ตอนที่ 345 ไม่รู้จักเวล่ำเวลา
“ข้าน้อยหาได้กลัวไม่ วาจานี้ของอนุรองก็กำลังปรักปรำกันอยู่อย่างนั้นหรือ” หวังหลงจู๊ถูกนางยั่วให้โกรธ พายุความโกรธโหมกระหน่ำ ในเมื่องเป็นเรื่องที่ไม่เคยทำก็ยังพูดว่าทำอีก
อนุรองโมโหขึ้นมาในทันที โถมร่างเข้าสู่อ้อมอกของหลิงอ๋อง “ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันทำอะไรก็นึกถึงจวนอ๋องมาโดยตลอด ทว่าหวังหลงจู๊กลับบอกว่าหม่อมฉันคิดร้าย! แม้กระทั่งบ่าวไพร่ก็ยังกล้าด่าทอหม่อมฉันเช่นนี้ แล้วคนอื่นเล่าเพคะจะคิดกับหม่อมฉันเช่นไร นี่ก็ช่างรังแกกันเกินไปแล้ว ถูกคนเช่นนี้ด่าทอ ก็มิสู้ตายไปเสียยังดีกว่า!”
ยามที่พูดนั้น น้ำเสียงก็สูงขึ้นอย่างน้อยอกน้อยใจ ทำให้หลิงอ๋องต้องรีบปลอบขวัญโดยเร็ว
“พูดอะไรไร้สาระ บอกว่าตายไม่ตายอะไรกัน เราไม่ได้สงสัยในตัวเจ้าเสียหน่อย หากใครกล้าที่จะทำตัวไม่เคารพเจ้า เราก็ไม่ปล่อยมันเอาไว้แน่ หวังหลงจู๊ อย่างไรเสียอนุรองก็เป็นมารดาแท้ๆ ของนายน้อยสาม หากเจ้ายังกล้ากล่าววาจาจาบจ้วงไม่เกรงใจอีก เช่นนั้นก็อย่าหาว่าเราไม่เตือน!”
“ท่านอ๋อง?!” หวังหลงจู๊ชะงัก คิดไม่ถึงว่าอนุรองจะมาไม้นี้ นี่เป็นสิ่งที่หลิงอ๋องจะถูกหลอกใช้ได้ง่ายดายที่สุด ถึงแม้เขาจะมีความอดทนมากเช่นไร แต่ก็ยังโกรธเสียจนเหมือนมีไฟสุม พยายามที่จะหักห้ามให้ตัวเองใจเย็นๆ เรื่องนี้ก็ช่างผิดปกติยิ่งนัก ชัดเจนว่าตัวเขาเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย แต่เหตุใดถึง…
อวี้อาเหรากวาดตามองไปรอบๆ ด้วยสายตาเย็นชา “อนุรอง ยามนี้พวกเรากำลังตรวจสอบเรื่องการยักยอกเงินของหวังหลงจู๊อยู่ หากเจ้ายังจะร้องหาที่ตายอยู่เช่นนี้ก็เท่ากับไม่เห็นกฎเกณฑ์ของจวนของเราอยู่ในสายตา เรื่องหลักของจวนต้องมาก่อน แล้วเจ้ายังมาพูดจาคร่ำครวญเช่นนี้ได้หรือ อีกอย่างตอนนี้ในท้องก็ยังมีครรภ์ หากเกิดเรื่องผิดพลาดอะไรขึ้นมา เจ้าจะรับผิดชอบไหวหรือ?”
“อาเหราพูดได้ถูกต้อง เจ้ามานั่งตรงนี้ดีๆ เถิด มาร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่เช่นนี้ดูได้ที่ไหนกัน หากไม่เห็นแก่กฎเกณฑ์ ก็ให้เห็นแก่ข้าบ้าง กลับไปพักผ่อนเถิด หากยังอยากร้องหาที่ตายอยู่ เช่นนั้นก็รอให้เจ้าคลอดลูกก่อนเถิด หากยังกล้าอยู่ก็ไปเสีย ตอนนี้เจ้ากำลังทำเรื่องขายหน้าต่อหน้าคนนอกอยู่นะ”
หลิงอ๋องเข้าใจว่าเรื่องหวังหลงจู๊เป็นเรื่องสำคัญ เมื่อเห็นอนุรองทำท่าร้องไห้ร้องห่มเช่นนี้ก็ไม่สบอารมณ์ พอดีกับที่อวี้อาเหราพูดขึ้นมา ก็จริงอย่างที่นางว่า แม้แต่เรื่องกฎเกณฑ์อะไรก็ยังไม่รู้ เมื่อก่อนนี้เห็นว่านางเป็นคนสุขุมเรียบร้อยวางท่าเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้นจึงได้มอบหมายดูแลงานในจวนทั้งหมดให้
อนุรองถูกดุว่าไปครั้งหนึ่งก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นก็พลันหายไปด้วย
อวี้จื่อเยียนพยุงร่างของมารดา จ้องมองอวี้อาเหราอย่างมาดร้าย ก่อนหน้านี้พวกนางก็ลอยลมอยู่แท้ๆ แต่เพียงเพราะคำพูดอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนประโยคเดียวของอวี้อาเหราก็กลับทำให้มารดาของนางต้องได้รับโทษเช่นนี้ ช่างร้ายกาจยิ่งนัก!
หลิงอ๋องหันไปสนใจหวังหลงจู๊อีกครั้ง จากนั้นก็หัวเราะเสียงเย็นๆ ขึ้นมา “เจ้าบอกว่าเจ้าไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้ แต่ว่านี่เป็นสมุดบัญชีของเจ้า ซึ่งก็มีเพียงเจ้าคนเดียวที่เก็บเอาไว้ แล้วใครเล่าจะไปเอาสมุดบัญชีของเจ้ามาใส่ความ? อีกอย่าง หากมีคนเล่นตุกติกกับเจ้าจริง หากเพียงดูอย่างละเอียดก็รู้ว่าตรงไหนที่ไม่จริง แล้วจะใส่ความเจ้าได้อย่างไร”
“เรื่องนี้..” หวังหลงจู๊เองก็สับสนอยู่เช่นกัน เพราะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เช่นนั้นจึงทำเพียงก้มหน้าลงไปโขกศีรษะกับพื้นด้วยท่าทีสำนึกผิดอย่างประหลาดใจเท่านั้น
อวี้อาเหราฟังแล้วก็วิเคราะห์อยู่ในใจ หากเป็นไปตามที่หลิงอ๋องกล่าวก็คงจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ไม่มีใครสามารถที่จะลงไม้ลงมือเล่นตุกติกได้เลย แต่เรื่องที่นางไม่เข้าใจก็คือ หากเป็นหวังหลงจู๊ที่ทำจริงๆ เขาก็คงจะไม่เลือกกระทำในช่วงเวลาเช่นนี้แน่ ทำอย่างนี้ก็ไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรืออย่างไร?
ตอนที่ 346 ใส่ความ
หลิงอ๋องเห็นว่าหวังหลงจู๊ไม่มีอะไรจะแก้ตัว เช่นนั้นจึงหันไปออกคำสั่งกับเหล่าองครักษ์ที่อยู่ด้านนอก “พวกเจ้าไปตรวจสอบทรัพย์สินส่วนตัวของหวังหลงจู๊เสีย หากมีสิ่งใดน่าสงสัยให้รายงานเราทันที”
“พ่ะย่ะค่ะ!” เหล่าองครักษ์ถอยออกไปอีกครั้ง
หลิงอ๋องต้องการที่จะค้นหาเงินหลายล้านตำลึงนั้นที่ถูกยักยอกไป ในใจก็เข้าใจได้ในทันที ทว่ากลับรู้สึกสงสัยขึ้นมาในฉับพลัน เงินเหล่านี้ไม่ใช่น้อยๆ เลย หากเป็นอนุรองจงใจที่จะใส่ความอีกฝ่ายแล้วจริงๆ ก็คงจะเป็นเรื่องเหลือเชื่ออยู่บ้าง แม้ว่าจะเป็นการยัดเยียดของโจร แต่ก็ต้องมีของกลางเพื่อยืนยัน หากเป็นอนุรองจริงๆ ก็คงจะต้องเอาเงินหลายล้านตำลึงนั้นไปอุดช่องโหว่แน่ แต่นางนั้น แต่ละเดือน นางได้เบี้ยเลี้ยงเพียงเดือนละไม่เกินยี่สิบตำลึงเงินเท่านั้น แล้วจะไปหาเงินมาจากไหนมากมายถึงเพียงนี้
ในใจของอวี้อาเหราก็เริ่มสับสนมึนงง หรือจะเป็นเงินที่ยักยอกมาจากเฉียนหลงจู๊เมื่อครั้งที่แล้ว?
เหลือบมองไปทางเจาเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นว่ากำลังกายของนางกำลังถดถอย แม้ว่าจะยืนอยู่ก็ยังทำท่าเหมือนจะล้มลง ตอนนี้ยังไม่ถึงคราที่จะสอบสวนนาง อวี้อาเหราเห็นเช่นนั้นแล้วก็ทนไม่ไหว จึงพูดกับนางด้วยเสียงที่ได้ยินกันเพียงสองคน “เจ้าก็นั่งลงก่อนเถิด”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะคุณหนู ถ้าหากท่านอ๋องเห็นเข้าอาจจะทรงกริ้วเอาได้” ก่อนที่เจาเอ๋อร์จะมานั้น เมี่ยวอวี้ก็ได้บอกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้แก่นางฟังหมดแล้ว ดังนั้นจึงพอคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น สีหน้าของนางจึงไม่ค่อยตกใจนัก จึงทำเพียงยืนนิ่งๆ อยู่ที่เดิม
อวี้อาเหราเห็นดังนั้นก็ไม่ได้บีบบังคับ อีกอย่างตอนนี้สถานการณ์ก็ไม่สู้ดี เมื่อครู่ที่หลิงอ๋องทราบว่าเจาเอ๋อร์มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็มีท่าทีไม่พอใจอย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรทำให้อีกฝ่ายโมโหขึ้นมาอีก และยิ่งไม่ควรปล่อยให้อนุรองและลูกสาวสบโอกาสพูดจาใส่ร้ายอะไรได้อีก
จึงจำต้องรอแต่เพียงเท่านั้น
แต่ว่าอย่างไรเสียนางก็จะเป็นคนคอยประคองเจาเอ๋อร์เอง
อวี้อาเหราลอบตัดสินใจเช่นนี้อยู่ในใจ
ผ่านไปเพียงไม่นาน องครักษ์ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบก็เดินเข้ามา พวกเขายก**บหลายใบเข้ามาด้วย
หลิงอ๋องส่งสายตามอง**บเหล่านั้นอยู่ชั่วครู่ ใบหน้าก็พลันเคร่งขรึมขึ้นมาในทันที
สีหน้าของหวังหลงจู๊ตกอกตกใจเป็นอย่างมาก ส่ายหน้าพร้อมทั้งถลึงตามองอย่างไม่อยากจะเชื่อ บ่นพึมพำเสียงเบา
“เปิด!” ภายใต้เสียงตะคอกดุดันของหลิงอ๋อง เหล่าองครักษ์ก็เปิดฝา**บออก ทันใดนั้นแสงทองระยิบระยับก็เผยโฉมออกมา ภายใน**บบรรจุแก้วแหวนเงินทองและอัญมณีมากมายหลากหลายชนิดจนนับไม่หวาดไม่ไหว ดึงดูดสายตาของคนทั้งจวนให้มองมา
หวังหลงจู๊เห็นดังนั้นแล้วก็ตกใจจนแทบจะสิ้นสติ ก่อนที่จะส่ายหน้าออกมาอย่างหวาดกลัว “ท่านอ๋อง ได้โปรดเชื่อกระหม่อมเถิดนะพ่ะย่ะค่ะ ของเช่นนี้จะมาอยู่ในบ้านของกระหม่อมได้อย่างไร ต้องมีการเข้าใจผิดกันแน่ อย่างไรกระหม่อมก็ไม่อาจกระทำเรื่องเช่นนี้ได้ ท่านอ๋อง ท่านได้โปรดตรวจสอบให้แน่ชัดด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้ต้องมีใครใส่ความกระหม่อมแน่…”
“หวังหลงจู๊ วาจานี้ของท่านก็หมายความว่าท่านอ๋องยังตรวจสอบไม่ละเอียดก็ใส่ความท่านแล้วใช่หรือไม่” อนุรองเห็นช่องจึงพูดสอดขึ้นมา
“อนุรอง! เหตุใดท่านจึงจ้องจะหาเรื่องข้าน้อยเช่นนี้ ข้าน้อยเคยทำให้ท่านไม่พอใจตรงที่ใด เหตุใดจึงจะต้องบีบบังคับข้าน้อยทุกทางเช่นนี้ด้วย?” สีหน้าของหวังหลงจู๊เปลี่ยนไปเป็นสีแดงคล้ำ ในเมื่ออนุรองจงใจพูดออกมาเช่นนี้ แล้วผู้อื่นจะไม่ปักใจเชื่อได้อย่างไรว่าเขาเป็นคนทำ?
“หม่อมฉันพูดไปตามความจริง หวังหลงจู๊ ท่านเห็นหลักฐานอยู่ตรงหน้าแล้วก็ตกใจจนลืมตรรกะเหตุผลไปหมดสิ้นเลยหรืออย่างไร” อนุรองไม่สนใจคำพูดของหวังหลงจู๊เลยแม้แต่น้อย นางกลับหันไปมองหลิงอ๋องด้วยสายตาเว้าวอน คำพูดของนางนั้นแน่นอนว่าเป็นการเติมไฟใส่เชื้อ เพียงไม่นานก็ใกล้จะระเบิดแตกออกมา
หลิงอ๋องตีสีหน้าเคร่งเครียด ฟังเงียบๆ ไม่ขยับไปไหน จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น แล้วมองไปทางหวังหลงจู๊ด้วยสายตาสับสน