ตอนที่ 277 คนถ่อย
“เมี่ยวอวี้ ข้าอยากกินขนมดอกเบญจมาศ เจ้าไปเด็ดดอกเบญจมาศที่ปลูกอยู่ข้างๆ เรือนพักของอนุสามและอนุสี่มาให้ข้าหน่อยเถิด จำไว้นะว่ากลีบดอกจะต้องไร้รอยตำหนิจึงจะใช้ได้” อวี้อาเหราเงยหน้าขึ้นมองเมี่ยวอวี้แล้วจึงออกคำสั่ง จากนั้นจึงค่อยหันไปทางเจาเอ๋อร์ “เจ้าช่วยข้าอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที”
“เจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์รีบเข้ามาหาอย่างคล่องแคล่ว
นับตั้งแต่เมี่ยวอวี้เข้ามา เจาเอ๋อร์ก็ยิ่งกระตือรือร้นกว่าเมื่อก่อน แม้แต่จะบ่นพึมพำเล็กน้อยก็ไม่มี คงเพราะกลัวว่านางจะให้ความสำคัญกับเมี่ยวอวี้มากกว่า อวี้อาเหราถอนหายใจอย่างนึกขัน จากนั้นก็รู้สึกจนใจ ไม่คิดเลยว่าแม้แต่สาวใช้ผู้นี้ก็ยังต้องพานพบกับการชิงดีชิงเด่นเช่นนี้ด้วย
เมื่อชำระล้างร่างกายจนเรียบร้อยแล้ว เจาเอ๋อร์ก็หยิบชุดกระโปรงที่ดูเรียบง่ายมาสองสามชุด แล้วยังเตรียมเสบียงและข้าวของต่างๆ ด้วย
การเดินทางไปยังตลาดมืดในครั้งนี้ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสองวัน ของพวกนี้ก็ต้องเตรียมเอาไว้ให้พร้อม
ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มที่จะค่อยๆ สว่างขึ้นมา สว่างไสวราวกับท้องปลาก็ไม่ปาน
อวี้อาเหรามองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก เพราะว่าวันนี้ต้องแอบย่องออกมา เพราะอย่างนั้นจึงไม่ได้ผลัดหน้าทาแป้ง เครื่องประดับศีรษะก็ดูเรียบง่าย มีเพียงปิ่นหยกหนึ่งชิ้นที่ปักอยู่บนเกศา มองดูแล้วก็เหมือนกับหญิงสาวธรรมดาทั่วๆ ไป สวมใส่เสื้อผ้าเรียบง่าย แม้ว่าจะดูสามัญ แต่เมื่อสวมอยู่บนร่างของนางก็ทำให้ดูล้ำค่าขึ้นมา
เครื่องประดับใดๆ ก็ไม่อาจต้านทานความงามของนางได้เลย
เมื่อมองดูด้วยความพึงใจเล็กน้อย ก็ไม่กล้าที่จะหน่วงเหนี่ยวเวลาเอาไว้อีก ทั้งสองหยิบสัมภาระแล้วเตรียมตัวที่จะออกเดินทาง
ในยามนี้ ท่ามกลางความว่างเปล่ามีเงาร่างปรากฏขึ้นสองสามร่าง ต้าเว่ย ชิงอวิ๋นและคนอื่นๆ เข้ามาขวางทางพวกนางเอาไว้ ต้าเว่ยคุกเข่าลงด้วยท่าทีขึงขัง “คุณหนูรอง ท่านจะไปไหนหรือ ท่านอ๋องสั่งเอาไว้ว่าไม่อนุญาตให้ท่านออกไปไหนนะขอรับ”
“ถอยไป” อวี้อาเหรารู้สึกปวดหัวขึ้นมา สองวันนี้นางก็เอาแต่คิดว่าทำอย่างไรจึงจะหนีออกไปได้ แต่กลับลืมองครักษ์ทั้งสิบเอาเสียนี่ เมื่อเห็นพวกเขาขัดขวางเช่นนี้แล้ว ทำอย่างไรนางก็ออกไปไม่ได้ ทันใดนั้นก็ถามขึ้นอย่างโกรธๆ ว่า “ชิงอวิ๋น บอกข้ามา สองครั้งก่อนหน้านี้เป็นเพราะพวกเจ้าละเลยต่อหน้าที่จึงจะถูกเสด็จพ่อลงโทษ แต่เป็นข้าที่ช่วยชีวิตพวกเจ้าเอาไว้ใช่หรือไม่”
“ขอรับ…” ชิงอวิ๋นพยักหน้าอย่างเงียบงัน
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้” อวี้อาเหรามองไปทางต้าเว่ย “แล้วพวกเจ้ายังไม่รีบถอยออกไปอีกหรือ”
“คุณหนูรองโปรดอภัย” ต้าเว่ยก้มหน้าลง “ถึงแม้ท่านจะมีบุญคุณที่ช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้ แต่พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของท่านอ๋อง อย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลยนะขอรับ”
“ลำบากใจ? ทั้งๆ เป็นพวกเจ้าต่างหากที่ทำให้ข้าลำบากใจ! พวกเจ้าถอยไปเสียดีกว่า หากเกิดอะไรขึ้นข้าจะรับผิดชอบเอง อย่างไรเสียก็ไม่ยอมให้เสด็จพ่อลงโทษพวกเจ้าแน่” อวี้อาเหราตบหน้าอกเพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงใจ
“ไม่ได้ขอรับ” พวกต้าเว่ยยังคงไม่ขยับไปไหน
“ในเมื่อพวกเจ้าเป็นผู้เรียนวรยุทธ์ ย่อมเข้าใจเรื่องตอบแทนบุญคุณดีมิใช่หรือ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าก็ติดค้างข้าถึงสองครั้ง หากยังขัดขวางข้าอีก เจ้าก็จะกลายเป็นคนชั่วที่ลืมบุญคุณคน!” อวี้อาเหราโกรธยิ่งนัก หากยังชักช้าต่อไปเช่นนนี้ฟ้าก็คงจะสว่างกันพอดี แล้วนางจะออกจากจวนได้อย่างไรกัน
“บุญคุณของคุณหนูรองนั้นเป็นเรื่องที่พวกข้าน้อยจดจำได้ขึ้นใจ เพียงแต่ท่านอ๋องสั่งเอาไว้…”
“ข้าไม่สนว่าเสด็จพ่อจะเคยสั่งอะไร ขอถามเพียงแค่คำเดียวว่าเสด็จพ่อประทานพวกเจ้าให้ข้าแล้วใช่หรือไม่”
“…ขอรับ”
“แล้วตอนนี้พวกเจ้าควรจะฟังคำสั่งใคร”
อวี้อาเหราถามกลับอย่างเดือดดาด เหตุใดเจ้าพวกหัวขี้เลื่อยเหล่านี้จึงไม่เข้าใจเสียทีนะ
เมื่อพวกต้าเว่ยได้ยินดังนั้น ก็รีบหลีกทางในทันที
ทั้งสองแอบหลบหนีออกมา นั่งลงบนรถม้าที่ว่าจ้างเอาไว้ไปสู่ส่วนตะวันตกของเมือง
เจาเอ๋อร์ตบหน้าอกอย่างใจหายใจคว่ำ “คุณหนูช่างกล้าหาญยิ่งนักเจ้าค่ะ หากท่านอ๋องทรงทราบจงต้องกริ้วหนักเป็นแน่!”
ตอนที่ 278 ป่าดงรกร้าง
“ไม่เป็นไรหรอกน่า” อวี้อาเหราไม่ได้กังวลใจเลยแม้แต่น้อย “เสด็จพ่อรักใคร่เอ็นดูข้ามาโดยตลอด แม้ว่าตอนนี้จะโกรธเคือง แต่หากผ่านไปสักสองวันก็หายแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นก็ค่อยเข้าไปขออภัยโทษ เสด็จพ่อก็คงยกโทษให้แล้ว”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดีเจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์ไม่วางใจ
“เอาล่ะ หากเจ้ายังบ่นอีกก็กลับไปเสีย ข้าเห็นเจ้าที่เป็นเช่นนี้แล้วก็รู้สึกรำคาญนัก รู้เช่นนี้ข้าให้เจ้าไปเก็บดอกเบญจมาศกับเจ้าเสียก็ดี ไหนเลยจะยอมให้เจ้าขึ้นรถม้าไปเที่ยวเล่นข้างนอกด้วย” อวี้อาเหราคร้านที่จะฟังคำพูดของเจาเอ๋อร์ เพิ่งจะออกจากจวนมา โรคขี้บ่นของนางก็กำเริบเสียแล้ว
เมื่อพูดถึงเมี่ยวอวี้ เจาเอ๋อร์ก็รีบหุบปากลงอย่างรู้งาน
อวี้อาเหรามองนางอย่างขบขัน ตอนนี้เจาเอ๋อร์ก็มีคู่แข่งเสียแล้ว พอพูดถึงเมี่ยวอวี้นางก็เชื่อฟังขึ้นมาทันที
เจาเอ๋อร์ถอนหายใจออกมา แอบเลิกม่านขึ้นแล้วมองออกไปด้านนอก ชิงอวิ๋นนั่งอยู่ด้านหน้าเพื่อบังคับม้า ส่วนพวกต้าเว่ยยังดักสุ่มอยู่รอบกายเพื่อคอยอารักขา นางค่อยวางใจในการเดินทางไปตลาดมืดในครั้งนี้ สถานที่แห่งนั้นเป็นแหล่งรวมผู้คนทั้งดีเลวเอาไว้ด้วยกัน ใครจะรู้บ้างว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
รถม้าไม่หยุดพัก เมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงตอนเที่ยง คนเหล่านี้ทก็านแป้งอบกันคนละสองสามแผ่น ดื่มน้ำแล้วเดินทางต่อทันที
โชคดีที่เจาเอ๋อร์นำติดตัวมามาก ยิ่งไปทางตะวันตกเท่าไหร่ก็สถานที่ก็ยิ่งรกร้างมากขึ้นเท่านั้น นอกจากร้านค้าเล็กๆ ที่ขายน้ำชาและซาลาเปาแล้วก็แทบจะไม่พบอะไรเลย เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงโรงเตี๊ยมที่ใช้ค้างอ้างแรมในยามค่ำคืนแล้ว รถม้าเดินทางได้ช้า แต่หากไม่ต้องการค้างอ้างแรมในป่ารกร้างเช่นนี้ ก็มีเพียงแต่ต้องนั่งรถม้าไปเท่านั้น
สงสารก็เพียงแต่พวกต้าเว่ย
เดินทางมาได้หนึ่งวันเต็มๆ ไม่เพียงแต่คนขับรถม้าเท่านั้นที่ต้องทนรับแรงกระแทก คนที่นั่งอยู่ในรถก็ไม่ต่างกัน เมื่อรถหยุดลง อวี้อาเหราก็ก้าวขาลงจากรถ สูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด ท้องฟ้ามืดลงเป็นสีเทาหมองมัว ไม่มีแสงดาวและแสงเดือน เกรงว่าหากยังเดินทางต่อแล้วพบกับหิมะตกหนักจะยุ่งยากเข้า เมื่อถึงตอนนั้นหลิงอ๋องก็คงจะยิ่งร้อนใจ
คาดว่าในเวลานี้ เขาคงจะส่งคนออกไปตามหาทั่วสารทิศแล้วกระมัง
แต่ไม่มีใครรู้ว่าที่นางมายังทางตะวันตกของเมืองนั้น จุดหมายของนางจะเป็นสถานที่อย่างเช่นตลาดมืด คุณหนูจากตระกูลสูงส่งคนใดบ้างเล่าจะทำเช่นนี้ เพราะฉะนั้นนางจึงไม่กลัวว่าจะถูกคนของหลิงอ๋องหาตัวจนพบ แล้วพักแรมอยู่ในสถานที่รกร้างอย่างวางใจ
หลังจากที่ม้าหยุดลงแล้ว ชิงอวิ๋นก็กระโดดลงมา มองพวกนางแล้วขมวดคิ้ว “คุณหนูรอง ในป่ารกเช่นนี้มักจะเป็นดงของพวกสัตว์ร้ายอย่างหมาป่า อีกทั้งตอนกลางคืนเองยังมีลมพัดแรง ท่านเข้าไปนั่งในรถม้าเถิดขอรับ”
“ไม่ต้องหรอก” อวี้อาเหราส่ายหน้า นางนั่งรถม้ามาทั้งวันจนบั้นท้ายระบมไปหมดแล้ว ไหนเลยจะยอมเข้าไปอุดอู้อยู่ข้างในอีก? แล้วเมื่อก่อนนางยังมักจะหลบอยู่ในป่ารกร้างเพื่อหลีกเลี่ยงการจู่โจมจนเป็นนิสัยแล้ว ยังจะกลัวอันตรายอะไรอีกเล่า แต่พวกชิงอวิ๋นคงไม่มีทางรู้เรื่องนี้เป็นแน่
ก็ใครใช้ให้คุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องตัวจริง เป็นคุณหนูสูงค่าผู้ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีกันเล่า?
“ต้าเว่ย พวกเจ้าออกมาเถิด” หลังจากตื่นจากภวังค์ อวี้อาเหราก็ตะโกนขึ้นไปบนท้องฟ้า
พวกต้าเว่ยปรากฏกายขึ้นมาในทันที “คุณหนูรองมีอะไรจะรับสั่งหรือขอรับ”
“เจ้าส่งคนสองสามคนไปเก็บฟืนกลับมาที ในป่ารกแห่งนี้น่าจะมีอันตราย อย่าได้ออกไปเดินเผ่นผ่านเชียว คนที่เหลือให้อยู่ที่นี่ คอยระวังความเรียบร้อย” หลังจากที่อวี้อาเรหาออกคำสั่งจบ นางก็ให้เจาเอ๋อร์นำเสบียงและน้ำออกมา
ต้าเว่ยเห็นท่าทีของอวี้อาเหราก็รู้สึกว่านางนั้นน่าจะมีความคุ้นชินกับชีวิตในป่าไม่น้อยเลย
แต่นั่นก็เพียงชั่วคราวเท่านั้น เขาไม่กล้าที่จะชักช้าให้เสียเวลา ส่งคนออกไปสามคนเพื่อไปเก็บฟืน
หลังจากเตรียมทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว อวี้อาเหราก็นั่งลงบนก้อนหินอย่างไม่มีพิธีรีตอง ไม่มีท่าทีของกุลสตรีแม้แต่น้อย จนทำให้เหล่าองครักษ์ที่เหลือต่างมองตาค้าง