เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา – ตอนที่ 9 ถอนคืนจดหมายหย่า? (2) / ตอนที่ 10 ถอนคืนจดหมายหย่า? (3)

ตอนที่ 9 ถอนคืนจดหมายหย่า? (2)  

 

 

แต่เฟิงหรูชิงก็ไม่ได้สนใจสิ่งที่ชิงหลิงคิดแต่อย่างใด นางคิดเพียงแต่จะจัดการปัญหาเรื่องจวนองค์หญิง เพราะถึงอย่างไรการอยู่ในวังหลวงไปเรื่อยๆ แบบนี้ ต่อไปทำอะไรก็ไม่สะดวก หากมีจวนองค์หญิงของตัวเอง คงจะเบาใจไปได้มาก  

 

 

ที่ไกลออกไปนั้น เฟิงหรูชิงเห็นชายหญิงคู่หนึ่งคุกเข่าอยู่ที่หน้าห้องทรงพระอักษร  

 

 

หญิงผู้นั้นสวมเสื้อเขียวกระโปรงผ้าแพร หน้าซีดเป็นไก่ต้ม นั่งคุกเข่าอยู่ทามกลางสายลมร่างกายดูผอมบางช่างน่าสงสาร  

 

 

ผู้ชายสวมชุดแบบชาวฮั่น หลังเหยียดตรง นัยน์ตาของเขาเก็บซ่อนความโกรธแค้นไว้แต่ไม่กล้าแสดงมันออกมา ใบหน้าอ่อนหวานปานหยก แต่กลับชุ่มไปด้วยเหงื่อ  

 

 

ในเวลานั้น มีขันทีนายหนึ่งเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ หลิ่วอวี้เฉิน เขาสะบัดแส้ไปมา แล้วพูดด้วยเสียงแหลมๆ ว่า “คุณชายหลิ่ว คุณหนูถาน ฝ่าบาทให้พวกท่านกลับไปได้”  

 

 

หลิ่วอวี้เฉินตัวเกร็ง เขาเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนถามไปว่า “แล้วฝ่าบาทตรัสหรือไม่ว่าจะลงโทษตระกูลหลิ่วอย่างไร”  

 

 

“คุณชายหลิ่วกลับไปรอฟังข่าวก็ได้มิใช่หรือ แต่ท่านควรจะดีใจที่องค์หญิงฟื้นแล้ว ไม่อย่างนั้นฝ่าบาทไม่มีทางละเว้นตระกูลหลิ่วไปแน่”  

 

 

ขันทีหัวเราะอย่างไร้ความเห็นใจและพูดเหน็บแนม  

 

 

คนในแคว้นหลิวอวิ๋นมีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าองค์หญิงเฟิงหรูชิงเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของฝ่าบาท แต่หลิ่วอวี้เฉินกลับใจกล้าบอกหย่ากับนาง นี่ไม่เท่ากับการถอนเขี้ยวเสือหรอกหรือ รนหาที่ตายแท้ๆ !  

 

 

หลิ่วอวี้เฉินหน้าซีดขาว เขากำมือไว้แน่น ผ่านไปครู่หนึ่งจึงคลายมือออกแล้วหันหลังไปมอง  

 

 

ถานซวงซวงที่สภาพทนต่อไปไม่ไหว แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกสงสาร “ซวงเอ๋อร์ พวกเรากลับกันเถอะ”  

 

 

“ได้”  

 

 

ถานซวงซวงยิ้มอ่อนหวาน แต่เพราะนางคุกเข่าเป็นเวลานาน ทำให้ขาชาไปหมด พอจะลุกขึ้นก็ล้มเซลงใส่อ้อมกอดของหลิ่วอวี้เฉิน  

 

 

หลิ่วอวี้เฉินเห็นหญิงผู้เป็นที่รักได้รับความทรมานเช่นนี้ยิ่งรู้สึกโกรธ เขาเก็บกดไฟโทสะไว้ภายใน พูดอย่างกัดฟันว่า “ซวงเอ๋อร์ การหย่ากับนางข้าเป็นคนทำ บีบให้นางต้องตายเป็นความผิดข้า ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า คราวหน้าเจ้าไม่ต้องตามข้ามาอีกนะ”  

 

 

ถึงอย่างไรเฟิงหรูชิงก็เป็นผู้หญิงที่โหดเ**้ยม หากให้นางเจอถานซวงซวงในวังหลวงอีก ไม่แน่ว่านางอาจรังแกถานซวงซวงอีก  

 

 

ชั่ววินาทีที่หลิ่วอวี้เฉินหันกลับมา ใบหน้าที่อ่อนโยนก็เปลี่ยนเป็นไร้อารมณ์ เขายืนป้องตัวถานซวงซวงอยู่ด้านหน้าด้วยสัญชาตญาณ สายตาที่โกรธเคืองมองตรงไปที่คนซึ่งอยู่ตรงหน้า  

 

 

ถานซวงซวงมองตามสายตาของเขาไป ก็เห็นเฟิงหรูชิงที่อยู่กลางแดด นางตกใจจนรีบดึงเอาชายแขนเสื้อของหลิ่วอวี้เฉินไว้  

 

 

เมื่อเปรียบกับถานซวงซวงที่ผอมเพรียว ร่างกายของเฟิงหรูชิงเทียบได้กับถานซวงซวงสามคนรวมกัน ใบหน้าที่อวบอ้วนและกลมชวนให้แววตาของหลิ่วอวี้เฉินแสดงความรังเกียจออกมา  

 

 

“องค์หญิง ตอนที่ข้าหย่ากับท่าน เป็นเพราะท่านทำร้ายซวงเอ๋อร์ก่อน แถมยังทำให้แม่ข้าโมโหจนเป็นลมหมดสติ หากท่านโกรธก็มาลงกับข้า ไม่เกี่ยวอะไรกับซวงเอ๋อร์ นางลำบากมามากพอแล้ว ท่านอย่ารังแกนางอีกเลย”  

 

 

สายตาของเฟิงหรูชิงมองผ่านไปก่อนจะหยุดมองที่ใบหน้าเล็กๆ อันซีดเผือดของถานซวงซวง  

 

 

ในวันนั้น ที่เฟิงหรูชิงคนเก่าทำร้ายถานซวงซวง ก็เพราะนางรักหลิ่วอวี้เฉินมาก  

 

 

เฟิงหรูชิงรู้สึกขัดหูขัดตาที่เห็นถานซวงซวงวันๆ มาอยู่ที่จวนเสนาบดี แต่หลิ่วอวี้เฉินกลับไม่เคยนอนในห้องเดียวกับนางเลยสักคืน ยิ่งไปกว่านั้น มีสาวใช้แอบซุบซิบนินทา ประมาณว่าอีกไม่นานถานซวงซวงก็จะแต่งเข้ามายังจวนเสนาบดี ไม่แน่ว่าอาจมาบีบให้เมียหลวงออกจากบ้านไป นางโมโหจึงพุ่งเข้าไปตบตีถานซวงซวง  

 

 

ซ้ำนางยังพูดต่อหน้าคนทั้งหลายว่า ต่อไปสกุลหลิ่วห้ามมีเมียน้อยเด็ดขาด ถ้ามีละก็จะอัดเมียน้อยให้น่วม แถมยังต่อปากต่อคำกับหลิ่วฮูหยิน ซึ่งเข้ามาห้าม ทำให้หลิ่วฮูหยินโมโหจนเป็นลมหมดสติไป  

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 10 ถอนคืนจดหมายหย่า? (3)  

 

 

ความจริงแล้วต่อให้ถานซวงซวงแต่งเข้ามายังสกุลหลิ่วก็ไม่มีทางบีบให้นางออกไปจากจวนได้ สาวใช้ในจวนเสนาบดีไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์เรื่องขององค์หญิง ดังนั้นพวกสาวใช้เหล่านั้นจะมีเจตนาหรือไม่ ยังต้องรอพิสูจน์ต่อไป  

 

 

“อวี้เฉิน” ถานซวงซวงถอยหลังไปด้วยความกลัว นางกัดริมฝีปากเบาๆ ในดวงตาอันสวยงามแฝงด้วยความหวาดกลัว “ท่านอย่าต่อปากต่อคำกับองค์หญิงอีกเลย ข้าเองที่ไม่ควรไปอยู่ที่จวนเสนาบดีทุกวัน เพราะแบบนี้จึงทำให้องค์หญิงโกรธ ที่องค์หญิงเฆี่ยนข้าสิบครั้งเป็นสิ่งที่ข้าสมควรได้รับอยู่แล้ว”  

 

 

เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของถานซวงซวง และนึกถึงรอยเฆี่ยนที่อยู่บนตัวของนาง หัวใจของหลิ่วอวี้เฉินรู้สึกราวกับมีคนเอามือมาบีบขยี้ เจ็บปวดเหลือแสน  

 

 

“องค์หญิง ข้ายอมรับว่าข้าไม่ควรหย่ากับท่าน หากท่านไม่ทำร้ายถานซวงซวง ไม่ทำให้แม่ข้าโมโหจนหมดสติไป ข้าคงไม่โกรธขนาดนี้ ดังนั้นไม่ว่าความผิดนั้นจะใหญ่โตแค่ไหน มันก็เป็นความผิดของข้าเพียงผู้เดียว ซวงเอ๋อร์ไม่เกี่ยวอะไรด้วย”  

 

 

สิ่งที่เขาทำผิดที่สุดคือการไม่ปฏิเสธพระบัญชาของฝ่าบาทเสียตั้งแต่แรก ไม่ควรแต่งกับองค์หญิงที่ไร้ความยำเกรงสิ่งใดผู้นี้  

 

 

ส่วนเรื่องที่ซวงเอ๋อร์ต้องได้รับความยากลำบากนั้น  

 

 

เฟิงหรูชิงใช้นิ้วมือคลึงที่คางเบาๆ แววตาแฝงด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเจ้าคิดว่านางได้รับความลำบาก เจ้าเป็นลูกผู้ชาย เจ้าก็ไปชดเชยให้นางเองแล้วกัน”  

 

 

พูดตามตรง เฟิงหรูชิงเริ่มรู้สึกดูแคลนหลิ่วอวี้เฉินคนนี้  

 

 

ถ้าหลิ่วอวี้เฉินรักถานซวงซวงจริง ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาทิ้งถานซวงซวงแล้วมาแต่งงานกับนาง แต่ตอนนี้เขายิ่งไม่ควรพาถานซวงซวงมาร้องขอความเห็นใจด้วย  

 

 

ถ้าเขาเป็นลูกผู้ชาย ก็ควรแบกรับความผิดทั้งหมดไว้แต่เพียงผู้เดียว ไม่น่าพาหญิงผู้เป็นที่รักมารับความลำบากด้วย  

 

 

หลิ่วอวี้เฉินอึ้งไป เป็นไปได้ว่าเขาไม่เข้าใจที่เฟิงหรูชิงพูดเท่าใดนัก จากนั้น เขากัดฟันแล้วพูดต่อไปว่า “องค์หญิง ขอท่านได้โปรดปล่อยซวงเอ๋อร์ไป อย่าเอาเรื่องคนในจวนเสนาบดี ขอเพียงท่านยอมละเว้นพวกเขา ข้าหลิ่วอวี้เฉิน…ข้ายอมถอนคืนจดหมายหย่า”  

 

 

ประโยคนี้ หลิวอวี้เฉินดูใช้ความพยายามอย่างมากในการพูดออกมาสีหน้าแสดงท่าทีอับอาย แต่ตอนนี้เขาจนหนทางแล้วจริงๆ ขอเพียงช่วยคนในจวนเสนาบดีไว้ได้ เขายอม…ใช้ชีวิตร่วมกับผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง  

 

 

มือที่วางอยู่ข้างลำตัวของถานซวงซวงกำแน่น เล็บจิกเข้าไปในเนื้อ เจ็บจนสีหน้าดูไม่ได้  

 

 

นางอุตส่าห์ทำให้หลิ่วอวี้เฉินหย่ากับเฟิงหรูชิงจนได้ จะยอมให้นางกลับเข้ามาในจวนเสนาบดีอีกได้อย่างไร แต่เพราะเฟิงหรูชิงมีพ่อที่อำนาจล้นฟ้าทำให้หลิ่วอวี้เฉินต้องยอมแพ้อีกคราว  

 

 

“น่าเสียดาย…” เฟิงหรูชิงส่ายหน้า “ผู้ชายของคนอื่นน่ะ ข้าไม่รู้สึกสนใจเลยแม้แต่น้อย”  

 

 

หลิ่วอวี้เฉินตกใจ เขามองดูเฟิงหรูชิงตาค้าง “องค์หญิง ท่านหมายความว่าอย่างไร”  

 

 

เฟิงหรูชิงยิ้มตาหยี “ข้าหมายความว่าข้าไม่รักเจ้า ต่อให้เจ้าไม่มีถานซวงซวง ข้าก็ไม่มีทางรักคนที่ไม่มีน้ำยา ไม่มีความรับผิดชอบอย่างเจ้า ซ้ำยังเป็นผู้ชายที่มีใจไม่จริง”  

 

 

ผู้ชายคนนี้ ข้างหนึ่งก็มอบรักลึกซึ้งให้กับถานซวงซวง อีกข้างหนึ่งก็พูดว่าเฟิงหรูชิงเป็นภรรยา? ใจที่ไม่จริงแบบนี้ มีเพียงถานซวงซวงเท่านั้นแหละที่ชอบได้ลงคอ เดิมทีเฟิงหรูชิงไม่ได้รู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์หลิ่วอวี้เฉิน แต่มาบัดนี้นางไม่อยากเห็นหน้าเขาอีกต่อไป  

 

 

ใบหน้าอันหล่อเหลาของหลิ่วอวี้เฉินแดงก่ำ เขากำหมัดแน่น “องค์หญิง ท่านจะตัดสินข้าอย่างไรก็ได้ แต่ท่านไม่มีสิทธิ์มาวิจารณ์ความรู้สึกที่ข้ามีต่อถานซวงซวง ตอนที่ข้าแต่งงานกับท่านข้าเคยพูดว่า ข้ารับท่านเป็นภรรยาได้ แต่คนที่ข้ารักที่สุดยังคงเป็นถานซวงซวงเสมอ”  

 

 

สายตาของเฟิงหรูชิงดูไม่สบอารมณ์ องค์หญิงคนเดิมช่างโง่เสียจริง ผู้ชายที่ในใจมีแต่คนอื่น แต่งงานด้วยจะมีความหมายอะไร  

 

 

“บังอาจ” ขันทีตะคอกด้วยความโกรธ เดิมเขาคิดว่าหลิ่วอวี้เฉินตั้งใจจะขอโทษองค์หญิง เดิมทีเขาคงตั้งใจอย่างนั้นจริง แต่คิดไม่ถึงว่าหลิ่วอวี้เฉินยิ่งพูดยิ่งเลยเถิด จึงรีบพูดตำหนิออกไป  

เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา

เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา

เมื่อ เฟิงหรูชิง หญิงใบ้ชีวิตอาภัพจากยุคปัจจุบันลืมตาตื่นขึ้นมาก็ต้องตกตะลึง เพราะเตียงผู้ป่วยในสถานฟื้นฟูที่เคยนอน บัดนี้กลับเปลี่ยนเป็นเตียงบรรทมอันแสนโอ่อ่าในวัง อีกทั้งรูปร่างหน้าตาของตนยังพองใหญ่กลายเป็นสตรีอวบอ้วนตัวกลม และที่น่าตกใจที่สุดคือนาง…พูดได้แล้ว?! หลังจากตั้งสติให้ดี เฟิงหรูชิงก็เข้าใจว่านางได้ลาจากภพเดิมมายังโลกแห่งใหม่ โดยเจ้าของร่างที่นางมาอาศัยอยู่นี้มีชื่อเหมือนกันกับตนทว่ามีศักดิ์เป็นถึงองค์หญิงแห่งแคว้น อีกทั้งยังไม่ใช่องค์หญิงธรรมดา แต่เป็นองค์หญิงม่ายที่ถูกสามีทิ้ง! ด้วยความเศร้าโศกที่ถูกขอหย่า เฟิงหรูชิงคนก่อนจึงปลิดชีพตัวเองจากไปอย่างน่าสงสาร… แต่นั่นก็เป็นเรื่องของเฟิงหรูชิงคนก่อน เพราะตอนนี้นางมิใช่คนเดิมอีกแล้ว! เมื่อสามีเก่าไม่สนใจ นางก็หาสามีใหม่เสียสิ เอาเป็น หนานเสียน ท่านราชครูรูปงามผู้แสนลึกลับคนนั้นเป็นอย่างไร ดีละ นางได้เป้าหมายแล้ว ถึงเวลาบอกลาชีวิตเก่าสุดรันทด ชีวิตใหม่นี้นางจะลดน้ำหนัก ฝึกวิชา ท่องตำรา ปลูกยาวิเศษ รวมถึงหาวิธีมัดใจเขาคนนั้นให้ได้!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset