ตอนที่ 69 ชายหนุ่มที่ชื่อฉินเฉิน (2)
ใบหน้าอันสดใส คล้ายกับแสงสว่าง ไม่รู้เพราะอะไรถึงสาดแสงเข้าไปในใจของชายหนุ่ม
“ถ้าเจ้าชอบ…” แววตาอันบริสุทธิ์ของชายหนุ่มมองไปที่เฟิงหรูชิงอีกครั้ง “ต่อไปข้าจะเป็นแบบนี้แล้วกัน”
เฟิงหรูชิงอึ้ง นัยน์ตาของนางมีภาพพร่ามัว นึกย้อนไปเมื่อครั้งอยู่ในร่างเดิม ช่วงเวลาที่นางและเช่อเอ๋อร์ต่างพึ่งพากันและกัน
อันที่จริง เช่อเอ๋อร์ก็เคยมีรอยยิ้มใสๆ แบบนี้เหมือนกัน แต่เพื่อเฟิงหรูชิง เขาฝืนตัวเองจนกลายเป็นนักธุรกิจใหญ่ที่ไม่สนใจความรู้สึกใคร
มีเพียงเวลาที่อยู่กับนางเท่านั้น เขาถึงจะแสดงความเป็นเด็กออกมา
เขาพูดว่า “ขอเพียงเจ้าชอบ ข้ายินดีเป็นแบบที่เจ้าต้องการ”
ขอเพียงนางชอบ เขายอมแลกทุกอย่างเพื่อรอยยิ้มของนาง
แม้กระทั่งสถานฟื้นฟูผู้ป่วย เช่อเอ๋อร์ก็สร้างให้นาง สร้างเพื่อนางคนเดียวเท่านั้น
แต่สุดท้ายนางก็จากเขาไป โลกที่ไม่มีนางอยู่ เช่อเอ๋อร์อยู่คนเดียว จะโดดเดี่ยวแค่ไหน
เฟิงหรูชิงก้มหน้ายิ้ม “เฉินเอ๋อร์ ชาตินี้ เสด็จแม่ไม่ได้มีพี่น้องร่วมมารดาให้ข้า ความจริงแล้วข้าเองก็เหงา เมื่อได้เห็นเจ้า ข้ารู้สึกว่า…ชาติที่แล้วเราอาจเป็นพี่น้องกันมาก่อนก็ได้”
“ต่อไป…” เฟิงหรูชิงชะงักไปสักครู่ นางยกมือขึ้นตบลงบนบ่าของฉินเฉินเบาๆ “เจ้าคือน้องชายของข้าเฟิงหรูชิง ถ้าเจ้าไม่มีที่ไปล่ะก็ จวนองค์หญิงของข้าก็คือบ้านของเจ้า!”
จู่ๆ ใจของฉินเฉินก็สั่นไหว
บ้าน?
คำๆ นี้…นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้ยิน
หลายปีมานี้ คนทั้งหลายที่เขาได้พบมีแต่พวกเจตนาไม่บริสุทธิ์ มีเพียงนางผู้เดียวที่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่น
ฉินเฉินก้มหน้า เขาไม่เข้าใจ ทั้งๆ ที่หญิงสาวคนนี้เพิ่งรู้จักเขาเมื่อวาน เหตุใดจึงดีกับเขาเช่นนี้
หรือว่ามีเจตนาแอบแฝง?
เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ ฉินเฉินก็หัวเราะตัวเอง เขาในตอนนี้มีอะไรให้คนอื่นมาตักตวงผลประโยชน์ได้อีก บางทีอาจเป็นไปได้ว่าชาติก่อนพวกเขาเคยเป็นพี่น้องกันจริงๆ นางจึงดีกับเขาด้วยความบริสุทธิ์ใจ
“เจ้าทำอาหารเป็นไหม” เฟิงหรูชิงเอามือลูบท้องที่ร้องโครกคราก
ฟ้าเพิ่งจะสาง นางก็หิวเสียแล้ว
ฉินเฉินพยักหน้าเบาๆ “ข้าทำเป็นนิดหน่อย อาจไม่ถูกปากเจ้า”
“ไม่เป็นไร เจ้าไปทำอาหารเช้ามาสักหน่อย อาหารเบาๆ ก็พอ”
“ได้”
ฉินเฉินขานรับแบบเชื่อฟังแล้วหันหลังเดินไปยังห้องครัว
…
ในห้องอาหาร เฟิงหรูชิงกำลังรอฉินเฉินอยู่ ไม่นาน ชายหนุ่มในชุดชาวเดินเข้าประตูมาท่ามกลางแสงแดด
เขาถือข้าวต้มร้อนๆ ที่มีไอคลุ้งเข้ามาหนึ่งชาม แถมยังมีกลิ่นหอมของดอกกุ้ยฮวา
กลิ่นหอมที่คุ้นเคยเช่นนี้ ทำให้เฟิงหรูชิงตกตะลึง มือทั้งสองข้างของนางกำแน่น ลมหายใจไม่เป็นปกติ
จนกระทั่งข้าวต้มดอกกุ้ยฮวาวางลงตรงหน้า นางจึงค่อยๆ ตั้งสติได้ นางตักข้าวต้มคำเล็กๆ เพื่อชิมรส
“เฉินเอ๋อร์ เจ้า…เคยได้ยินเรื่องหัวเซี่ยไหม” เฟิงหรูชิงเงยหน้าขึ้น สายตาจับจ้องไปที่ฉินเฉิน
นัยน์ตาของฉินเฉินแสดงความสงสัย “หัวเซี่ย? เป็นพรรคอะไรเหรอ”
เฟิงหรูชิงก้มหน้าด้วยอาการผิดหวังเล็กน้อย
คงคล้ายกันโดยบังเอิญสินะ
เมื่อครั้งยังเด็ก นางกินไม่อิ่ม เช่อเอ๋อร์เลยไปขโมยข้าวสารมากำมือหนึ่ง เขากลัวว่านางจะคิดว่าข้าวต้มขาวมันจืดชืดไป แถมช่วงนั้นดอกกุ้ยฮวาบานเต็มไปหมด เขาเลยเด็ดดอกกุ้ยฮวาเอามาต้มกับข้าวต้ม
ต่อมาเมื่ออยู่ในสถานฟื้นฟูผู้ป่วย ต่อให้เช่อเอ๋อร์ยุ่งแค่ไหน เขาก็ต้มข้าวต้มดอกกุ้ยฮวาให้นางทุกวัน
แต่สุดท้าย…เขาก็ไม่ใช่เช่อเอ๋อร์ มันเป็นแค่ความบังเอิญเท่านั้น
“ไม่มีอะไรหรอก” เฟิงหรูชิงยิ้มและส่ายหน้า “ต่อไป เจ้าต้มข้าวต้มดอกกุ้ยฮวาให้ข้าทุกวันได้ไหม”
ฉินเฉินพยักหน้ารับ “ได้”
ตอนที่ 70 หลิ่วอวี้เฉินยังตามรังควาน (1)
ยาวิเศษลดความอ้วนดื่มทุกวันไม่ได้ ต้องเว้นห้าวันถึงจะดื่มครั้งที่สอง แม้เป็นเช่นนี้ รูปร่างของนางก็ค่อยๆ ผอมลง ที่น่าเสียดายคือองค์หญิงคนเดิมนั้นอ้วนเหลือเกิน ถ้าจะลดความอ้วนให้ลงมาอยู่ในระดับปกติ คงใช้ระยะเวลาแค่วันสองวันไม่ได้
เพื่อไม่ให้ดูผอมเร็วผิดปกติ เฟิงหรูชิงแสร้งทำเป็นวิ่งรอบถนนทิศใต้วันละหลายๆ รอบ ส่วนพวกคนที่ได้เห็นนาง ก็พากันตกตะลึงอย่างกับเจอผี
คนอ้วนอันดับหนึ่งของแคว้นหลิวอวิ๋น เริ่มลดความอ้วน…แล้วหรือนี่
ก็ไม่รู้เพราะโลกมันกลมหรือเปล่า วันนี้ขณะที่เฟิงหรูชิงวิ่งช่วงเช้าเสร็จแล้วกำลังจะกลับบ้าน ดันไปเจอหลิ่วอวี้เฉินกับถานซวงซวงเดินจูงมือกันมา
ช่วงที่ผ่านมาหลิ่วอวี้เฉินถูกขังอยู่ในบ้านสกุลหลิ่ว และเพิ่งจะออกมาได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นบนถนนทิศใต้ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
ดังนั้น เมื่อเขามองไปเห็นเฟิงหรูชิงที่กำลังวิ่งมาเขาจึงอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นก็มีแววตาในลักษณะดูแคลนเผยออกมา
“องค์หญิง ท่านประกาศชัดเจนแล้วว่าจะหย่ากับข้า ข้าก็นึกว่าท่านจะปล่อยให้ข้ามีอิสระจริงๆ คิดไม่ถึงว่าท่านยังเป็นเหมือนเดิม ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้เจอข้า”
แต่ไรมาเฟิงหรูชิงไม่ยอมออกจากบ้านแม้เพียงสักก้าว ทุกครั้งที่ออกจากวังหลวงก็เพื่อให้มีโอกาสได้พบกับเขา คราวนี้ก็คงเป็นเช่นนั้น
ถานซวงซวงหยุดนิ่ง นางจับมือของหลิ่วอวี้เฉินแน่นด้วยสัญชาตญาณ แววตาของนางแฝงไปด้วยความหวาดกลัว
หลิ่วอวี้เฉินเห็นถานซวงซวงที่มีท่าทางหวาดกลัว ในใจเขายิ่งโมโห เห็นได้ชัดว่าเฟิงหรูชิงคนนี้ทำให้ถานซวงซวงได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง
แต่ว่า…
เฟิงหรูชิงวิ่งผ่านหลิ่วอวี้เฉินไปเฉยๆ
นางไม่หยุดวิ่งแม้เพียงจังหวะเดียว สายตาของนาง ก็ไม่ได้หยุดมองที่หลิ่วอวี้เฉินเลยสักนิด ราวกับชายที่ยืนอยู่บนถนนทิศใต้เป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าที่ไม่มีค่าแม้แต่จะเอ่ยถึง ใบหน้าอันรูปงามของหลิ่วอวี้เฉินเจื่อนไป เขาเหลียวกลับไปจ้องมองเฟิงหรูชิงด้วยแววตาแห่งความโกรธเคือง
“ชิงชิง”
ไม่ไกลออกไป ชายหนุ่มในชุดขาวราวกับหิมะยืนอยู่ที่หัวถนน เขาดูสะอาดสะอ้านดุจหิมะ แม้ใบหน้าจะมีรอยแผลเป็น แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสง่างามของเขาลดน้อยลง
เมื่อเห็นหญิงสาวที่กำลังวิ่งเข้ามา เขายิ้มน้อยๆ รอยยิ้มนั้นช่างแสนบริสุทธ์ บริสุทธิ์เสียจนไม่มีใครกล้าคิดอกุศลด้วย
“เฉินเอ๋อร์ พวกเรากลับบ้านกัน”
เฟิงหรูชิงยิ้มเล็กๆ ตอนนี้ได้เวลาที่จะเอาเหล้าวิเศษออกจากห้องใต้ดินแล้ว ในที่สุดนางก็มีของฝากติดไม้ติดมือไปให้คนที่จวนแม่ทัพสักที
“องค์หญิง!” หลิ่วอวี้เฉินโมโหหนักกว่าเดิม
เฟิงหรูชิงคนเดิมแววตาจับจ้องเพียงแค่เขาคนเดียว แต่บัดนี้…แม้ชายหนุ่มคนเดินจะยืนตรงหน้า นางกลับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา?
เฟิงหรูชิงหยุดนิ่ง นางหันหลังกลับไปแล้วมองหลิ่วอวี้เฉินจากหัวจรดเท้าด้วยท่าทีเหยียดๆ
“หลิ่วอวี้เฉิน คนอย่างเจ้าช่างหน้าไม่อายจริงๆ !”
“ท่านว่าอย่างไรนะ”
“สิ่งที่ข้าพูด เจ้าฟังไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร” เฟิงหรูชิงแสยะยิ้มแบบดูถูก “เพื่อให้ได้เจอกับข้า เจ้าอุตส่าห์เดินมาที่ถนนที่ข้าใช้วิ่งตอนเช้า ทำไมเหรอ โดนข้าบอกหย่าแล้วรับไม่ได้หรืออย่างไร หรือตัดใจจากข้าไม่ได้ ช่วยไม่ได้ที่ข้าเป็นคนรักอิสระไม่ชอบการผูกมัดมาตั้งแต่เกิด เจ้าตัดใจเสียเถอะ”
“ท่าน…” ไฟโทสะของหลิ่วอวี้เฉินเกือบจะอั้นไว้ไม่อยู่ หากไม่กังวลเรื่องฐานะของเฟิงหรูชิงละก็ ป่านนี้เขาคงระเบิดมันออกมาแล้ว
เฟิงหรูชิงคนนี้ กลับเอาสิ่งที่เขาจะพูดเมื่อสักครู่พูดกับเขาไปเสียอย่างนั้น?
เขาหาเรื่องมาพบกับเฟิงหรูชิง? นี่มันเรื่องตลกชัดๆ เรื่องแบบนี้ มีแค่นางคนเดียวที่ทำได้!
คนที่มามุงดูอยู่รอบๆ ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไร คนพวกนั้นไม่กล้าเข้ามาใกล้นัก เพราะกลัวว่าจะทำให้ องค์หญิงอันธพาลผู้นี้ไม่พอใจ