เค้าเองก็รู้ว่าฉินจุนนั้น มันไม่ง่ายเลยที่จะยั่วยุ พวกเค้าก็เลยขอร้องให้ผู้หญิงคนนั้นแสร้งทำตัวเป็นญาญ่าแล้วลอบโจมตีฉินจุน
ฉินญาญ่าตัวจริงถูกพวกเค้าโยนทิ้งไว้ที่สะพานลอย ตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้เลยว่าเธอเป็นยังไงบ้าง บางทีเธออาจจะตายไปแล้ว
หลังจากที่รู้เรื่อง ฉินจุนก็หยิบปากกาหมึกซึมบนโต๊ะมา เค้าสะบัดมือขวาแล้วเจาะเข้าที่คอของคณะบดีเหมา จากนั้นเลือดมันก็ไหลผ่านปากกาออกมา
ฉินจุนยกเท้าขึ้นและหักแขนขาของเค้า จากนั้นก็ล็อกประตูแล้วกระโดดออกไปทางหน้าต่าง
คณบดีเหมานอนนิ่งอยู่บนพื้น เลือดไหลมันก็ค่อยๆไหลออกมา ร่างกายของเค้าเจ็บปวดและกำลังรอความตาย
…
หลังจากที่ออกมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้ว ฉินจุนก็ตรงไปที่สะพานลอย
ใต้สะพานลอยในเมืองตงไห่ มันก็มีกลุ่มคนเล็กๆที่หาเลี้ยงชีวิตด้วยการขอทาน
อันที่จริง ตอนนี้หลายคนก็รู้ว่าพวกเค้าก็ไม่ได้ทุกข์ยากอะไรมากนัก พวกเค้าทั้งหมดแสร้งทำยากจน นี่มันเป็นอาชีพของพวกเค้า
ขอทานหลายคนขอเงินตอนกลางวันและขับรถไปคลับเฮาส์ในตอนกลางคืน
ตอนนี้ขอทานพวกนี้เป็นกลุ่มที่มีรายได้สูง เดือนนึงพวกเค้าก็สามารถหาเงินได้สามถึงห้าหมื่นหยวน นี่มันก็เป็นเรื่องปกติ
ผู้คนจำนวนมากในอุตสาหกรรมนี้กำลังเร่งรีบทำเงิน นี่มันก็ถือได้ว่าเป็นสังคมขนาดเล็กสังคมหนึ่ง
ในตอนนี้เอง ที่ใต้สะพานลอย ผู้คนกลุ่มหนึ่งก็กำลังล้อมเด็กหญิงตัวเล็กๆเอาไว้
เด็กหญิงตัวเล็กๆถือแฮมเบอร์เกอร์อยู่ในมือ มันเป็นของเหลือจากคนอื่น
หญิงสาวสกปรก ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยฝุ่น แววตาของเธอคู่นั้นมันดูใสมาก
มีขอทานหลายคนยืนอยู่ตรงหน้าเธอ หนึ่งในนั้นคือชายร่างสูงที่มีรูปร่างกำยำ เค้าถือขวดเบียร์อยู่ในมือและดื่มพร้อมกับพูดคุยเมามาย
“หนังสาวน้อย ชีวิตดี๊ดี กินเบอร์เกอร์กันไหม วันนี้เธอได้เงินมาเท่าไหร่”
เด็กหญิงตัวเล็กๆก็นั่งยองๆอยู่ที่พื้น เธอกำแฮมเบอร์เกอร์ของเธอไว้ แววตาของเธอดูระแวดระวังเล็กน้อย
“ไม่มากหรอก ร้อยกว่าหยวน”
เด็กหญิงตัวเล็กๆ เธอถูกไล่ออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพราะคนแคระแสร้งสวมรอยเป็นเธอ ดังนั้นตอนนี้เธอก็เลยไม่มีตัวตน เธอจึงทำได้เพียงขอทานอยู่ที่นี่เท่านั้น
โชคดีที่เธอดูน่าสงสารมาก มีคนใจดีให้เงินเธอบ้าง บางคนซื้อแฮมเบอร์เกอร์ให้เธอ เงินในถ้วยของเธอมีมากกว่า 100 หยวน นี่มันเป็นผลงานของวันนี้
เธอคิดว่าถ้าเธอขอมากกว่านี้ เธอจะสามารถไปโรงเรียนได้
เด็กคนอื่นๆในวัยสิบขวบก็กำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียน แต่เธอไม่รู้อะไรเลย สิ่งที่เธอเรียนรู้ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าคืองานบ้านทั้งหมด เช่น ซักผ้าและทำอาหาร
ชายดื่มเบียร์ก็หัวเราะขึ้นมา “ร้อยกว่าหยวนมันก็น้อยไป? รู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร ฉันเป็นบอสใหญ่ เรียกฉันว่าพี่เหลียงก็ได้ แกยังใหม่กับธุรกิจและก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ยังไม่ไหว้พี่เหลียงอีก?”
ฉินญาญ่ารู้สึกกลัวเล็กน้อย แต่เธอก็ยังคงแสดงท่าทีที่สุภาพ
“พี่เหลียง สวัสดีค่ะ”
พี่เหลียงก็หัวเราะเยาะเย้ยแล้ววางมือสกปรกและใหญ่ของเค้าไปบนหน้าของญาญ่า
“รู้มั้ยว่าต้องทำยังไง?”
แม้ว่าฉินญาญ่าจะอายุเพียง 10 ขวบ แต่เธอก็มีประสบการณ์มากมายโดยรู้ว่าเธอรู้ว่าเค้าต้องการที่จะเอาเปรียบเธอและเธอก็ไม่ขัดขืน
เธอส่งเงินมากกว่าหนึ่งร้อยหยวนในมือให้เค้า
พี่เหลียงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ไม่เลว ทำดีมากเจ้าหนู”
“แต่ที่เธอได้มามันก็ยังน้อยเกินไป เธออายุแค่นี้ มันน่าสงสารมาก เธอน่าจะได้มามากกว่านี้นะ”
“มันอาจจะต้องพิการถึงจะยิ่งน่าสงสาร อย่างงี้ก็แล้วกัน พรุ่งนี้ฉันจะหักขาของเธอ ดีไหม?”
มันมีเงื่อนไขมากมายในธุรกิจการขอทาน บางคนมีแขนขาที่ปกติ ในขณะที่บางคนต้องแขนขาหัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กที่ขอทานอยู่ตามท้องถนน ถ้ามือเท้าของพวกเธอหักแล้ว พวกเธอก็จะยิ่งดูน่าสงสารมาก เด็กพวกนี้ก็จะขอทานได้มากกว่าผู้ใหญ่หลายเท่า
และผู้จัดการอย่างพี่เหลียงจะเอาเงินจากเด็กพวกนี้มาแล้วเค้าจะคืนเงินให้พวกเธอเพียงแค่เล็กน้อยสำหรับการซื้อข้าวกินก็เท่านั้น การกดขี้แบบนี้เค้าทำมายาวนานและต่อเนื่อง
แต่เด็กพวกนี้ก็ไม่รู้จะทำยังไงเลย พวกเธอถูกหักแขนขา ถ้าไม่มีใครสนใจก็อาจจะต้องตายอยู่ข้างถนน เด็กๆพวกนี้ทำอะไรไม่ได้เลย พวกเธอทำได้เพียงแค่ถูกกดขี่เท่านั้น
เมื่อได้ยินว่าเค้ากำลังจะหักขาของเธอ ฉินญาญ่าก็ตกใจมาก
“อย่าตีหนู พรุ่งนี้ฉันขอมาให้เยอะๆ?”
ฉินญาญ่ากำหมัดของเธอและมองดูพวกเค้าอย่างกล้าๆกลัวๆ
แม้แต่ฉินยาย่าจะน่าสงสารมาก แต่กับคนพวกนี้แล้ว พวกเค้าก็ไม่มีความเห็นแกเห็นใจอะไรให้กับเธอเลย
“เยอะๆเหรอ? ซักสองสามร้อยหยวนได้ไหม? เชื่อฉันสิ ถ้าขาของแกหัก พรุ่งนี้แกน่าจะขอทานหาเงินได้สองสามพันหยวนเลยนะ หลังจากหักแล้ว ฉันจะเข้าเฝือกให้เธอเอง เดี๋ยวมันก็จะดี”
ดวงตาของฉินญาญ่าเป็นสีแดงขึ้นมา “ไม่ ไม่…”
เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆเธอไม่รู้ว่าจะขัดขืนยังไงเลย เธอจะวิ่งหนีไปได้ยังไงกัน รอบตัวเธอมันมีผู้คนมากมายที่ล้อมรอบเอาไว้ เธอไม่สามารถวิ่งหนีไปได้เลย ฉินญาญ่าทำได้เพียงแค่ก้าวถอยหลังไปทีละก้าวก็เท่านั้น
พี่เหลียงหัวเราเยาะเย้ย เค้าก้าวไปข้างหน้าแล้วคว้าแขนของเด็กหญิงตัวเล็กๆมา
“มานี่!”
เค้าจับเข้าไปที่เอวของฉินญญ่า จากนั้นก็กดเธอลงไปที่พื้น
“มา? ดึงขาเธอขึ้นมาสิวะ”
มีคนเข้ามาจับขาของฉินญาญ่า จากนั้นเค้าก็หยิบไม้ขึ้นมาทำท่าทางจะฟาดเข้าไปที่ขาของฉินญาญ่า
“พี่เหลียง จะตีตรงไหนดี?”
ทั้งสองชี้ไปที่ตำแหน่งต้นขาของฉินญาญ่า “ตีเข้าไปที่ต้นขา มันจะยิ่งดูน่าสงสาร ฉันจะตีแล้วนะ”
หลังจากพูดจบ มือของพี่เหลียงก็ยกสูงขึ้น
เมื่อเห็นว่าเค้ากำลังจะตีลงไปนี้เอง มันก็มีเสียงตะโกนที่ดังมาจากด้านหลัง
“หยุด!”
ทั้งสองหยุดนิ่งไป เมื่อพวกเค้าหันหน้าไป มันก็มีหมัดกระทบเข้าไปที่หน้าของพวกเค้า
ความเจ็บปวดมันแผ่ซ่านไปทั่ว น้ำตามันก็ไหลออกมา
พี่เหลียงก็กระเด็นออกไปในทันทีแล้วร่างของเค้าก็ล้มกระแทงลงไปที่พื้น
ฉินจุนก็รีบวิ่งไปข้างหน้าและเตะไปที่แขนที่จับขาของฉินญาญ่า
ด้วยเสียงแคร็กที่ดังขึ้นมานี้เอง แขนของเค้าก็หักไปโดยตรงและกระดูกของเค้ามันก็โผล่ออกมา มันดูน่ากลัวมาก
ฉินญาญ่าร้องไห้ เธอตัวสั่นด้วยความกลัว สีหน้าของเธอมันซีดเซียวไปหมด
ฉินจุนรีบช่วยเธอขึ้นมาแล้วเค้ามองเห็นคิ้วของเธอที่ดูคล้ายกับคิ้วของลุงของเค้า
ลูกของลุงของฉัน ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นลูกนอกสมรส แต่เธอก็เป็นทายาทของตระกูลฉิน เธอกลับต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้
อากาศมันก็หนาวมากและเด็กหญิงตัวเล็กๆเธอสวมเสื้อกับกางเกงแขนสั้น ที่ข้อเท้าของเธอก็มีปานเหมือนกับลุงของฉินจุน
ฉินจุนแตะเข้าไปที่ของฉินญาญ่าและพูดเบาๆว่า
“ไม่ต้องกลัว ฉันคือพี่ชายของเธอ ต่อไปมันจะไม่มีใครมารังแกเธอได้อีก”
ฉินญาญ่าปาดน้ำตาและส่ายหัว “ไม่ใช่ หนูไม่มีพี่ชาน”
ฉินจุนก็ถอนหายใจออกมา “ฉันเป็นพี่ชายของเธอจริงๆ ตอนนี้ฉันก็อยู่ที่นี่แล้ว ต่อไปมันจะไม่มีใครสามารถมาทำร้ายเธอได้อีก มายืนข้างฉันสิ”
มันเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าฉินญาญ่าไม่เชื่อ แต่การยืนอยู่ข้างฉินจุนนั้นมันทำให้เธอมั่นใจมากขึ้นจริงๆ อย่างน้อยๆมันก็ดีกว่าการถูกใครบางคนหักขา
จมูกของพี่เหลียงก็ยุบลงด้วยหมัดของฉินจุน เค้านอนอยู่บนพื้นเป็นเวลานานโดยไม่ลุกขึ้นมาเลย มันใช้เวลาซักพักใหญ่ๆกว่าเค้าจะลุกขึ้นมา เค้าเอามือปิดไปที่จมูกแล้วพูดออกมาอย่างดุร้ายว่า
“มึงเป็นใครวะ!”