ทะเลสาบกลางเกาะมีขนาดใหญ่มาก มั่วชิงเฉินเหาะไปข้างหน้าตลอดเวลาตั้งใจรักษาระยะห่างระหว่างเผยสิบสามแล้วถึงได้หยุดลง คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจปล่อยอีกาไฟออกมา
“นายท่าน จะให้อู๋เย่ว์ปกป้องคุ้มครองหรือไม่” อีกาไฟยืดอกเชิด
มั่วชิงเฉินนิ่งเงียบ ตลอดวลาที่ผ่านมาอีกหาไฟมักจะใช้เวลาอยู่ในถุงเก็บสัตว์วิญญาณ ไม่ใช่ว่านางไม่ยินยอมปล่อยเจ้านี้ออกมา แต่เพราะเวลาเจ้านี้พบคู่ต่อสู้ที่อันตรายก็จะขังตัวอยู่ในถุงเก็บสัตว์วิญญาณไม่ส่งเสียง เมื่อพบคู่ต่อสู้ที่รังแกได้ก็จะแย่งชิงออกมา แล้วยังพูดไม่หยุดเหมือนพวกพูดมาก
พูดมากนางไม่กลัว อย่างมากก็ปวดหูเสียหน่อย แต่พูดมากแล้วบางครั้งคำพูดเป็นจริง แล้วยังเป็นการสุ่มจึงทำให้ต้องระวังเอาไว้บ้าง
“อู๋เย่ว์ ข้าจะลงน้ำไปจัดการหอยผูกมัด เจ้าคอยระวังอยู่ริมฝั่ง หากว่ามีคนมาให้เตือนข้าด้วย” มั่วชิงเฉินพูดจบแล้วหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วพูดสมทบอีกประโยคด้วยความไม่วางใจ “ไม่มีอะไรก็อย่าพูดมาก”
“อือๆ รู้แล้วน่า” อีกาไฟสูดรับอากาศบริสุทธิ์ หันหัวไปรอบด้านมองดูวิวทิวทัศน์
มั่วชิงเฉินหัวเราะเบาๆ ยกมือเรียกไหมเกล็ดน้ำแข็งออกมา ย่อตัวกระโดดลงไปในทะเลสาบ
ไหมเกล็ดน้ำแข็งที่บางเบาประดุจผ้าผืนบางวนอยู่รอบตัวกลายเป็นหางปลาสีขาวเงินในทันใด ตีให้เกิดคลื่นบางตามจังหวะการขยับตัวของมั่วชิงเฉิน สะท้อนแสงสีรุ้งภายใต้การตกกระทบของแสงอาทิตย์
“ว้าวๆ นางเงือก!” อีกาไฟผิวปาก จงใจส่งเสียงตะโกนดัง
มั่วชิงเฉินที่เพิ่งกระโจนลงในน้ำย่อมต้องได้ยิน นางกระตุกริมฝีปากด้วยความจนปัญญา ค่อยๆ ดำลึกลงไป
ที่นี่ค่อนข้างแปลกประหลาด ทั้งๆ ที่ถูกทะเลผืนใหญ่ล้อมรอบแต่กลับเป็นทะเลสาบน้ำจืด บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ถึงได้มีอสูรปีศาจที่แปลกประหลาดอย่างหอยผูกมัดอยู่อาศัยกระมัง
บริเวณรอบข้างมีฟองมากมายลอยอยู่ด้านบน ตะไคร่น้ำสีสันหลากหลายพลิ้วไหวอ่อนช้อย กระแสสัมผัสที่เข้ามาชนกับหางปลาสีขาวเงินนั้นเหมือนกับโดนขาทั้งสองข้างของมั่วชิงเฉิน คันๆ ชาๆ
ไหมเกล็ดน้ำแข็งนั้นน่าอัศจรรย์จริงๆ มั่วชิงเฉินในตอนนี้รู้สึกว่าหางปลาไม่ได้ต่างอะไรไปจากขาทั้งสองข้างของนางเอง สามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกทั้งหมดที่ถ่ายทอดมาถึงได้อย่างชัดเจนถูกต้อง
มั่วชิงเฉินส่ายหางปลาเบาๆ ค่อยๆ ดำลึกลงไปบริเวณลึกของก้นทะเลสาบ
ใต้ทะเลสาบมีพืชพันธ์และสัตว์จำพวกปลาแปลกประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วน แล้วยังมีหินไข่ห่านสีต่างๆ ที่ตกลงมากระจายไปทั่ว แต่กลับไม่เห็นหอยผูกมัดที่ ‘สนทนาอสูรมารในเซิงโจว’ กล่าวถึงไว้
มั่วชิงเฉินหลับตาปล่อยกระแสจิตออกมา ยื่นยาวออกไปตามกระแสน้ำ เมื่อส่งออกไปได้ประมาณร้อยลี้ในที่สุดก็พบร่องรอบของหอยผูกมัด
เก็บความยินดีปรีดาลงไป มั่วชิงเฉินรีบดำลงไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว
ความเร็วของไหมเกล็ดน้ำแข็งนั้นรวดเร็วอย่างมากใช้เวลาไม่นานก็มาถึงบริเวณนั้น สิ่งที่เห็นคือภูเขาใต้ทะเลสาบที่ตั้งกองอยู่เงียบสงบ ยอดเขาไม่ถือว่าสูงมาก แต่กลับเหมือนถูกลมกัดเซาะ มีรูเล็กๆ ใหญ่ๆ มากมายจำนวนนับไม่ถ้วน ทั่วทั้งยอดเขาดูเหมือนศิลปะฉลุโปร่ง ปลา กุ้งและหอยประเภทต่างๆ แหวกว่ายไปมาตามรูเหล่านั้น สัตว์บางตัวมีปราณวิญญาณกระจายออกมาเป็นลำแสงให้เห็นตามการแหวกว่าย สีสันหลากหลายสวยงามดั่งภาพฝัน
บริเวณตีนเขาหอยผูกมัดคู่หนึ่งเห็นการมาเยือนของมั่วชิงเฉิน มันลุกตั้งขึ้นมาด้วยความหวาดระแวงท่าทางเตรียมพร้อมโจมตี
มั่วชิงเฉินมาเพราะหอยผูกมัดตั้งแต่แรกอยู่แล้วในตอนนี้ย่อมไม่เกรงใจ มือยื่นออกไปปรากฏมีรูปทรงธนูเขียวซ่อนเร้นขึ้นมา ศรแหลมคมพุ่งไปหน้าเหมือนผ่าลำไผ่ แฝงไปด้วยกำลังที่น่าตกใจพุ่งตรงมา
“ฮือฮือออ” เห็นหอยใหญ่สีเขียวอ้าเปลือกหอยออก ลมกำลังมหาศาลถูกปล่อยออกมาทำให้ศรแหลมคมที่ลอยมาเบนทิศทางไป เสียงกระทบบนยอดเขาดังสนั่น ทันใดนั้นบนผนังเขาก็เกิดรูโหว่ขนาดใหญ่ทำให้เหล่าปลาจำนวนมากตกใจลอยหนีไป
‘ลมมีกำลังแรงถึงเพียงนี้เชียว’ มั่วชิงเฉินเม้มปากแน่น ศรไม้ท้อปรากฏขึ้นมาในมือ เสียงดังขวับยิงออกไป
ศรไม้ท้อเป็นศรที่ใช้แทนกระบี่ สิ่งสำคัญไม่ใช่ปลายศรแต่เป็นจิตกระบี่ต่อเนื่องในเคล็ดวิชาพันบุปผาแปลงไม้
ตั้งสมาธิให้นิ่งสงบ ศรไม้ท้อหมุนวนไปในหลายร้อยพันรอบกลางอากาศ แสดงสำแดงฤทธิ์เคล็ดวิชาพันบุปผาแปลงไม้ขั้นแรกขึ้นเอง บุปผาเกิดแต่ไม้
ดอกท้อจำนวนมากผลิบานออกดอกบนธนูไม้ท้อ ล่วงลงประหนึ่งหยาดฝนที่โปรยปรายกลายเป็นม่านเมฆสีแดงเข้มไล่ชมพูอ่อนกลางทะเลสาบ งดงามจนยากจินตนาการถึง
แต่สิ่งที่โอบอุ้มอยู่คือความหนาวเหน็บทำให้หอยผูกมัดรู้สึกถึงความไม่สบายตัวอย่างมาก น้ำทะเลสาบรอบกายเหมือนถูกแช่แข็ง ปราณวิญญาณที่บรรจุอยู่นั้นยากจะดูดซับ
เปลือกหอยสีเขียวอ้าๆ หุบๆ พ่นลมที่รุนแรงกว่าพายุเฮอริเคนออกมา เสียงกรีดร้องเสมือนคิดจะฉีกทำลายไอกระบี่ไร้รูปร่างให้แตกออกเป็นชิ้นๆ
และในตอนนี้เปลือกหอยสีแดงที่อยู่ติดกันก็เริ่มขยับ
เปลือกหอยสีแดงไม่ได้อ้าออกกว้างเหมือนเปลือกสีเขียว แต่สั่นน้อยๆ เสียงร้องครวญครางเหมือนกำลังเล่าความทุกข์เจือร่ำไห้ดังออกมาจากช่องที่ถูกเปิดออก
“อือ” มั่วชิงเฉินรู้สึกภาพข้างหน้าตัดไป หูอื้อสะท้อนเสียง
‘เป็นการโจมตีโดยใช้เสียงหรือนี่’
การที่นางใจลอยครั้งนี้จิตกระบี่ที่จำเป็นต้องรวบรวมจิตใจและสมาธิเข้าด้วยกันถึงจะสามารถสำแดงฤทธิ์ได้แตกสลายไร้รูปร่าง กลีบดอกไม้หลายพันหลายหมื่นกลีบสลายหายไป ศรไม้ท้อตกลงบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
มั่วชิงเฉินขมวดคิ้ว มิน่าเล่าหนังสือ ‘สนทนาอสูรมารในเซิงโจว’ ถึงเขียนไว้ว่าหอยผูกมัดค่อนข้างยากที่จะรับมือ หนึ่งตัวโจมตีอย่างบ้าครั้ง อีกหนึ่งใช้เสียงลอบโจมตี สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรสายยุทธ์และผู้บำเพ็ญเพียรสายพละกำลังที่ไม่ถนัดการต่อสู้ระยะไกลแล้วค่อนข้างยากจะสู้ด้วยจริง
‘ไม่อยากให้ข้าเข้าใกล้เช่นนั้นหรือ ข้าจะเข้าไป!’
มั่วชิงเฉินอมยิ้ม ก้อนอิฐเปล่งปลั่งอันหนึ่งพุ่งตรงไปยังเปลือกหอยสีแดง
เปลือกหอยสีแดงยิ่งส่งเสียงสลดใจมากกว่าเดิม ปลาน้อยที่ว่ายอยู่รอบข้างพลิกท้องค่อยๆ ลอยขึ้นไปด้านบน
แต่มั่วชิงเฉินที่ฝึกเคล็ดวิชาฝึกจิตอนัตตาได้เตรียมพร้อมไว้แล้วถึงไม่ถูกรบกวนด้วยสิ่งใดอื่น ความเร็วของก้อนอิฐเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ลอยไปตรงอย่างมั่นคง
เปลือกหอยสีเขียวเหมือนจะร้อนรนอยู่เล็ดน้อย เปลือกหอยเริ่มอ้ากว่างจนสุด พายุหมุนที่พ่นออกมานั้นกลายเป็นเส้นทางหนึ่งพุ่งตรงไปบนก้อนอิฐ
แต่ก้อนอิฐกลับใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ไม่ขยับเขยื้อนประหนึ่งขุนเขา
เสียงกระทับดังขึ้น ก้อนอิฐกระแทกเข้ากับเปลือกหอยสีแดงเกิดเสียงกระทบดังก้องสะท้อน เปลือกหอยสีแดงที่ถูกกระแทกอย่างรุนแรงเกิดเผยอเปลือกออกขึ้นเล็กน้อยตามสัญชาตญาณ
มั่วชิงเฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย กระแสจิตที่ส่งออกไปได้รวมตัวเป็นกระบี่แหลมจับต้องได้ด้ามหนึ่ง พุ่งเป้าไปยังเนื้ออ่อนของเปลือกของอย่างแม่นยำ
เสียงร้องคร่ำครวญกระหึ่มชวนหูอื้อหางปลาสีขาวทองขยับไหวไปมาชั่วพริบตาเดียวก็เข้าประชิดหอยผูกมัด กริชหันปลาในมือซ้ายยื่นออกไปแทงในเปลือกหอยหยุดยั้งเปลือกหอยที่คิดจะปิด และมืออีกข้างหนึ่งยื่นเข้าไปด้วยความรวดเร็วประหนึ่งสายฟ้าหยิบไข่มุกที่ประกายสีแดงอ่อนออกมา
จุดอ่อนที่สุดของหอยผูกมัดก็คือมุกผูกมัด ไข่มุกใจเดียวนี้คือมุกปีศาจของมัน ขอเพียงได้ไข่มุกผูกมัดมาไว้ในมือมันก็จะสูญเสียกำลังในการขัดขืน
เปลือกหอยสีแดงส่งเสียงร้องครางสิ้นหวัง เปลือกหอยสีเขียวที่อยู่อีกฝั่งเหมือนคลุ้มคลั่งเป็นบ้า งับลงบนหางปลาของมั่วชิงเฉินเต็มแรง
ในช่วงเวลาฉุกละหุกไข่มุกสีแดงอ่อนมาอยู่ในมือแล้ว นางรู้สึกได้ถึงการไหลเวียนอย่างรวดเร็วจากด้านหลัง หางปลาของมั่วชิงเฉินขยับไปมากริชฟันปลาในมือทิ่มเข้าไปบนเปลือกหอยสีแดง อาศัยแรงโจมตีนี้หมุนตัวอย่างงดงามและรวดเร็ว ก้อนอิฐในมือโยนไปทางเปลือกหอยสีเขียวตั้งขึ้นยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
เสียงกึกกักดังขึ้น แสงวิญญาณประกายออกมาจากเปลือกหอยสีเขียว พละกำลังรุนแรงมากขึ้นในทันใดกดทับก้อนอิฐอย่างสุดกำลัง
ในขณะเดียวกันบนเนื้อหอยเกิดมีของเหลวเหนียวรวมกันเป็นก้อนกระเซ็นออกมา
ของเหนียวก้อนนี้เมื่อสัมผัสกับน้ำก็ละลายในทันใด กลายเป็นของเหลวสีเขียวอ่อนเมื่อไหลตามน้ำก็ยังมีความเหนียวอยู่
มั่วชิงเฉินรู้สึกได้ทันใดว่าหางปลาเหมือนถูกติดยึดเอาไว้ ไม่อาจขยับเขยื้อน นางคิดจะขยับกริชฟันคู่ในมือแต่กลับกินแรงอย่างมาก
พายุหมุนกระแสหนึ่งลอยออกมาจากเปลือกหอยสีเขียว จังหวะที่หมุนวนนั้นกลืนมั่วชิงเฉินเข้าไปดึงลงไปด้วยกำลังมหาศาล เสื้อผ้าบนร่างกายของนางกลายเป็นแผ่นผีเสื้อสีเขียวในทันใด กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ความเย็นที่รู้สึกเป็นระยะทำให้มั่วชิงเฉินเข้าใจได้ในทันทีว่านางเปลือยกายแล้ว
แต่ในเวลาเช่นนี้ไฉนเลยนางจะยังสนใจเรื่องเหล่านี้ กริชฟันปลาในมือหายไป บนฝ่ามือมีดอกบัวสีฟ้าอ่อนเกิดขึ้นมาแทน
“ไป!” ระหว่างการฉีกทึ้งของพายุหมุน มั่วชิงเฉินใช้แรงสุดกำลังตะโกนออกมาคำหนึ่ง
ดอกบัวสีฟ้าอ่อนขยายใหญ่สว่างไสว ดิ้นหนีออกจากฝ่ามือมั่วชิงเฉิน
น้ำทะเลสาบสีเขียวอ่อนที่กลายเป็นหนืดเหนียวกลับไม่อาจหยุดยั้งเปลวน้ำแข็งเหมันต์ ความเย็นยะเยือกของเปลวน้ำแข็งเหมันต์แสดงอำนาจของมันได้อย่างเต็มที่ในน้ำทะเลสาบ แทบจะในช่วงเวลาพริบตาเดียวน้ำทะเลสาบที่อยู่ใกล้เคียงก็แข็งตัวเป็นน้ำแข็ง พาลทำให้เปลือกหอยนั้นถูกผนึกแข็งด้วยเช่นกัน
มั่วชิงเฉินที่ไม่มีเวลาให้หายใจยื่นมือออกไปหยิบไข่มุกสีเขียวอ่อนออกมาด้วยมือเปล่าด้วยความเร็ว
สิ่งที่นางไม่รู้ก็คืออีกาไฟที่สังเกตการณ์นางมาตลอดเวลานั้นได้ตามมาจนถึงขอบฝั่งบริเวณนี้ และประมาณครึ่งเค่อก่อนหน้านี้ก็มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาอีกสองคน
อีกาไฟที่ปากเสียมาแต่ไหนแต่ไรไล่ตามทั้งสองคนด้วยความฮึดฮัดกระฟัดกระเฟียด เพราะพูดอย่างไม่คิดทำให้ชายหนึ่งคนหญิงหนึ่งคนโมโหจนเกิดสู้กันขึ้นมา
อีกาไฟเป็นพวกไม่ได้เรื่องอยู่แล้ว พอสู้ขึ้นมาจริงๆ ไฉนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของผู้บำเพ็ญเพียรระก่อแก่นปราณได้ ตัวมันที่ทุลักทุเลนั้นพ่นคำด่าออกมาไม่หยุด รอดูว่าประโยคใดจะศักดิ์สิทธิ์สาปให้สองคนนั้นตาย
เผยสิบสามที่อยู่ห่างออกไปร้อยกว่าลี้เพิ่งขึ้นฝั่งมาจากการฆ่าหอยผูกมัดเสร็จ ปล่อยกระแสจิตออกไปสืบดูสถานการณ์ย่อมต้องสังเกตเห็นความวุ่นวายทางด้านนี้
แต่เดิมเขาไม่คิดจะยุ่งเรื่องชาวบ้านแต่กลับอดรู้สึกแปลกใจว่าอีกาจากไหนที่ด่าคนเก่งเช่นนี้ ด้วยความแหลกใจอยากรู้ทำให้เขาตัดสินใจทำในสิ่งที่ต่อมาทำให้ตนเองต้องรู้สึกเสียใจ เขาบินมาทางนี้
จะดูเรื่องวุ่นวายย่อมต้องจ่ายค่าตอบแทน
เผยสิบสามเพิ่งจะมาถึงทรงตัวให้มั่นคง ได้ยินเสียงอีกาไฟพูดว่า “ให้ตายเถอะ ข้าข้าสาปพวกเจ้า ใครจะแย่งหอยผูกมัดกับนายท่าน ขอให้คนนั้นฟ้าผ่า!”
แสงสีม่วงลำหนึ่งสะท้อนผ่านตาอีกาไฟ คำพูดเพิ่งจบลงก็มีสายฟ้าลำหนึ่งผ่าลงมาตรงไปยังศีรษะเผยสิบสาม
ต่อให้เผยสิบสามเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณชั้นปลาย แต่ก็ไม่อาจหลบภัยร้ายที่ไม่มีเค้ามาก่อนทัน ร่างกายที่โดนสายฟ้าผ่าลงมานั้นชาไร้ความรู้สึก ด้วยกำลังโจมตีของสายฟ้าตกลงไปใต้ท้องทะเลสาบอย่างรวดเร็ว
“อ๋า ผ่าผิดหรือ?” อีกาไฟไม่พอใจ
สองคนที่เหลือก็ตกใจนิ่งอึ้งเช่นเดียวกัน อดไม่ได้ต้องหยุดการกระทำของตน
มั่วชิงเฉินเพิ่งจะจับไข่มุกสีเขียวอ่อนได้บนหัวก็มีของหนักอย่างหนึ่งตกลงมากระแทกอย่างจัง นางเร่งรีบถอยหลังหลบไป
ต่อให้เผยสิบสามถูกสายฟ้าที่มาอย่างกะทันหันผ่าลงมาจนรู้สึกอึดอัดหน้าอก มึนงงเวียนหัว แต่มีปฏิกิริยาว่องไว้ ในเวลานี้เขาได้สติกลับมารีบขับเคลื่อนพลังวิญญาณเพื่อให้ตัวอยู่นิ่ง ชายเสื้อสะบัดพลิ้วเพราะพลังวิญญาณปั่นป่วน
แต่ภาพที่เข้ามาคลองสายตากลับทำให้พลังวิญญาณของเขาติดขัด กระอักเลือดสดๆ ออกมา
ระยะห่างออกไปหนึ่งนิ้วมีหญิงสาวที่มองเขาด้วยอาการตะตกลึงพรึงเพริด ท่อนล่างของนางเป็นหางปลาสีขาวเงินแสนสวยงาม แสงวิญญาณประกายวิบวับ ท่อนบนกลับเปลือยเปล่า ผมยาวสีดำทิ้งตังลงเหมือนสาหร่ายปิดบังความสาวตรงหน้าอกพอดี แต่ผิวเนื้อที่คลับคล้ายจะปรากฏให้เห็น เลือนรางไม่ชัดเจนกลับทำก่อให้เกิดภาพที่ทำให้ใจหายใจคว่ำ
“ภูตหญิง!” เผยสิบสามตะโกนออกมาสองคำด้วยความเหม่อลอย
มั่วชิงเฉินหน้าแดงกล่ำ เสี้ยววินาทีที่สวมเสื้อผ้าด้วยความเร็วพาลคิดถึงตอนนั้นที่นางไม่ตั้งใจเห็นภาพเยี่ยเทียนหยวนกำลังอาบน้ำ
แท้จริงแล้วความรู้สึกที่ถูกมองตอนเปลือยทำให้คนจะเป็นบ้าเช่นนี้นี่เอง!