เมื่อสิ่งต่างๆถูกเปิดเผย เธอก็หันหลังและวิ่งไป!
ทันทีที่เธอหันหน้ามา คอของเธอก็เจ็บในทันทีและเด็กหญิงตัวเล็กๆก็ถูกฉิน จุนบีบคอของเธอแล้วยกขึ้นมา
ต่อให้เป็นผู้ชายที่โตแล้ว ฉินจุนก็สามารถยกเค้าขึ้นมาได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว
เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่แยแสของฉินจุนแล้ว มันเห็นได้ชัดเลยว่าเค้าเตรียมตัวเอาไว้แล้ว
เด็กหญิงตัวเล็กๆดิ้นรนอย่างอ่อนแรง สีหน้าของเธอดูไม่ได้เลย
“คุณรู้ได้ยังไง!” ฉินจุนบีบคอของเธอ การแสดงออกที่ดูไม่เต็มใจมันก็ปรากฎขึ้นมาผ่านแววตาของเธอ
สิ่งที่เธอจะทำมันควรที่จะราบลื่น ทำไมฉินจุนถึงรู้?
เธอเรียนรู้จากเด็กๆที่เติบโตขึ้นมาจากในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า โดยปกติแล้วพวกเค้าจะเป็นแบบนี้เมื่อถูกรับเลี้ยงและฉินจุนเองก็ไม่เคยรับเลี้ยงมาก่อน ดังนั้นเธอก็เลยไม่เข้าใจจริงๆเลยว่าเค้าดูออกได้ยังไงกัน!
ฉินจุนก็หัวเราะเยาะขึ้นมา “ในโลกนี้มันมีโรคคนแคระ คนเมื่อโตแล้วก็ตัวก็จะไม่ได้โตตามไปด้วย พวกเค้ามีขนาดเท่ากับเด็ก แม้ว่าฉันจะไม่รู้จักเธอ แต่ฉันรู้ชีพจรของเธอ เธอเป็นผู้หญิงในวัย 20 เธอแกล้งทำเป็นเด็กอายุสิบขวบ เธอทำแบบนี้ไปทำไมกัน?”
หลังจากพูดจบ ฉินจุนก็เหวี่ยงเธอลงไปที่พื้นแล้วฝังเข็มเงินสองอันลงไปบนตัวของเธอ จากนั้นผู้หญิงคนนี้ก็ขยับตัวไม่ได้เลย
ทักษะการแสดงของผู้หญิงคนนี้ดีจริงๆ แม้ว่าเธอจะอายุมากกว่า 20 ปีแล้ว แต่เธอก็แสร้งทำเป็นเด็กสาวอายุสิบขวบ
ยิ่งไปกว่านั้น เธอพูดน้อยมาก แทบจะไม่เปิดเผยตัวตนเลย มันดูราวกับคนที่คับข้องใจเวลาที่เข้าไปที่บ้านของคนอื่น
น่าเสียดายที่เธอสามารถหลอกลวงได้ แต่ชีพจรของเธอไม่สามารถหลอกลวงได้
คนแคระประเภทนี้จะมันหาเจอได้ยากมาก ต่อให้ไปที่โรงพยาบาล มันก็เป็นเรื่องยากมากที่จะเจอกับคนแบบนี้
แต่ด้วยความสามารถของฉินจุนแล้ว เค้าสามารถสัมผัสได้ถึงชีพจรที่ลึกซึ้งมากที่สุด
แม้ว่าโรคแคระนี้มันจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่มันก็ยากที่จะหลอกฉินจุน
หญิงสาวหลับตาลงแล้วมองมาอย่างเฉยเมย
“จะฆ่าก็ฆ่าเลย ไม่ต้องมาพยายามเปิดปากของฉันหรอก”
ฉินจุนก็เยาะเย้ยออกมา “มันค่อนข้างยากที่จะพูด แต่เธอไร้เดียงสาเกินไป”
หลังจากพูดจบ ฉินจุนก็ใช้เข็มสีเงินเจาะเข้าไปที่โคนหูของเธอ ทันใดนั้นเอง ความรู้สึกแสบร้อนมันก็แพร่กระจายเข้าไปในหัวของเธอ
ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้างในทันทีและความรู้สึกแสบร้อนนี้เองก็แทบจะทำให้เธอทรุดลง
“ฉันบอกแล้ว ฉันบอกแล้ว! ฉันยอมบอกหมดแล้ว!”
ฉินจุนก็หัวเราะเยาะออกมา แค่นี้เอง ยังจะแกล้งทำเป็นกำลังจะตายอีก?
ฉินจุนเอาเข็มออกแล้วถามว่า
“ทั้งหมดมันมีแค่สามคำถาม ตอบให้ดีแล้วฉันจะไว้ชีวิตเธอ”
“ได้ ฉันจะตอบตามจริง!”
เข็มเงินของฉินจุนเกือบฆ่าเธอไปแล้ว เธอไม่กล้าปิดบังอะไรเลย
เดิมทีก็คิดว่าเธอจะสามารถทนต่อการทรมานได้มากกว่านี้ แต่เข็มเงินนี่มันทำให้เธอเกือบตาย
ฉินจุนก็ถามขึ้นมาว่า
“คำถามแรก รูปนี่มันดูไม่เหมือนของปลอม สรุปแล้วฉินญาญ่ามีตัวตนจริงไหม?”
ผู้หญิงคนก็ตอบออกมาเบาๆว่า “มี มี เดิมที่ก็อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านี้แหละ แต่ถูกแทนที่ฉัน ฉันร่วมมือกับคณบดีเหมา ตอนนี้ฉินญาญ่าน่าจะไปอาศัยอยู่ตามสะพานลอย”
ฉินจุนขมวดคิ้ว ความต้องการฆ่ามันก็แผ่ออกมาจากร่างกายของเค้าในทันที แต่เค้ายังคงถามอย่างอดทน
“คำถามที่สอง ใครสั่งให้เธอทำแบบนี้?”
“ตระกูลหัว! เป็นตระกูลหัวที่จ่ายในราคาที่สูงเพื่อจ้างในฉันทำ!”
ฉินจุนพยักหน้า เค้าเองก็เดาไว้แล้วว่าจะต้องเป็นสามตระกูลใหญ่ตระกูลหัว พวกเค้ามีความต้องการที่จะจัดการกับฉินจุน
“แล้วคำถามที่สามล่ะ คำถามที่สามคืออะไร!”
ผู้หญิงคนนั้นแทบรอไม่ไหวที่จะขอให้ฉินจุนถามคำถามที่สามกับเธอและขอร้องให้ฉินจุนรีบปล่อยเธอไป
ฉินจุนก็หัวเราะขึ้นมา “คำถามที่สาม ไม่ถามแล้ว”
หลังจากที่พูดเสร็จ ฉินจุนก็ฝังเข็มเงินตรงไปที่กึ่งกลางหน้าผากของผู้หญิงคนนั้น
ทันใดนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็จ้องมองตาค้าง รูม่านตาของเธอค่อยๆขยายออก จากนั้นแววตาของเธอก็หม่นหมองลง ดวงตาของเธอล่องลอยไปแล้วแววตาของเธอก็ดูไร้เดียงสา
“คุณคือใคร?”
เสียงพูดของเธอดูราวกับเด็ก
ฉินจุนก็หัวเราะเยาะขึ้นมา “ในเมื่ออยากจะแสดงเป็นเด็ก อย่างงั้นก็จงเป็นเด็กไปซะ”
ฉินจุนไม่ได้ฆ่าเธอ แต่เค้าลด IQ ของเธอลง เค้าทำให้เธอกลับกลายไปเป็นเด็กอายุสิบขวบแล้วจริงๆ
เค้าโทรหาต้วยเป่าตงแล้วให้มาจัดการเอาเด็กผู้หญิงคนนี้ไปอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า
ครั้งแรกที่ฉินจุนเจอกับคณบดีเหมา ฉินจุนรู้สึกว่าเค้าเป็นเสือยิ้ม เค้าดูมีความร้ายกาจเล็กน้อย
แม้ว่าความรู้สึกนี้มันจะไม่มีหลักฐานอะไร แต่มันก็เป็นความจริง
ฉินจุนรู้สึกว่าคณบดีเหมาคนนี้เป็นคณบดีของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ในตอนแรกเค้าก็คิดว่าคนๆนี้เป็นคนดีที่ทำดี ในตอนนี้เค้าก็รู้แล้วว่าเค้ามองผิดไป
คิดไม่ถึงเลยว่าเค้าจะเป็นคนแบบนี้ ต่อไปฉินจุนก็ไม่จำเป็นต้องสุภาพอะไรอีก
เมื่อเค้ามาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอีกครั้ง รปภ ก็จำฉินจุนได้ ดังนั้น รปภ ก็เลยปล่อยให้เค้าเข้าไปอย่างง่ายดาย
ฉินจุนเดินเข้าไปในสำนักงานของคณบดีอย่างเด็ดเดี่ยว ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป คณบดีก็ตกตะลึง จากนั้นเค้าก็หัวเราะขึ้นมา
“อาจารย์ฉิน คุณกลับมาทำไม มีเรื่องอะไรที่คุณยังไม่ได้ทำอย่างงั้นเหรอ?”
ฉินจุนก็หัวเราะขึ้นมา “ใช่ มีเรื่องที่ฉันยังไม่ได้ทำ”
“โอ้? เรื่องอะไร?”
“ฆ่าแกไง”
หลังจากพูดจบ ก่อนที่คณบดีเหมาจะตอบสนอง ฉินจุนก็คว้าคอของคณบดีเหมาเข้ามา เค้าเกร็งข้อมือเล็กน้อยแล้วใช้นิ้วจิ้มเข้าไปที่กล่องเสียงที่คออย่างแรง
คณบดีเหมาอยากจะร้องตะโกน แต่สายเสียงของเค้าหายไป เค้าทำได้เพียงแค่อ้าปากแต่ไม่สามารถส่งเสียงอะไรออกมาได้เลย
ฉินจุนไม่พูดอะไร เค้ากดข้อมือของคณบดีเหมาลงบนโต๊ะแล้วหักนิ้วทั้งหมดไปในทิศทางตรงกันข้ามทีละนิ้ว
คลิก!
สิบนิ้วมันเชื่อมต่อกับหัวใจ หนึ่งนิ้วที่หักหัก มันก็ทำให้คณบดีเหมารู้สึกเป็นทรมานมาก หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่เค้าก็ไม่สามารถส่งเสียงอะไรออกมาได้เลย
นิ้วที่สอง นิ้วที่สาม!
ฉินจุนน่ากลัวเกินไป เค้าไม่ให้โอกาสคณบดีเหมาได้อธิบายอะไรเลย เค้าตรงเข้ามาแล้วหักนิ้วในทันที
คณบดีเหมานอนอยู่บนพื้น สีหน้าของเค้าซีด ทั้งเนื้อตัวของเค้ามันเต็มไปด้วยเหงื่อ
ฉินจุนก็พูดขึ้นมาว่า “ฉันจะให้แกได้ลิ้มรสความรู้สึกที่ขมขื่นก่อน ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น”
“ให้เวลาแกสามนาทีเขียนให้ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องของฉินญาญ่า ถ้าหมดเวลาแล้วยังเขียนไม่ชัดเจน แกได้ลงไม่นอนอยู่บนถนนแน่”
หลังจากพูดจบ ฉินจุนก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เค้าตั้งเวลาถอยหลังแล้ววางไว้บนโต๊ะ
เมื่อเห็นฉากนี้ คณบดีเหมาก็สั่นสะท้านด้วยความตกใจ เค้ารีบลุกขึ้นมาแล้วหยิบปากกามาและเริ่มเขียนอย่างเมามัน
ฉินจุนหักนิ้วทั้งห้าของเค้าไปแล้ว มันทำให้เค้าเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ความเจ็บปวดนี้มันทำให้เค้าไม่อยากที่จะเขียนอะไรเลย
คนเหล่านี้ล้วนแต่โลภในการใช้ชีวิตและกลัวความตาย ฉินจุนก็เลยให้กลอุบายเล็กน้อยเพื่อหลอกล่อเค้าก็เท่านั้น
เมื่อเวลาผ่านไปสามนาที ฉินจุนก็หยิบโน้ตจากคณบดีเหมามา มันเขียนอย่างลวก แต่เค้าก็พอที่จะอ่านเข้าใจ
ฉินญาญ่าตัวจริงอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านี้ได้ไม่ถึงปี เพราะฉินญาญ่าเกิดมาพร้อมโรคประจำตัว สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก็ไม่อยากที่จะเก็บเธอไว้เพราะมันต้องใช้เงินมากในการไปรักษา
มันก็เลยทำให้ตั้งแต่เด็กฉินญาญ่าก็ต้องเปลี่ยนสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ามาแล้วหลายแห่ง
หลังจากที่ฉินจุนปรากฏตัว ตระกูลหัวพบตัวฉินญาญ่า พวกเค้ารู้ถึงตัวตนของฉินจุน ดังนั้นพวกเค้าก็เลยคิดกลอุบายนี้ขึ้นมา