บทที่ 135 – ทีมรีไวเวิร์ล (9)
ในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดนี้ฉันเกือบจะโดนโจมตีด้วยไฟของเดรก ถ้าฮวาหยาไม่ได้ส่งนกมาช่วยป้องกันฉันทันล่ะก็ฉันก็คงได้รับบาดเจ็บสาหัส
“ระวังตัวด้วยเจ้าโง่! ถ้านายตาย ฉันจะไปลากนายออกมาจากหลุมและฆ่านายอีกครั้งให้ดู”
“ขอบใจมากฮวาหยา”
ฉันได้ขอบคุณฮวาหยา แต่ก็ยังคงโกรธและอาบกับระเบิดของเป็ปเปอร์ แม้แต่ในช่วงฝนตกหนัก ฉันก็ยังสามารถจะมองเห็นรูในคอของเดรกและระเบิดที่ฝังอยู่ในนั้นได้อย่างชัดเจน
มันน่าทึ่ง น่าทึ่งจริงๆ นายบอกว่าอะไรนะ? มันไม่ใช่ระเบิดที่สามารถระเบิดได้แม้แต่กับเดรกหรอกหรอ? เจ้านั่นอุปกรณ์นี้มันทำให้เกิดยิ่งกว่าความปลอดภัยซะอีก!
“ลีอนน เป็ปเปอร์ฉันขอสาบานเลยว่าฉันจะบีบคอนายแน่…!”
ฉันได้กัดฟันแน่นและชูหอกขึ้นอีกครั้งเพื่อด้วยซับพลังสายฟ้ารอบๆตัว เนื่องจากว่าวิธีง่ายๆมันได้หายไปแล้ว ฉันก็ทำได้เพียงแต่ใช้วิธีที่ยากขึ้นกว่านี้ อุกมันจะไม่เป็นอะไรหรอกสำหรับผู้ใช้พลังระดับ SS เหมือนฉันและฮวาหยา แต่ว่ากับผู้ใช้พลังระดับ S อาจจะได้รับบาดเจ็บซึ่งฉันต้องการจะหลีกเลี่ยงมัน..อ่า
[Mega Rock Strike!]
เดรกได้กระทืบพื้นด้วยเท้าทั้งสองข้างของมันทำให้ผู้ใช้พลังตื่นตรกหนกและกระจายตัวกันหลบหนี แต่ว่าก็ได้มีหลุมปรากฏขึ้นมาบนพื้นที่โดยได้ดึงผู้ใช้พลังหลายคนลงไปใต้ดิน ในทันทีหลังจากนั้นก้อนหินยักษ์ก็ได้ถูกยิงขึ้นมาจากหลุม
“ช่วยพวกเขา! ถ้าพวกเราโดนมันก็จะไม่มีอะไรที่พวกเราสามารถทำได้!”
“โอ ผืนดินได้โปรดให้สิ่งที่ท่านกลืนกินกลับคืน!”
รูเดียและผู้ใช้พลังคนอื่นๆได้พยายามท่จะช่วยคนที่ตกลงไปในหลุม แต่ว่าฉันกังวลเรื่องของหินขนาดใหญ่ที่ถูกยิงออกมาจากพื้นหลายร้อยเมตรขึ้นมาบนท้องฟ้าด้วยพลังเวทย์ของเดรก
มันเพิ่งจะมาใช้อะไรตอนนี้? แม้ว่ามันจะไม่ได้อธิบายถึงสิ่งที่จะทำ ฉันก็สามารถจะบอกได้เลยว่ามันวางแผนที่จะทำอะไรเมื่อเห็นก้อนหินลอยขึ้นมาบนท้องฟ้า
เดรกมันได้วางแผนที่จะทิ้งหินลงไปและบดขยี้ผู้ใช้พลัง
ทุกๆคนต่างก็เคลื่อนไหวด้วยความตื่นตระหนก เพราะว่าฉันเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถจะป้องกันมันได้ ฉันก็ไม่จำเป็นจะต้องลังเลใดๆ ฉันได้สั่งให้ล็อทเต้บินถึงไปแต่ยังไงก็ตามเธอได้ส่ายหัว
[เราไม่สามารถจะหยุดมันได้! ถ้าพวกเราถูกโจมตีฉันอาจจะไม่เป็นอะไร แต่ฮีโร่จะตาย! นั่นมันไม่ใช่หินธรรมดา]
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่มีทางพุุ่งเข้าไปหาสิ่งที่ฉันรู้ว่ามีโอกาสชนะเป็นศูนย์หรอกน่า ฉันจะไม่ตาย”
ล็อทเต้ได้ถอนหายใจและเริ่มบินขึ้นไป ในกรณีนี้ฉันได้เปิดใช้งานผิวมังกร ด้วยวธีนี้แม้ว่าวิธีการที่ฉันคิดมันจะไม่ได้ผล แต่ฉันก็จะไม่ตาย แม้ว่าความเร็วจะลดลงไปเพราะผิวมังกรแต่ว่าความเร็วของล็อทเต้ก็ไม่ได้รับผลกระทบไปด้วย เธอได้พุ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้นเมื่อหินได้ไปจุดสูงสุดมันก็ได้เริ่มตกลงมา ในความจริงแล้วมันน่ากลัวมาก มันใหญ่ซะจนไม่สามารถจะอธิบายได้เลยว่ามันใหญ่แค่ไหน
“ชิน ไม่นะ!”
ในเวลานั้นเองฮวาหยาก็ได้บินเข้ามาในขณะที่ขี่บนไวเวิร์นเพลิง เธออาจจะคิดว่าฉันได้วางแผนที่จะฆ่าตัวตายทำให้หน้าของเธอซีดไป ราวกับว่าการไม่สามารถเข้ามาหาฉันได้เป็นความทุกข์ทรมาน
ฉันได้บอกกับฮวาหยาไปซึ่งดูเหมือนว่าเธอจะต้องการลากฉันออกไป
“ฮวาหยาเธอสามารถจะชะลอการตกของหินได้ไหม?”
“ถ้าฉันทำมัน นายจะสามารถทำอะไรกับมันได้หรอ?”
“แน่นอน แล้วมันเป็นไปได้ไหม?”
“ถ้ามันเป็นเพียงแค่การทำให้ช้าลง… ได้แน่ แต่ว่าไม่นานนะ”
ฮวาหยาได้เอาโพชั่นออกมาและดื่มมันลงไป จากนั้นเธอก็ได้ยกมือขึ้นบนมือของเธอมีเปลวเพลิงสีขาวทรงกลมปรากฏขึ้นมา เธอได้มองกลับมาที่ฉันในขณะที่ใส่พลังเพิ่มลงไปในเพลิงสีขาว ฉันเห็นได้ชัดเลยว่ามีความกังวนในสายตาเหมือนเปลวเพลิงของเธอ
“ฉันจะต้องมีมานาเพียงพอที่จะรักษากองทัพเพลิงไว้ดังนั้นนายคงจะทำส่วนที่เหลือได้ใช่มั๊ย?”
“ขอบใจมากนะฮวาหยา เธอเป็นผู้หญิงที่เจ๋งจริงๆ”
“อย่าได้พูดคำที่ไม่เต็มใจแบบนั้น ฉันควรจะได้รับการจูบที่ลึกซึ้งมากกว่า”
“เธอไม่ต้องการให้ฉันชมเธอ…?”
เมื่อฉันได้พูดพึมพัม ฮวาหยาก็ยิ้มขึ้นและโยนเพลิงสีขาวเข้าไปใส่หนึ่ง ในช่วงเวลาที่เพลิงสีขาวได้ปะทะกับหิน ทำให้พื้นผิวของมันการเป็นสีแดงและชะลอตัวลงไป เยี่ยมแบบนี้มันจะทำให้ฉันทำตามแผนได้ง่ายยิ่งขึ้น
“ฮวาหยาเธอจะต้องหนีไปในตอนนี้”
ฉันได้บินสูงขึ้นไปพร้อมกับล็อทเต้โดยที่ไม่รอการตอบสนองของฮวาหยา ฉันได้ถือหอกที่มีประกายสายฟ้าเอาไว้และล็อทเต้ก็ดูเหมือนจะกลัวเล็กน้อยเมื่อเข้าใกล้หิน ฉันไม่สามารถจะตำหนิเธอได้เลย หินมันมีขนาดที่ใหญ่เท่ากับตึกซึ่งพอจะให้คนไปยืนบนมันได้หลายร้อยคน
หินได้ตกลงมาเรื่อยๆ 100 เมตร 70 เมตร 35 เมตร 10 เมตร! ฉันได้แทงหอกของฉันออกไปข้างหน้า
“เอ้าเบิร์ส”
ในขณะที่หอกของฉันปะทะเข้ากับหิน ฉันก็รู้สึกได้ถึงแรงปะทะจากหิน ยังไงก็ตามในด้านพลังป้องกันของหอก หอกมันได้ส่งแรงกระแทกนี้ตรงเข้ามาหาฉัน ซึ่งมันทำให้แขนของฉันรับแรงกระแทกที่มหาศาลเอาไว้ ฉันรู้สึกเจ็บปวดเหมือนกับมีพลังเข้าไปในเส้นประสาทของฉัน ยังไงก็ตามฉันยังคงเชื่อในทักษะผิวมังกรของฉัน ฉันได้กัดฟันแน่นและแทงหอกออกไปข้างหน้าต่อไป
“ไอเจ้าจิ้งจกสารเลว กินนี้ไปซะ”
หินไม่ได้แตกออกไปจากการปะทะกับหอกของฉัน แต่จากแรงกระแทกที่เหนือธรมมชาติได้ทำให้มันแยกออกเป็นหลายสิบชิ้น จากนั้นก็หลายร้อยชิ้น จากนั้นก็แตกออกจนนับได้ไม่ถ้วน แน่นอนว่าสิ่งที่พวกเขาเล็งก็คือ…!
[ก๊าซซซซซซซซซ ฮีโรรรรรร่]
ฝนหินได้ตกไปกระทบร่างกายของเดรก ฉันไม่คิดว่ามันจะได้รับบาดเจ็บร้ายแรงใดๆ แต่ว่าฉันก็ได้กำหมัดของฉันในขณะที่ฉันได้ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้พลังระดับ S ตายในเรื่องที่ไร้สาระ
กยังไงก็ตามทันใดนั้นฉันก็รู้สึกเหมือนมีฝนตกลงมาบนหัวของฉัน ฉันได้ยกมือของฉันขึ้นสัมผัสมันและฉันก็เห็นว่าหมวกของฉันได้ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน มันดูเหมือนว่าจะมีเศษหินตกลงมาที่หัวของฉัน หน้ากากยังคงซ่อนหน้าของฉันอยู่ แต่ฉันคงจะต้องจ่ายเงินเพื่อจะซ่อมหมวกนิรภัย ฉันได้ก้มกัดฟันแน่นและใส่หมวกทั้งสองชิ้นที่ถูกแยกลงไปในช่องเก็บของ
การต่อสู้มันยังไม่จบลง ถ้าฉันปล่อยให้เดรกอารวาดต่อไปอีก เพื่อนๆของฉันก็อาจจะตกอยู่ในอันตรายอย่างแท้จริง เนื่องจากว่าตอนนี้มันยังโจมตีแต่ในหุบเขาอยู่ แต่หากปล่อยไว้มันคงไม่จบแค่ในที่แห่งนี้แน่ๆ
มานาของฮวาหยาก็ยังมีจำกัดและเธอไม่สามารถที่จะป้องกันเพลิงได้ตลอดไป ถ้าไม่มีเธอฉันคิดว่าคนครึ่งหนึ่งในที่แห่งนี้ก็จะต้องตายไปแล้ว
ดังนั้นฉันก็เลยจะต้องฆ่ามันก็ที่มานาของเธอจะหมดลง
“ฟู่….”
อย่างแรกฉันได้ตัดสินใจกับตัวเอง หนึ่งนาทีมันจะเพียงพอหรือไม่? ฉันสามารถจะเล็งไปได้อย่างถูกต้องไหม? ฉันควรจะทำมันจริงๆไหม?
ไม่ ด้วยบัฟของรูเดีย มันควรจะแทบเป็นไปได้
“ย๊ากกกก!”
[คุณได้ใช้วอคลาย! สมาชิกในปาตี้ทุกคนได้รับการเคลียสถานะด้านลบ ทุกคนในปาตี้พลังโจมตีเพิ่มขึ้น 50% ในระยะเวลาหนึ่ง และได้เข้าสู่สถานะสุดยอดเกราะไม่สกสะท้านกับการโจมตีของศัตรู]
ความแข็งแรงได้เพิ่มขึ้นมาในร่างกายของฉัน แน่นอนว่ามันไม่ใช่แค่นั้น ฉันได้เล็งหอกของฉันไปที่เฟรมเดรกในขณะที่อยู่บนหลังของล็อทเต้ ในขณะนั้นมันก็ได้เหวี่ยงเท้าหน้าของมันและพ่นไฟใส่ผู้ใช้พลังระดับ S เพื่อโจมตี
“ใหญ่ไปแล้ว! อึก!”
[อึก… มันหนัก ฮีโร่]
“อดทนไว้อีกซักเดี๋ยวนะล็อทเต้”
หอกได้ขยายขึ้นหลายสิบเมตรในทันที หอกได้กลายเป็นหนักมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อและมันก็ได้กลืนกินมานามากซะจนฉันไม่คิดมาก่อนเลยจากสปิริตออร่า ฉันได้กัดฟันและตะโกนออกไป
“ความพิโรธของเทพเจ้า”
หอกยักษ์ได้เปลื่ยนเป็นสายฟ้า! โอ้ หอกของฉันได้กลายเป็นสายฟ้าไปแล้ว นอกจากนี้เมื่อฉันได้ใช้งานทักษะความพิโรธเทพสายฟ้า ฟ้าผ่าก็ได้ดังขึ้นและมากขึ้นจากฟากฟ้า หอกของฉันได้ดูดซับสายฟ้าทั้งหมดไปลและขยายใหญ่ขึ้น
[ฮ่าๆ ฉันรู้สึกว่าสูงขึ้นไปอีกแล้วนายท่าน]
“ฉันรู้สึกหนักมากๆ!”
เสี่ยงกรีดร้องของไพก้าทำให้ฉันต้องยิ้มออกมา ความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อของฉันได้ถูกรีดเร้นออกมา ถ้าฉันไม่ได้เรียนรู้ทักษะมันก็คงจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ฉันจะใส่พลังทั้งหมดลงไปในสถานการณ์นี้
“เอานี่ไปซะ…ฮีโรอิค….สไตรรรรรรค์”
ฉันได้โยนสายฟ้าในมือออกไป
“อึก สายฟ้ายักษ์นั่นมันคืออะไรนะ!?”
“อัศวินสายฟ้า นั่นมันเป็นพลังของอัศวินสายฟ้า”
“อะไรนะ….นั่นมันคือพลังของระดับ SS? ไม่สิมันเหนือกว่านั้น!”
“อา เดรกมันกำลังจะขยับไปแล้ว หยุดมัน”
[ก๊าซซซซซซ]
ในความจริงแล้วหอกที่ฉันปาออกไปมันไม่ได้เร็วเหมือนกับสายฟ้าจริงๆ เดรกที่มีขนาดกระชับกระเฉงกับขนาดของมัน ทำให้มันสามารถจะหลบได้อย่างแน่นอน
นั่นคือ ถ้าฉันไม่ได้ทำอะไรน่ะนะ
“ชาโดว บิ้ง”
ในช่วงเวลาถัดมาฉันก็ได้มาอยู่ที่คอของเดรก มันได้ระเบิดเปลวเพลิงที่แข็งแกร่งออกมาจากร่างกายและผลักดันผู้ใช้พลังให้ถอยกลับไปและตอนนี้มันได้กำลังพยายามที่จะหลบหอกที่พุ่งเข้ามา แน่นอนว่าฉันไม่คิดว่าฉันปล่อยมันไว้เช่นนั้น
ฉันได้ยกมือของฉันขึ้นและกระแทกลงไปที่คอของมันพร้อมตะโกนขึ้น “สัมผัสเยือกแข็ง”
[เป้าหมายของคุณได้ถูกแช่แข็งเป็นเวลา 5 วินาที หลังจากนั้นมีนจะสามารถปัดเป่าสถานะไปได้ขึ้นอยู่กับความต้านทานของมัน]
[อั๊ก]
เดรกได้ถูกแช่แข็งด้วยกับที่เหมืนกับโกหก ฉันได้กระโดดออกมาด้วยรอยยิ้ม ล็อทเต้ได้บินเข้ามาเหมือนลูกศรและจับฉันเอาไว้
“เยี่ยมมากล็อทเต้”
[ฉันจะลงไปแล้วนะ]
มันดูเหมือนว่าล็อทเต้จะสามารถที่จะรู้สึกถึงพลังของความพิโรธเทพสายฟ้าได้ เธอได้กระพือปีกและบินออกมาอย่างรวดเร็ว หนึ่งวินาทีต่อมาหอกที่ฉันได้โยนออกไปก็ได้เจาะเข้าไปในร่างกายของเดรก
[ติดคริติคอล]
[ก๊าซซซซซซซ]
“ว้าว ติดคริติคอล”
ฉันได้ยืนมองดูในขณะที่อยู่บนหลังของล็อทเต้ ความพิโรธเทพสายฟ้าก็ได้เผาทุกอย่างในเส้นทางและเจาะทะลวงร่างกายของเดรก มันได้ขุดลึกเข้าไปในร่างกาย โลกได้ถูกย้อมไปด้วยสีทองอยู่ชั่วขณะนึง ในขณะเดียวกันสายฟ้าที่น่ากลัวก็ได้เข้าไปในร่างกาย
ในเวลาเดียวกันแม้แต่ระเบิดที่ติดอยู่ในคอของมันก็ระเบิดออกมา! ใช่แล้วถ้ามันสามารถที่จะทนต่อความพิโรธเทพสายฟ้าได้ มันก็คงจะต้องเป็นมอนสเตอร์บอสระดับ SSS ระเบิดได้ระเบิดออกมาทำให้เศษโลหะดินปืนได้กระจายไปทั่วคอของเดรก แม้ว่ามันจะไม่แข็งแกร่งเท่าความพิโรธเทพสายฟ้า แต่ด้วยการวางที่ถูกตำแหน่งและความจริงที่ว่าเป็ปเปอร์ได้ใช้พลังของเขาในการเสริมพลังให้มันจึงทำให้เกิดความเสียหายที่รุนแรงขึ้น
[ก๊าซซซซซซ…! ฮี…โร่…. พลัง…!]
เดรกได้ร้องออกมา มันเป็นเสียงที่เบาบางและบางลงไปจนกระทั่งไม่มีใครสามารถจะได้ยินได้อีก ถ้ามันไม่ตายจากสิ่งนี้ ฉันก็คงจะต้องการใช้การพิสูจน์แห่งไดฟิค เมื่อฉันแก้ปัญหาด้วยตัวเองไปได้แล้วความตรึงเครียดของร่างกายฉันก็ได้หายไป และฉันก็ได้ยินในสิ่งที่ฉันรอฟังอยู่
[เหตุการการจู่โจมสำเร็จ! นักสำรวจดันเจี้ยน 6 ตน และนักสำรวจดันเจี้ยนอิสระ 1 คน รวมเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนทั้งหมด 7 คนได้ประสบความสำเร็จในการเอาชนะเหตุการการจู่โจม ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่จะเพิ่มรางวัลมากขึ้น เนื่องจากว่าระดับโดยเฉลี่ยของคุณต่ำกว่าบอสรางวัลการจู่โ๗มก็จะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง]
[ศักดิ์ศรีของคุณคู่ควรที่จะได้รับความสนใจจากเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ เทพเจ้าทั้งหมดที่รักในการต่อสู้และสงครามได้เริ่มสังเกตคุณอย่างใกล้ชิด]
มันมีรางวัลเพิ่มมากขึ้นในครั้งนี้!? นอกจากนี้ข้อความนั่น….มันดูเหมือนว่าฉันจะต้องเตรียมพร้อมในสิ่งที่กำลังจะมา
[คุณได้รับแต้มสเตตัส 5 แต้มจากการเคลียร์]
[รางวัลจะถูกแบ่งตามลำดับผลงาน]
[คังชินได้มีส่วนร่วมมากที่สุด เลือกรางวัลของคุณ]
[1.ความโกรธของวัลแคน (อีปิค)
2.เจ้าสาวแห่งอินิส (อีปิค)
3.นักโทษในดวงจันทร์แฝด (อีปิค)
4.อิลิกเซอร์
5.หอกโวคานิค (อีปิค)
6. ผู้พิทักษ์โวคานิค (อีปิค)
7.5,000,000]
‘….แม้แต่รางวัลที่แย่ที่สุดก็คือ 5,000,000 ทอง!? แล้วมีรางวัลโพชั่นคืออิลิกเซอร์!? ถ้านั่นมันเป็นอย่างที่ฉันคิดคือ…มันไม่ใช่ว่าเป็นโพชั่นปาฏิหาริย์ที่จะช่วยฟื้นคืนให้คนกลับมาเป็นปกติจากอาการบาดเจ็บทางกายและจิตใจงั้นหรอ!? นอกจากสองอย่างนี้สิ่งอื่นๆก็เป็นไอเทมระดับอีปิค’
“ชะ ชินรางวัลมีอะไรออกมาบ้าง? นายเป็นคนที่มีผลงานมากที่สุดใช่ไหม ดังนั้นมันเป็นยังไง มีอะไรดีไหม?”
มันเห็นได้ชัดเลยว่าฉันเป็นลำดับแรก ไม่มีทางที่จะเป็นคนอื่นได้อีก ฮวาหยาที่รู้เรื่องนี้ดีได้เข้ามาหาฉันและถามด้วยดวงตาเป็นประกาย
เมื่อฉันได้มองไปที่แสงที่ส่องลงมาจากช่องว่างระหว่างเมฆฝน ฉันก็ได้พูดด้วยความเคร่งขรึม
“ฮวาหยา…เราได้โชคครั้งใหญ่เลยล่ะ”