หมัดของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นเต็มไปด้วยพลัง ราวกับว่าเขารวมพลังในร่างกายของเขาทั้งหมดมาไว้ที่หมัดนี้เพียงหมัดเดียว!
เห็นได้ชัดเจนว่าเขาต้องการเอาชีวิตของฉินเฉิงด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!
“ตู้มมม!”
อย่างไรก็ตาม ฉินเฉิงก็ยกมือของเขาขึ้นมาและชกสวนกลับไป
ใบหน้าของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นน่าเกลียดขึ้นทันที เขาพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อที่จะหนีไป
แต่ฝ่ามือของฉินเฉิงนั้นจับเขาเอาไว้แล้ว แน่นอนว่าเขาไม่มีทางขยับไปไหนได้!
“นายอยากจะฆ่าฉัน? ฉินเฉิงยิ้มออกมาเห็นฟันสีขาวของเขา
หลังจากเสียงเงียบลง เสียงกระดูกหักก็ดังขึ้น!
หมัดที่ต่อยฉินเฉิงในตอนแรกแหลกละเอียดไปทันที!
เสียงร้อนอันเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วป่าลึก สีหน้าของเขาเกือบจะบิดเบี้ยว ขาทั้งสองข้างของเขาล้มลงกับพื้นทันที
“วิชากลืนวิญญาณ!” ฉินเฉิงไม่มีทางพลาดโอกาสแบบนี้ไปเป็นอันขาด เขาเอามือไปวางใบบนศีรษะของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่คนนั้น และดูดพลังปราณของเขาจนหมดสิ้น!
หลังจากนั้นไม่นาน ร่างกายของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นก็แห้งเหี่ยวลงไปกับพื้น
ฉากนี้ทำให้ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนเงียบลงทันที
ถึงจะเป็นการลอบโจมตีก็ไม่มีโอกาสชนะ!
“พวกนาย มีใครคิดจะฆ่าฉันอีกไหม?” ฉินเฉิงกวาดสายตาไปมองที่ทุกคนและถามออกไป
ทุกคนต่างส่ายหน้า มีแต่ท่าทางที่ให้ความเคารพ
และในตอนนั้นเซียงเหม่ยเอ๋อก็พาปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ของตระกูลเซียงเดินเข้ามา
เซียงเฉิงหรุที่เคยดูถูกฉินเฉิงในตอนแรก ตอนนี้สีหน้าของเขาก็มีความเคารพเป็นอย่างมาก
“ฉินเฉิง ตอนนี้พลังของนายอยู่ขั้นไหนกันแน่?” เซียงเหม่ยเอ๋อถามออกไปด้วยความสงสัย
ฉินเฉิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดออกไปว่า “ถ้าแบ่งตามฐานะที่พวกเธอแบ่งกัน ตอนนี้ฉันก็น่าจะเป็นปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นหนึ่ง”
“ขั้นหนึ่ง?” สมาชิกของตระกูลเซียงสูดหายใจเข้าอย่างเยือกเย็น ส่วนสีหน้าของเซียงเหม่ยเอ๋อเองก็เคร่งขรึมขึ้นทันที
“ขั้นหนึ่งจะสามารถกำจัดขั้นห้าอย่างผู้เฒ่าโหยวได้อย่างไร?” เซียงเหม่ยเอ๋อตกใจแทบจะพูดออกมาไม่ถูก
ฉินเฉิงพยักหน้า “มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้น”
ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ของตระกูลเซียงนิ่งเงียบ ในความเห็นของพวกเขาฉินเฉิงคนนี้กำลังโกหกอยู่
ถ้าเป็นอย่างที่ฉินเฉิงพูดมาจริงๆ เขาจะไปสามารถเอาชนะคู่ๆต่อสู้ที่เข้มแข็งกว่าตัวเองตั้งหลายขั้นได้อย่างไร? ต่อให้เป็นเย่อชิงยุนที่มีพรสวรรค์มากที่สุด เต็มที่ก็คงต่อสู้กับคนที่เก่งกว่าตัวเองได้ไม่เกินสองขั้น
“เอาหละ ไปกันได้แล้ว!”
เซียงเหม่ยเอ๋อชี้ไปที่ร่างกายของฉินเฉิง เธอหน้าแดงและพูดออกมาว่า “นายยังไม่ได้สวมชุดอะไรเลย จะไปทั้งๆแบบนี้เลยเหรอ?”
ฉินเฉิงก้มไปมองร่างกายของตัวเอง พบว่าเสื้อผ้าของเขาขาดหลุดลุ่ย
เขาชี้ไปที่หวงจิงเฉิงที่อยู่ไกล เนื่องจากว่าขนาดตัวของพวกเขาใกล้เคียงกัน “นาย ถอดเสื้อผ้าของนายมาให้ฉัน”
ในตอนนั้นหวงจิงเฉิงกลัวฉินเฉิงอย่างกับอะไร แค่เสื้อผ้าตัวเดียวทำไมจะให้ไม่ได้ ถึงต่อให้ขอสมบัติของเขาทั้งหมดเขาก็ยินดีที่จะยกมันให้
ดังนั้นหวงจิงเฉิงจึงวิ่งไปและถอดเสื้อผ้าให้กับฉินเฉิง
หลังจากที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ฉินเฉิงก็เดินออกมาไป
หลังจากที่ขึ้นรถ เซียงเหม่ยเอ๋อก็พูดขึ้นมาว่า “นายฆ่าซูอี้ซิ่วไปแล้ว แต่กลับปล่อยพวกเขาไป นายไม่กลัวตระกูลซูจะแก้แค้นนายเหรอ?”
ฉินเฉิงยิ้มและพูดออกมาว่า “จะฆ่าหรือไม่ฆ่าซูอี้ซิ่ว ตระกูลซูก็ไม่มีทางปล่อยฉันไปอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นฉันเองก็ไปฆ่าคนของตระกูลซูมาตั้งมากมายแล้ว”
เซียงเหม่ยเอ๋อส่ายหน้าและพูดออกไปว่า “มันไม่เหมือนกัน มีสังหารของตระกูลซู ถึงนายจะฆ่าพวกเขามันก็ไม่ได้อะไร แต่นี่เป็นถึงซูอี้ซิ่ว เขาเป็นคนของตระกูลซู มีเลือดของตระกูลซูไหลเวียนอยู่ ซูอี้ซิ่วตายไป ตระกูลซูจะต้องโกรธมากอย่างแน่นอน”
ฉินเฉิงได้ไตร่ตรองปัญหานี้เอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เขาพยักหน้าและพูดออกมาว่า “วางใจเถอะ ฉันคิดเอาไว้แล้วว่าจะรับมืออย่างไง”
เมื่อเซียงเหม่ยเอ๋อเห็นแบบนั้นเธอก็ไม่ได้พูดอะไร
การเดินทางในครั้งนี้ได้อะไรกลับมามากมาย ฉินเฉิงงต้องดีใจเป็นธรรมดา
แต่ทางด้านของคนตระกูลเซียงดูเหมือนว่าจะหดหู่เล็กน้อย เห็นๆกันอยู่ว่าพวกเขาเป็นคนที่พบเจ้าแห่งโอสถก่อนใคร แต่กลับไม่ได้มาครอบครอง
หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไป ทำให้จิตใจของฉินเฉิงที่ระแวงกับเซียงเหม่ยเอ๋อค่อยๆหายไปเล็กน้อย
ส่วนทางด้านของเซียงเหม่ยเอ๋อเองก็ไม่ได้อยากอยู่ที่นี่ให้นานไปกว่านี้ ดังนั้นพวกเธอจึงวางแผนที่จะกลับกันในวันนี้เลย
ฉินเฉิงพากพวกเธอไปส่งที่สนามบิน และก่อนที่จะจากกัน เซียงเหม่ยเอ๋อยิ้มออกมาและพูดว่า “ถ้าหากมีโอกาสก็ไปเที่ยวที่บ้านตระกูลเซียงได้นะ”
“แน่นอน!” ฉินเฉิงพยักหน้ารับปาก
และในตอนที่เซียงเหม่ยเอ๋อหันหลังพร้อมที่จะจากไป จู่ๆฉินเฉิงก็ตะโกนออกไปว่า “รอเดี๋ยว!”
เซียงเหม่ยเอ๋อถามออกมาด้วยความสงสัย “มีเรื่องอะไรเหรอ?”
ฉินเฉิงเดินวิ่งเข้าไปหาเธอและพูดออกมาอย่างจริงจังว่า “ฉันมีคำถามอยากจะถามเธอหนึ่งข้อ”
“คุณฉินว่ามาได้เลย” เซียงเหม่ยเอ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ใจดี
ฉินเฉิงเงียบไปครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้นและมองไปที่เซียงเหม่ยเอ๋อด้วยความเยือกเย็น “เธอต้องการอะไรจากซูวานกันแน่?”
เซียงเหม่ยเอ๋อตะลึงงัน เธอจ้องไปที่สายตาที่เยือกเย็นของฉินเฉิง หัวใจของเธอสั่นอย่างรุนแรง
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเธอเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่น่าสะพรึงกลัวในพริบตา!
“ถ้าหากบอกว่าสิ่งที่ตระกูลซูอยากได้คือสิ่งที่อยู่ในมือของคุณปู่ซูหละ?” เซียงเหม่ยเอ๋อพูดออกมาทีเล่นทีจริง
ฉินเฉิงตอบกลับไปด้วยสีหน้าที่เยือกเย็ฯ “ทางที่ดีเธออย่าเข้ามายุ่งเลยดีกว่า ไม่อย่างนั้น…..”
“ไม่อย่างนั้นจะทำไม?” เซียงเหม่ยเอ๋อถามกลับมาด้วยสายตาที่แสนสวย
“ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่นึกถึงความรู้สึกเก่าๆที่เคยมีให้” ฉินเฉิงตอบไปอย่างเยือกเย็น
เซียงเหม่ยเอ๋อผงะทันที หลังจากนั้นเธอก็ยิ้มและพูดออกมาว่า “เอาหละ นายไม่ต้องเป็นกังวลหรอก ฉันไม่ได้มีความรู้สึกอะไรที่ไม่ดีกับซูวานเลยแม้แต่น้อย สำหรับฉันแล้วเธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันในโลกใบนี้”
“ถ้ามันเป็นแบบที่เธอพูดมันก็ดี” ฉินเฉิงพูดพร้อมหัวเราะออกมา
หลังจากที่ส่งเซียงเหม่ยเอ๋อกลับไปแล้ว ฉูเป่ยชวนก็เดินลูบมือของเขาเข้ามาและพูดว่า “อาจารย์ ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้สนใจอาจารย์หรอกเหรอ?”
“สนใจฉัน?” ฉินเฉิงขมวดคิ้ว “เอาหละ เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว ทุกคนนี้ก็มีเรื่องให้คิดมากพอแล้ว”
ฉูเป่ยชวนจับจมูกของเขาและยิ้มออกมา
“ใช่แล้วอาจารย์ ช่วงนี้คนของสำนักงานความมั่นคงของเมืองเจียงเดินทางมาหาคุณตั้งหลายครั้ง” ตอนนี้จู่ๆสีหน้าของฉูเป่ยชวนก็ดูเป็นทางการขึ้นทันที
“สำนักงานความมั่นคงของเมืองเจียง?” หลังจากที่ได้ยินคำพูดของฉูเป่ยชวน ฉินเฉิงก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน?” ฉินเฉิงถาม
ฉูเป่ยชวนตอบกลับไปว่า “เขาไปอยู่ที่ห้องเช่าแถมๆนี้แหละ ให้ผมช่วยตามหาไหม่ครับ?”
“ไม่ต้อง” ฉินเฉิงโบกมือ “รอให้พวกเขามาหาฉันเองดีกว่า”
หลังจากที่กลับมาถึงบ้าน ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็ยังคงฝึกฝนร่างกายและวิชาของเขา
หลังจากที่ฝึกมาประมาณครึ่งเดือน สีผิวของชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็คล้ำขึ้นเล็กน้อย กล้ามเนื้อของเขาแน่นขึ้น เมื่อแสงส่องลงมากระทบก็เกิดความแวววาว
ความพยายามของการฝึกทางด้านร่างกายนั้นมากกว่าการฝึกฝนพลังงานภายในหลายร้อยเท่า และความเจ็บปวดที่ได้รับนั้นมีมากกว่านั้น ดังนั้น ในโลกนี้จึงมีผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกร่างกายน้อยมาก
โชคดีที่วิธีการฝึกฝนที่ฉินเฉิงมอบให้เป็นทางลัด ตราบใดที่พรสวรรค์ของเขาไม่เลวร้ายเกินไป สักวันหนึ่งเขาจะก้าวเข้าจุดสูงสุดของปรมาจารย์ทางด้านพลังภายนอก
“คุณฉิน” หลังจากที่เห็นฉินเฉิงกลับมา ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็ทิ้งทุกอย่างที่ทำอยู่แล้วหันมาโค้งคำนับให้กับฉินเฉิง
ฉินเฉิงโบกมือขึ้น ในมือของเขามีอยู่ด้านสองสามเม็ด
“นี่เป็นยาแก้เคล็ดขัดยอก กินวันละครั้ง มันมีประโยชน์ต่อร่างกายของนาย” ฉินเฉิงยิ้มและพูดออกไป
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้ารีบรับมันไปอย่างรวดเร็ว โค้งตัวและพูดออกมาว่า “ขอบคุณมากครับ คุณฉิน”
และในตอนนั้น จู่ๆโทรศัพท์ของฉูเป่ยชวนก็ดังขึ้นมา
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูและพูดออกมาเบาๆว่า “มีอะไรเหรอ น้องสาว?”
หลังจากนั้นฉูเป่ยชวนก็กัดฟันแน่น “รอบพี่เดี๋ยว พี่จะไปเดี๋ยวนี้!”
หลังจากที่วางสายโทรศัพท์ ฉูเป่ยชวนก็เดินมาที่ด้านหน้าของฉินเฉิง สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีและพูดออกมาว่า “อาจารย์ ผมของออกไปด้านนอกหน่อย แต่ผมไม่มีเงินติดตัวเลย ผม…ผมขอยืมเงินหน่อยได้ไหมครับ?”