ์ไม่ดี ราวกับโกรธแค้นเสียจนอยากจะฆ่าให้ตาย จนพวกนางทั้งสองไม่อาจสงบใจได้  

 

 

“ไม่เป็นไร” อวี้อาเหราพูดกับตัวเองในกระจก  

 

 

“เจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้ไม่พูดอะไรอีก ทำเพียงมองนางแล้วนิ่งเงียบ  

 

 

เมื่ออวี้อาเหราตั้งสติกลับมาได้ นางจึงยื่นกระจกทองเหลืองคืนให้เจาเอ๋อร์  

 

 

จากนั้นนางก็เม้มปากแน่น เพราะไม่ต้องการให้ใครเห็น  

 

 

เพียงไม่นานนัก รถม้าก็มาถึงจวนหลิงอ๋องแล้ว   

 

 

อวี้อาเหราหยิบผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในอกขึ้นมาปิดปาก  

 

 

จากนั้น เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้ก็พยุงนางลงจากรถ เมื่อกำลังจะเดินไปยังเรือนพักของตัวเอง นางก็พบกับนางกำนัลอาวุโสของหลิงอ๋องเจ้าโดยไม่ได้ตั้งใจ  

 

 

ฝีเท้าของอวี้อาเหราชะงักเล็กน้อย ไม่นานก็เข้าใจจุดประสงค์ของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน นางเลิกคิ้วขึ้นแล้วถามว่า “เสด็จพ่ออยากให้ข้าไปทูลรายงานหรือ”  

 

 

“เจ้าค่ะ คุณหนูรอง” นางกำนัลอาวุโสพยักหน้า ชายตามองกิริยาของนางที่ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปาก  

 

 

“นำไปสิ” อวี้อาเหราตอบรับ  

 

 

เหนื่อยมาทั้งวัน ร่างกายของนางก็อ่อนล้ายิ่งนัก แต่หลิงอ๋องก็ยังส่งคนมาเชิญทั้งที่ดึกดื่นถึงเพียงนี้ แน่นอนว่าคงจะต้องการทราบถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวังหลวงวันนี้แล้ว ดังนั้น แม้ว่านางจะเหนื่อยเพียงใด นางก็ต้องไป  

 

 

ในยามค่ำคืนที่อากาศหนาวเย็น นางกำนัลอาวุโสนำทางมายังห้องของอนุรอง ระหว่างที่เดินอยู่นั้นก็หันกลับมามองจึงเห็นท่าทีสงสัยของอวี้อาเหรา นางจึงอธิบายขึ้นว่า “ช่วงนี้เพราะว่าอนุรองเป็นห่วงคุณหนูใหญ่ ทำให้ทานอะไรไม่ลง ร่างกายจึงอ่อนแอเป็นอย่างมาก ท่านอ๋องต้องมาดูแลตลอดเวลา อาการจึงค่อยดีขึ้นมาบ้าง เพราะอย่างนั้นบ่าวจึงเชิญคุณหนูรองไปที่ห้องของอนุรองเจ้าค่ะ”  

 

 

“ข้ารู้แล้ว แม่นม” อวี้อาเหราพยักหน้าเข้าใจ  

 

 

นางกำนัลอาวุโสรู้ถึงความสัมพันธ์ที่เหมือนน้ำกับไฟระหว่างนางและอนุรอง แต่กลับไม่เห็นสีหน้าไม่พอใจของอวี้อาเหราเลยแม้แต่น้อย ในใจก็แอบคิดว่าคุณหนูรองนั้นช่างแตกต่างจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง   

 

 

อวี้อาเหราเข้าใจความคิดของนางกำนัลอาวุโสดี เช่นนั้นจึงยิ้มออกมา ยามนี้นางก็เพียงเหนื่อยล้าเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจว่าหลิงอ๋องจะไปอยู่กับใคร  

 

 

พวกนางเดินมาไม่ช้าไม่เร็ว ผ่านไปไม่นานก็มาถึงห้องของอนุรองแล้ว  

 

 

นางกำนัลอาวุโสเดินนำอวี้อาเหรา เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้เข้ามาพร้อมๆ กัน  

 

 

เมื่อเข้ามาแล้ว ก็เห็นหลิงอ๋องและอนุรองกำลังนั่งทานอาหารพร้อมหน้า ยามนั้นหลิงอ๋องกำลังคีบอาหารส่งให้อนุรองด้วยความห่วงใย เมื่อเห็นพวกนางเดินเข้ามาจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้น  

 

 

นางกำนัลอาวุโสรีบเอ่ยขึ้นในทันทีว่า “ท่านอ๋อง คุณหนูรองมาแล้วเพคะ”  

 

 

หลิงอ๋องตอบรับเสียง “อืม” เพียงเบาๆ จากนั้นก็พุ่งความสนใจไปที่ร่างของอวี้อาเหรา  

 

 

อวี้อาเหราทำความเคารพ “ลูกคารวะเสด็จพ่อเพคะ”  

 

 

“อาเหรา รีบลุกขึ้นเถิด” หลิงอ๋องยิ้มออกมาเล็กน้อย สายตามองไปยังผ้าเช็ดหน้าที่บดบังบริเวณริมฝีปากของนางเอาไว้ ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้าเป็นอะไรไปหรือ”  

 

 

“ลูกไม่ระวัง จนถูกชนเข้าเพคะ” อวี้อาเหราตอบ  

 

 

“ต่อไปก็ระวังหน่อย เจ้าอายุไม่น้อยแล้ว เดินเหินยังชนโน่นชนนี่ กลับไปก็รีบทายาเสีย” แม้ปากหลิงอ๋องจะบ่นว่า แต่แท้จริงก็เพราะเป็นห่วง ที่เข้มงวดก็เพราะเป็นห่วงนั่นเอง  

 

 

อวี้อาเหราพยักหน้า “ลูกทราบแล้วเพคะเสด็จพ่อ”  

 

 

“แล้วเหตุใดถึงได้กลับมามืดค่ำเช่นนี้ ร่ำเรียนกันถึงเวลานี้เชียวหรือ?” ครั้งนี้หลิงอ๋องถึงได้ถามเข้าเรื่อง  

 

 

อวี้อาเหราส่ายหน้า “ไม่ใช่เพคะ เมื่อครู่นี้ลูกไปที่จวนเซิ่นอ๋อง ดังนั้นจึงได้กลับมาช้า”  

 

 

“เจ้าไปจวนเซิ่นอ๋องอีกแล้วหรือ” หลิงอ๋องประหลาดใจอยู่บ้าง  

 

 

“เพคะ” อวี้อาเหราลอบมองท่าทีประหลาดใจของหลิงอ๋อง แล้วจึงตอบรับอีกครั้ง  

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ลิขิตฟ้าชะตารัก

วิญญาณของ อวี้อาเหรา หญิงสาวจากศตวรรษที่ 21 ได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของคุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องที่มีร่างกายอ่อนแอ ซ้ำยังถูกองค์รัชทายาทที่นางรักมานานหลายปีผลักตกเหวจนตายอย่างไร้เยื่อใย! หลังจากที่อวี้อาเหราได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้แล้ว ด้วยสภาพร่างกายของร่างเดิมทำให้นางต้องทนรับกับอาการป่วยไข้หลังจากที่ถูกน้ำซัดไปเป็นเวลานาน แต่นับว่าสวรรค์ยังมีเมตตานัก ที่ทำให้นางรอดชีวิตมาได้ด้วยความช่วยเหลือของ ฉู่ป๋าย ซื่อจื่อผู้โดดเด่นแห่งจวนเซิ่นอ๋อง ต่อหน้าบุรุษผู้โดดเด่นเช่นเขา นางไหนเลยจะกระโจนเข้าหาเฉกเช่นสตรีนางอื่น สิ่งที่นางทำนั้นคือการหลีกเลี่ยงเขาให้ไกลที่สุด แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเรื่องไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นเสียแล้ว… … “คุณหนู ท่าน…ท่านตั้งครรภ์แล้ว!” เสียงสาวใช้เอ่ยบอกด้วยความตกใจ “เหลวไหล! ข้ายังไม่เคยข้องเกี่ยวกับบุรุษใด แล้วจะตั้งครรภ์ได้อย่างไรกัน!” อวี้อาเหราเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ ฉับพลันนั้นเซิ่นซื่อจื่อที่นั่งอยู่ข้างกายจึงเอ่ยขึ้น “หากว่าเจ้าลำบากใจนัก เช่นนั้นข้าจะรับเป็นพ่อของเด็กให้เอง”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset