ผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำหน้าดำทันที พูดชัดถ้อยชัดคำว่า “เจ้าว่าอะไรนะ?”
มั่วชิงเฉินเหลือบมองสีหน้าเมฆดำปกคลุมของเขา เอ่ยอย่างไม่แยแสว่า “ข้าบอกให้เจ้าหลบไป ข้าเอง”
ในใจแอบว่า เมื่อครู่ยังพูดว่าลืมไปว่าข้าเป็นสตรี บัดนี้มารู้สึกเสียศักดิ์ศรีเสียแล้ว หากไม่เพราะกลัวอาศัยเพียงคำพูดของเขาฝ่ายเดียวตนก็ทะเล่อทะล่ากินมดผลึกไฟวิญญาณบริสุทธิ์เข้าไปแล้วมีปัญหาหรือเมื่อยามที่กินมดผลึกไฟวิญญาณบริสุทธิ์แล้วนั่งสมาธิบำเพ็ญเพียรอีกฝ่ายเล่นลูกไม้อะไร ใครจะไปสนใจความเป็นตายของเขา!
เห็นความโกรธผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำได้รางๆ จากดวงตา สุดท้ายกลับฟื้นคืนสีหน้าสงบ แล้วถอยไปข้างๆ อย่างเงียบๆ
มั่วชิงเฉินมองดูมดแดงไฟในมือ แล้วยื่นให้ผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำว่า “ช่วยข้าถือไว้”
พูดจบก็ยัดใส่มือเขา ไม่รอเขาพูดอะไรก็สองมือกอดหินยักษ์ไว้ ออกแรงยกขึ้นข้างบน
น้ำหนักของหินยักษ์ไม่เบาจริงๆ ไม่มีพลังวิญญาณสนับสนุนอาศัยเพียงเรี่ยวแรงตนเอง มั่วชิงเฉินแม้ยกหินยักษ์ขึ้นแล้วกลับเปลืองแรงมาก
นางวางหินยักษ์ลงใหม่ ปรับลมหายใจครู่หนึ่ง สองมือถึงกอดส่วนกลางค่อนไปทางล่างของหินยักษ์ไว้แน่น ควบคุมจังหวะพลางขนขึ้นบนทีละนิดๆ
ในที่สุดหินยักษ์ก็ถูกยกขึ้นช้าๆ มั่วชิงเฉินออกแรงโดยพลัน ก็ได้ยินเพียงเสียงโครมเสียงหนึ่ง หินยักษ์ถูกโยนไปบนทางดินโคลนข้างๆ โคลนตมกระเด็นขึ้นเป็นปื้น
ผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำเหลือบมองจุดโคลนบนตัว แล้วขมวดคิ้ว สายตากลับจ้องปากถ้ำที่โผล่ออกมาตาไม่กะพริบ
มั่วชิงเฉินมองปากถ้ำที่มีขนาดเพียงเท่านิ้วมือแล้วเหลอหลาเล็กน้อย เอ่ยอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูกว่า “นี่ นี่เป็นถ้ำของมดผลึกไฟวิญญาณบริสุทธิ์จริงหรือ? พวกมันใช้ก้อนหินก้อนใหญ่ปานนั้น ก็เพื่อปิดถ้ำเล็กๆ เช่นนี้?”
ผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำอธิบายนิ่งเรียบว่า “ถูกต้อง มดผลึกไฟวิญญาณบริสุทธิ์ไม่มีพลังโจมตีอะไร นิสัยรอบคอบ หากไม่เพราะเจ้านั่งอยู่บนก้อนหินยักษ์นี่พอดีพวกมันส่งทหารมดตัวหนึ่งออกมาตรวจสอบสถานการณ์ เกรงว่าพวกเราก็ยากจะพบถ้ำของพวกมันได้”
พูดถึงตรงนี้ผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำในใจสะดุดทีหนึ่ง มองดูมดผลึกไฟวิญญาณบริสุทธิ์ที่ถูกมั่วชิงเฉินบีบจนจะตายมิตายแหล่แล้วแอบสงสัยขึ้นมา
แปลก มดผลึกไฟวิญญาณบริสุทธิ์นิสัยรอบคอบ ต่อให้ตรวจพบว่ามีสิ่งมีชีวิตอื่นเข้าใกล้ สิ่งมีชีวิตนั้นไม่ได้นำอันตรายมาให้มันละก็ ไม่มีทางทะเล่อทะล่าเคลื่อนไหว หากแต่ต้องหลบซ่อนขึ้นมาให้มิดชิด ไยมดผลึกไฟวิญญาณบริสุทธิ์ตัวนี้กลับกัดข้อเท้านางล่ะ?
นึกถึงตรงนี้ในตาของผู้บำเพ็ญเพียรประกายตาวาบผ่าน มดผลึกไฟวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ใช่อสูรวิญญาณตะกละ กลับนิสัยชอบไฟ ยิ่งกว่านั้นไฟที่พวกมันชอบไม่ใช่ไฟธรรมดา หากแต่เป็นไฟอัศจรรย์ต่างๆ ที่ถือกำเนิดขึ้นตามธรรมชาติในฟ้าดิน
เช่นถ้ำมดผลึกไฟวิญญาณบริสุทธิ์ที่ปรากฏในแดนไร้วิญญาณเช่นนี้ ก็หมายความว่าใกล้ๆ นี้ต้องมีไฟหน่อไม้หินแน่นอน!
ไฟหน่อไม้หินเป็นหนึ่งในไฟอัศจรรย์ที่ถือกำเนิดขึ้นตามธรรมชาติ มีอยู่เพียงในหินย้อยรูปร่างเหมือนหน่อไม้หินเท่านั้น สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรแล้วล้ำค่ายิ่งนัก ทว่าคิดจะหาไฟหน่อไม้หินให้พบอีกทั้งเอาออกมาจากแกนหินกลับไม่ใช่เรื่องง่าย
พูดได้ว่า สถานที่ที่มีไฟหน่อไม้หินในแดนไร้วิญญาณก็ต้องมีถ้ำของมดผลึกไฟวิญญาณบริสุทธิ์แน่นอน!
ส่วนมดผลึกไฟวิญญาณบริสุทธิ์ในมือตัวนี้ออกมาตรวจสอบสถานการณ์กลับขัดต่อนิสัยตามธรรมชาติดูดข้อเท้าของหญิงตรงหน้า เช่นนั้นก็อธิบายได้เพียงปัญหาเดียว ไฟจริงในกายของหญิงคนนี้มีแรงดึงดูดมหาศาลต่อมดผลึกไฟวิญญาณบริสุทธิ์!
ไฟจริงของผู้บำเพ็ญเพียรก็เพียงแค่แข็งแกร่งกว่าไฟธรรมดาไม่กี่ส่วนเท่านั้น ไยจึงทำให้มดผลึกไฟวิญญาณบริสุทธิ์แห่กันเข้ามาได้?
สายตาของผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำตกลงบนตัวมั่วชิงเฉินที่กำลังพิจารณารังมดอย่างไม่รู้ตัว ตาหรี่ขึ้นแผ่วเบา
มั่วชิงเฉินยื่นนิ้วมือลูบรอบๆ ถ้ำมดดู พบว่าดินใกล้ๆ นี้ไม่รู้ผสมอะไรเข้าไป แข็งเป๊กอย่างไม่คาดคิด
“เจ้านี่ดูเหมือนแข็งมาก เกรงว่าจะขุดออกไม่ได้ง่ายๆ” มั่วชิงเฉินใช้นิ้วมือเคาะพื้นผิวรอบๆ ถ้ำมดว่า
ผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำเดินเข้ามานั่งยองๆ ลงแล้วดูอย่างละเอียดว่า “มดผลึกไฟวิญญาณบริสุทธิ์นิสัยรอบคอบ หากเจ้าจะขุดถ้ำละก็ พวกมันจะหนีจากทางใต้ดินที่ตัดกันทั่วทุกสารทิศไปโดยตรง”
“เจ้าหมายความว่า ได้แต่คิดวิธีล่อมดผลึกไฟวิญญาณบริสุทธิ์ออกมา?” มั่วชิงเฉินเงยหน้าถาม
ผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำพยักหน้า “ถูกต้อง” พูดพลางมองหน้ามั่วชิงเฉินด้วยสายตาบอกไม่ถูก
มั่วชิงเฉินถูกเขามองจนงงงวย ขมวดคิ้วแผ่วเบาว่า “ถุงเก็บวัตถุของเราล้วนเปิดไม่ออก ในตัวก็ไม่มีของดีอย่างอื่น ยกเว้นเจ้ามีวิธีล่อมดผลึกไฟวิญญาณบริสุทธิ์ออกมา?”
ผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำแบบมือว่า “หญิงฉลาดไม่สามารถทำอาหารโดยไม่มีข้าว ข้าไม่มีวิธีหรอกนะ ไม่รู้สหายเต๋าเจ้าล่ะ?”
มั่วชิงเฉินกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ว่า “สหายเต๋าพูดได้น่าขันนัก บัดนี้พวกเราอยู่ในสภาพเดียวกันนะ”
ผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำมองมั่วชิงเฉินปราดหนึ่งอย่างมีความหมายลึกซึ้งว่า “นั่นก็ไม่แน่ ไม่แน่เมื่อครู่มดผลึกไฟวิญญาณบริสุทธิ์ตัวนี้ก็อาจถูกสหายเต๋าล่อออกมาก็ได้นะ”
มั่วชิงเฉินรู้สึกเพียงว่าคำพูดของคนคนนี้ดูเหมือนมีความหมายอื่นแฝงอยู่ คิดอย่างละเอียดอีกทีกลับคิดอะไรไม่ออก จึงได้แต่แอบคิดว่าตนคิดมากไปแล้ว สายตาตกลงบนถ้ำมดเล็กกระจิริดเนิ่นนาน จู่ๆ ตาก็เป็นประกายขึ้นมา “ข้ามีวิธีแล้ว”
“สหายเต๋านึกวิธีอันใดได้แล้ว?” ผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำรีบถามขึ้น
มั่วชิงเฉินตบถุงอสูรวิญญาณที่เอว ผึ้งที่กระจ่างใสดั่งมรกตตัวหนึ่งบินออกมา บินวนนิ้วมือนางดังหึ่งๆ
“ผึ้งวิญญาณเลือดมรกต?” ผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำหลุดปากออกมา
“สหายเต๋าหลัวความรู้กว้างไกลนัก” มั่วชิงเฉินชื่นชมว่า ในใจกลับยิ่งหวาดหวั่นต่อคนคนนี้มากขึ้น
นางใช้ท้องนิ้วกดกระเป๋าหน้าท้องของผึ้งวิญญาณเลือดมรกต ก็เห็นบริเวณกระเป๋าหน้าท้องมีน้ำผึ้งดอกท้อสีชมพูอ่อนไหลออกมา
มั่วชิงเฉินแอบรู้สึกโชคดี ยังดีที่ที่นี่แม้ไม่อาจใช้พลังวิญญาณได้ อสูรวิญญาณที่ทำพันธสัญญากับตนกลับสามารถใช้จิตตระหนักเรียกออกมาได้
ผึ้งวิญญาณเลือดมรกตไม่กี่ตัวนี้นับแต่ตามตนเองออกจากสำนัก เพราะไม่อาจเข้าสวนสมุนไพรพกพาได้จึงว่างลงมา ยังดีที่ถุงหน้าท้องที่ปกติพวกมันใช้ใส่น้ำผึ้งยังเหลือน้ำผึ้งอยู่เล็กน้อย บัดนี้ได้ใช้ประโยชน์พอดี
มั่วชิงเฉินใช้ปลายนิ้วแตะน้ำผึ้งดอกท้อเล็กน้อย ทาไว้รอบๆ ถ้ำมด
ผ่านไปประมาณหนึ่งเค่อ ก็เห็นมดแดงไฟตัวอ้วนพีตัวหนึ่งยื่นหน้าออกมา
มั่วชิงเฉินตาไวมือเร็วจับมดผลึกไฟวิญญาณบริสุทธิ์ที่ติดเบ็ดขึ้นมา ไม่นานนักก็เห็นมดผลึกไฟวิญญาณบริสุทธิ์โผล่ออกมาอีกตัวหนึ่ง
นางรีบใช้มืออีกข้างหนึ่งจับไว้ ทว่ารอถึงยามที่มดผลึกไฟวิญญาณบริสุทธิ์ตัวที่สาม ตัวที่สี่โผล่มา ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
“ใช้สิ่งนี้” ผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำยื่นผ้าดำมาผืนหนึ่ง
มั่วชิงเฉินยื่นมือรับมาแล้วกวาดสายตามองตามสบายปราดหนึ่ง ผ้าดำเนื้อแน่นหนาและแข็งแรง ริมขอบขาดวิ่นไม่เรียบ เห็นชัดว่าฉีกออกจากเสื้อผ้าโดยตรง
นางวางมดผลึกไฟวิญญาณบริสุทธิ์ในมือลงไปอย่างไม่ลังเล จากนั้นห่อผ้าดำขึ้นยื่นให้ผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำว่า “ถือไว้ให้ดี”
พูดจบนิ้วมือพลิ้วไหว จับมดแดงไฟตัวแล้วตัวเล่าไว้อย่างมั่นคงแล้วโยนลงในถุงผ้าดำ
ในตาผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำประกายวาบผ่าน หญิงคนนี้ไม่สามารถใช้พลังวิญญาณได้ไม่คิดว่าการใช้มือยังเร็วปานนี้ ช่างประหลาดดีแท้…
ยามนี้มั่วชิงเฉินรู้สึกโชคดีมากที่ยามเด็กตั้งใจฝึกฝนเข็มกล้วยไม้ปัดจุด ไม่ว่าการใช้มือหรือพลังสายตาล้วนแข็งแกร่งกว่าผู้บำเพ็ญเพียรทั่วไปมากนัก โดยเฉพาะยามที่สูญเสียการสนับสนุนของพลังวิญญาณไป ความเก่งกาจเช่นนี้ก็ยิ่งเด่นออกมา
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม มั่วชิงเฉินจ้องถ้ำมดตาไม่กะพริบ ในที่สุดตรงนั้นก็ไม่มีมดผลึกไฟวิญญาณบริสุทธิ์โผล่ออกมาอีก
“ไม่ต้องดูแล้ว ราชินีมดก็อยู่นี่แล้ว” ผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำทนไม่ไหวต้องออกเสียงเตือน
มั่วชิงเฉินถึงยืดตัวตรงมองไปที่ถุงผ้าดำ เห็นเพียงมดผลึกไฟวิญญาณบริสุทธิ์อย่างน้อยนับร้อยตัวเบียดกันแน่นขนัดอยู่ข้างใน ในนั้นมีตัวหนึ่งขนาดใหญ่เท่าตั๊กแตน คือราชินีมดอย่างไม่ต้องสงสัย
“เราก็กินกันที่นี่เถอะ” ผู้บำเพ็ญเพียรพูดจบยื่นมดแดงไฟข้ามมาตัวหนึ่ง ตนหยิบออกมาตัวหนึ่งเช่นกัน มดแดงไฟที่เหลือใช้ถุงผ้าดำห่อไว้ผูกให้เรียบร้อยแล้ววางไว้ข้างๆ
“ไม่วิ่งหนีหรือ?” มั่วชิงเฉินมองถุงผ้าดำที่หยาบง่ายปราดหนึ่งอย่างไม่วางใจ
ผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำส่ายศีรษะว่า “ไม่เป็นไร นอกจากมีสิ่งมีชีวิตอื่นมา มดผลึกไฟวิญญาณบริสุทธิ์ไม่มีพลังโจมตี และก็ไม่มีวิธีหลบหนีอะไร”
มั่วชิงเฉินเข้าใจแล้ว อย่าบอกนะว่ามดแดงไฟนี่ก็คือเนื้อพระถังซัมจั๋งในตำนานน่ะ จัดการง่าย แล้วยังอร่อยด้วย
ผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำไม่พูดมากอีก หลังจากนั่งขัดสมาธิเสร็จก็โยนมดในมือเข้าปากกลืนลงไป ต่อจากนั้นก็เห็นบนใบหน้าเขาแสงสีแดงผุดขึ้น ในชั่วพริบตาแสงวิญญาณสีแดงท่วมขึ้นทั่วร่างรางๆ
มั่วชิงเฉินไม่เสียเวลาอีก เหลือบมองมดอ้วนที่กระโดดโลดเต้นอยู่ในมือ หลับตากัดฟันกลืนลงไป
ความรู้สึกยามมันลื่นลงไปตามคอหอยเข้าท้องช่างไม่ดีเท่าไรจริงๆ นางกลับไม่ทันได้สนใจสิ่งเหล่านี้แล้ว รีบตั้งสมาธิทั้งหมดเพื่อรับมือพลังวิญญาณในกายที่ขยายขึ้นอย่างรุนแรงเหมือนน้ำขึ้น
ไม่รู้ผ่านไปนานเพียงใด ในที่สุดมั่วชิงเฉินก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น สัมผัสพลังวิญญาณในกายที่เคลื่อนไหวอย่างรื่นรมย์แล้วยืนขึ้นอย่างควบคุมตัวไม่ได้
ผ่านไปนานปานนี้ในร่างกายมีพลังวิญญาณขึ้นมาใหม่ นางกระทั่งรู้สึกเหมือนจะบินขึ้นมา
กินมดผลึกไฟวิญญาณบริสุทธิ์หนึ่งตัว ไม่คิดว่าการเพิ่มขึ้นของตบะจะเท่ากับการนั่งสมาธิถึงสามเดือน!
มั่วชิงเฉินกดความตะลึงในใจลงไปสายตากวาดไปด้านข้าง พบว่าผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำตื่นนานแล้ว กำลังมองตนอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง
มั่วชิงเฉินขมวดคิ้วว่า “สหายเต๋าหลัวในเมื่อตื่นแล้วไยไม่ทักทายสักคำ?”
ผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำกระดกมุมปากแผ่วเบาว่า “เช่นนั้นมิเป็นการรบกวนอารมณ์ดีของสหายเต๋าหรือ”
มั่วชิงเฉินแบะปาก
“สหายเต๋า เจ้าดูนะ” ผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำพูดพลางจู่ๆ ลุกขึ้น สองมือข้างหนึ่งยกขึ้นข้างหนึ่งกดลงโคจรพลังวิญญาณขึ้นมา
มั่วชิงเฉินหรี่ตา ดูทีท่าของคนคนนี้ไม่คิดว่าจะโคจรพลังวิญญาณทั้งร่างขึ้นมา นี่เขาจะทำอะไร?
เพียงชั่วครู่นางก็รู้คำตอบแล้ว เห็นเพียงขวดนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นรอบๆ ผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำในชั่วอึดใจ หลังจากนั้นก็เห็นผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำทรุดนั่งลงมา สีหน้าซีดเหมือนกระดาษ
“สหายเต๋า เจ้า…เข้าใจหรือยัง?” ผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำอากาศไม่พอ ถามอย่างติดๆ ขัดๆ
มั่วชิงเฉินขมวดคิ้วครุ่นคิดครู่หนึ่ง ถามว่า “สหายเต๋าหลัว ในแดนไร้วิญญาณนี้ยามที่พลังวิญญาณในกายผู้บำเพ็ญเพียรขึ้นถึงขีดสุด การเคลื่อนพลังวิญญาณทั้งตัวสามารถฝืนเปิดถุงเก็บวัตถุได้ใช่หรือไม่?”
ผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำพยักหน้าเนิบนาบว่า “สหายเต๋าเดาได้ถูกต้อง เมื่อยามที่ผู้บำเพ็ญเพียรอยู่ในสภาพพลังวิญญาณเปี่ยมล้น ในชั่วพริบตาที่พลังวิญญาณทั้งตัวกระจายออกข้างนอกนั้นเพียงพอที่จะเปิดถุงเก็บวัตถุแล้ว” พูดถึงตรงนี้ก็หัวเราะขึ้นอีกว่า “ทว่าผู้บำเพ็ญเพียรที่ตกลงมาในแดนไร้วิญญาณ จะมีกี่คนที่สามารถรักษาพลังวิญญาณให้เพียงพอได้ นอกจาก…จะโชคดีเหมือนอย่างเรา หามดผลึกไฟวิญญาณบริสุทธิ์เจอ”
มั่วชิงเฉินฟังจบจู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นว่า “ผู้บำเพ็ญเพียรส่วนใหญ่ต่อให้หามดผลึกไฟวิญญาณบริสุทธิ์เจอฟื้นฟูพลังวิญญาณแล้ว เกรงว่าคนที่รู้ว่าต้องทำเช่นนี้ในหมื่นคนก็หาไม่ได้สักคนหรอกกระมัง”
ผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำไม่พูดอะไร
มั่วชิงเฉินใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว นึกถึงของที่จำเป็นที่สุดในสภาพแวดล้อมเช่นนี้รอบหนึ่ง ถึงทำตามพฤติกรรมของผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำรอบหนึ่ง เพียงชั่วครู่รอบตัวก็มีของร่วงลงพื้นเต็มไปหมด