เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับคำด่าของฉินเฉิง ผู้เฒ่าโหยวก็ไม่ได้โกรธอะไร เขาหัวเราะและพูดออกมาว่า “ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา นานมาแล้วที่ไม่มีใครมาด่าฉันแบบนี้”
“งั้นฉันจะทำจนกว่านายจะพอใจ” ฉินเฉิงยิ้ม “ตาเฒ่าเดรัจฉาน ตาเฒ่าหัวงู ตาแก่ ไอ้หน้าหมา….”
ด้วยคำพูดหยาบคายใบหน้าของผู้เฒ่าโหยวค่อยๆเย็นลงในที่สุด
“เจ้าสัตว์ร้าย รนหาที่ตายจริงๆ!” ผู้เฒ่าโหยวพูดออกมา ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสี
ต้นไม้ที่อยู่รอบๆลอยขึ้นมาทั้งรากของมันทันที ออร่าที่น่าสะพรึงกลัวกระจายไปทั่ว!
ฉินเฉิงอยู่ท่ามกลางพายุที่โกรธเกรี้ยว แต่เขายังคงนิ่งราวกับก้อนหิน
“ตอนแรกฉันแอบคิดว่านายสามารถตัดขาดกับโลกภานนอกได้จริงๆ แต่ทำไม? โกรธงั้นหรอ? ตาเฒ่า ฉันมาที่นี่ก็เพื่อจะจบชีวิตของนาย” ฉินเฉิงพูดออกมา จากนั้นเขาก็ปล่อยหมัดของเขาไปที่หน้าอกของผู้เฒ่าโหยวโดยไม่ได้พูดอะไร!
“ปัง!” เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น แต่ร่างกายของผู้เฒ่าโหยวยังคงไม่ขยับ!
ฉินเฉิงขมวดคิ้วและพูดออกมาด้วยความสงสัย ” ร่างกายของตาเฒ่าคนนี้ มันแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยเหรอ?”
“นี่คือเกราะอ่อน” ผู้เฒ่าโหยวยิ้มและพูดออกมา
เขากระแอมออกมา และเสื้อคลุมสีดำบนร่างของเขาก็แตกเป็นเสี่ยงๆเผยให้เห็นเนื้อสีเข้มของเขา
ร่างกายของผู้เฒ่าโหยวทุกตารางนิ้วห่อหุ้มด้วยสีดำ ส่องแสงระยิบระยับภายใต้แสงแดด
“ฉันใช้กระดูกของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่และเทคนิคลับของตะวันตกเฉียงใต้เพื่อสร้างเกราะอ่อนนี้ขึ้นมา” ผู้เฒ่าโหยวหัวเราะ “มันสามารถรับหมัดของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ได้อย่างสบายๆ”
“กระดูกของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่?”
ทุกคนตกใจจนเกือบจะหายใจไม่ออก บนโลกนี้ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่มายากเพียงใด!
แต่เกราะอ่อนที่ผู้เฒ่าโหยวทำขึ้นมานั้น เขาต้องใช้จำนวนของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่เท่าไรถึงจะสร้างมึงขึ้นมาได้?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของทุกคนก็มีความเคารพเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย!
“ถึงตาฉันแล้ว เจ้าเด็กเหลือขอ” สัมผัสที่โหดเหี้ยมเผยออกมาจากใบหน้าของผู้เฒ่าโหยว
“เดี๋ยวก่อน!”
และในตอนนั้นจู่ๆเซียงเหม่ยเอ๋อก็วิ่งเข้ามา
เธอประสานมือเพื่อทำความเคารพผู้เฒ่าโหยวและพูดออกมาว่า “สวัสดีคะ ผู้เฒ่าโหยว!”
ผู้เฒ่าโหยวพยักหน้าเล็กน้อย ยิ้มและพูดว่า “เหม่ยเอ๋อ ไม่เจอกันนานเลยนะ พ่อแม่ของเธอเป็นอย่างไรบ้าง?”
“พวกท่านสบายดี ตอนนี้พวกเขาก้าวไปถึงปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นที่ห้าแล้ว” เซียงเหม่ยเอ๋อยิ้มออกมา
เมื่อได้ยินอย่างนั้นผู้เฒ่าโหยวก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “คิดถึงภาพเก่าๆที่เคยมีร่วมกับพ่อแม่ของเธอ คิดไม่ถึงเลยแค่พริบตาเดียวมันจะผ่านมา 30 ปีแล้ว”
เซียงเหม่ยเอ๋อยิ้มออกมา “พ่อแม่ของฉันเล่าเรื่องของผู้เฒ่าให้ฟังบ่อยๆ บอกว่าพวกเขาสนิทกับผู้เฒ่ามากๆ”
ผู้เฒ่าโหยวโบกมือ “เอาละ เธอถอยไปก่อนเถอะ เดี๋ยวรอให้ฉันจัดการกับเด็กเหลือขอคนนี้ก่อน”
“ผู้เฒ่าโหยว!” และในตอนนั้นเองจู่ๆผู้เฒ่าโหยวก็เอนตัวและคุกเข่าลงไปกับพื้น
เธอเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “ผู้เฒ่าโหยว ฉินเฉิงเป็นเพื่อนของฉัน ถือว่าเห็นแก่หน้าพ่อแม่ของฉัน ได้โปรดท่านผู้เฒ่าช่วยไว้ชีวิตของเขาได้หรือไม่?”
“ไว้ชีวิต?” สีหน้าของผู้เฒ่าโหยวเคร่งขรึม “เหม่ยเอ๋อ เจ้าเด็กเหลือขอคนนี้มันกลืนเจ้าแห่งโอสถเข้าไปโดยไม่สนใจใคร ถ้าหากฉันปล่อยมันไป จะไม่ทำให้ถูกหัวเราะเยาะแย่หรอ?”
เซียงเหม่ยเอ๋อพูดอย่างกังวล “ผู้เฒ่าโหยว ฉินเฉิงยังเด็กไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ฉันจะให้เขาขอโทษคุณ ได้โปรดยกโทษให้เขาด้วย!”
ผู้เฒ่าโหยวจับเคราของเขา ดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอยู่
หลังจากนั้นผู้เฒ่าโหยวก็พูดออกมาว่า “เอางั้นก็ได้ เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่ดีต่อพ่อแม่ของเธอ ฉันสามารถไว้ชีวิตเขาได้ แต่…โทษประหารเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าจะให้ฉันยกโทษให้ เขาจะต้องมาคารวะฉัน และขอเข้าเป็นศิษย์ของฉัน!”
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที
รับเขาเป็นลูกศิษย์? นี่หรือเรียกว่าการลงโทษ มันคือรางวัลชัดๆ!
“ผู้เฒ่าโหยว คุณ..” หวงจิงเฉิงรู้สึกพูดไม่ออก ในตอนที่เขากำลังจะขัดขวาง
ผู้เฒ่าโหยวเหลือบมองมาที่เขา พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “ฉันมีแผนของฉัน และเรื่องนี้มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนาย”
เซียงเหม่ยเอ๋อรีบขอบคุณทันที หลังจากนั้นเธอก็รีบเดินไปหาฉินเฉิง กระซิบเบาๆว่า “ฉินเฉิง ไปขอโทษผู้เฒ่าโหยวซะ”
ฉินเฉิงเดินเอามือไขว้หลัง พูดออกมาว่า “เอาหละ ฉันขอโทษ เมื่อสักครู่ฉันไม่ควรเรียกคุณว่าตาเฒ่า”
ผู้เฒ่าโหยวหรี่ตาลงและมองมาที่ฉินเฉิง และในตอนที่เขากำลังจะพูดอะไรออกมา ในตอนนั้นฉินเฉิงก็พูดออกมาว่า “ฉันควรจะเรียกคุณว่าตาเฒ่าหน้าไม่อายต่างหาก!”
สีหน้าแห่งรอยยิ้มของผู้เฒ่าโหยวแข็งทื่อทันที ความโกรธของเขาพุ่งขึ้นจุดสูงสุด
“นายพูดว่าอะไรนะ!” ผู้เฒ่าโหยวถามออกมาด้วยความโกรธ
ฉินเฉิงยิ้มและตอบกลับไป “จะรับฉันเป็นศิษย์? นายคู่ควรกับมันแล้วเหรอ? ฉันว่าให้ฉันรับนายเป็นศิษย์มันน่าจะเหมาะสมกว่า”
“แกตาย!” ลมปราณที่น่าสะหรึ่งกลัวลอยขึ้นไปในอากาศทันที!
“ฉินเฉิง นายบ้าไปแล้วหรือไง!” สีหน้าของเซียงเหม่ยเอ๋อซีดขาว ตอนแรกเธออยากจะช่วยฉินเฉิง แต่ผู้เฒ่าโหยวก็พูดออกมาว่า “ถ้าหากวันนี้ฉันฆ่านายไม่ได้ ก็อย่ามาเรียกฉันว่าผู้เฒ่าโหยว!”
“ฆ่าฉัน? นายเนี่ยนะ?” ฉินเฉิงหัวเราะออกมา จากนั้นร่างกายของเขาก็ปล่อยลมปราณที่น่าสะพรึงกลัวออกมาเช่นกัน
ลมที่เกิดจากทั้งสองคนปะทะกัน ทำให้พื้นที่บริเวณรอบๆว่างเปล่า
“รนหาที่ตายจริงๆ” เนี่ยเทียนและคนอื่นๆยิ้มและพูดออกมา
“ความเย่อหยิ่งต้องแลกมาด้วยราคา ขนาดได้โอกาสที่ดีขนาดนี้แล้วยังไม่คิดจะรับเอาไว้ ฉันไม่เข้าใจจริงๆ”
ผู้เฒ่าโหยวมองมาที่ฉินเฉิงด้วยสายตาแห่งความโกรธ “เมื่อฉันฆ่าแก ฉันจะเปลี่ยนกระดูกของแกให้เป็นดาบและมอบมันให้กับทุกคน!”
ฉินเฉิงหัวเราะออกมา “เมื่อฉันฆ่านายแล้ว ฉันจะเอาสมองของนายมาทำเป็นลูกบอลและโยนให้ทุกคนเตะเล่น!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ฉันจะฆ่าแกเดี๋ยวนี้!” ผู้เฒ่าโหยวตะโกนออกมาด้วยความบ้าคลั่ง “ฝ่ามือแปดอรหันต์!”
หลังจากที่ตะโกนออกไป ผู้เฒ่าโหยวก็ยกฝ่ามือขึ้น อากาศจำนวนมากมารวมอยู่ที่บริเวณฝ่ามือของเขา ขนาดราวๆเท่ากับภูเขาหนึ่งลูก!
พลังที่อยู่ในฝ่ามือนี้ช่างน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก
อากาศที่รวบรวมอยู่บนฝ่ามือของเขาพัดอย่างโกรธเกรี้ยว!
พื้นที่โดยรอบถูกบดขยี้โดยตรง และแม้แต่ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ก็ยังรู้สึกกดดันอย่างมาก!
เซียงเหม่ยเอ๋อกัดฟันและพูดออกมา “อย่านะ!”
ในตอนนั้นฉินเฉิงกันเธอออกไป และพูดออกไปว่า “ถอยไปห่างๆหน่อย อย่าเข้ามายุ่ง”
เซียงเหม่ยเอ๋อผงะไปครู่หนึ่ง กัดฟันและพูดออกมา “เจ้าคนโง่ นายไม่รู้หรือไงว่าอะไรควรอะไรไม่ควร!”
“ตู้มมม!”
ฝ่ามือขนาดใหญ่กำลังกดลงมาที่พื้น พื้นที่รอบๆถูกทำลายโดยไม่เหลือชิ้นดี!
ฝุ่นคลุ้งไปทั่ว ทุกคนต่างรีบหาที่หลบเพราะเกร่งว่าตนเองจะโดนลูกหลง!
และเมื่อฝ่ามือขนาดใหญ่ตกลงมา ก็เกิดเสียงก้องกังวานไปทั่วป่าลึก
“จบแล้ว” ผู้เฒ่าโหยวเอามือสองข้างไขว้หลังและพูดออกมา
“เจ้าหนุ่มนั่นคงไม่เหลือแม้แต่เศษเนื้อ” เนี่ยเทียนส่ายหน้าและพูดออกมา
หวงจิงเฉิงหัวเราะออกมา “ฝ่ามือนี้สามารถทำลายภูเขาได้ทั้งลูก แล้วนับประสาอะไรกับร่างกายของคน”
ซูอี้ซิ่วที่อยู่ไม่ไกลเองก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขาหันมาและยิ้ม “ผู้เฒ่าโหยว คุณวางใจ เรื่องนี้ผมจะเอาไปรายงานกับตระกูลซู แต่ไม่ทราบว่าสามารถมอบศีรษะของฉินเฉิงให้กับผมได้ไหม? ผมจะเอากลับไปที่ตระกูลซู”
ผู้เฒ่าโหยวพยักหน้าและพูดออกมาว่า “ได้อยู่แล้ว นายน้อยซูไม่ต้องเกรงใจ เรื่องแค่นี้เอง”
“นายมีโอกาสทำแบบนั้นด้วยเหรอ?” ในตอนนั้นเสียงที่เยือกเย็นก็ดังขึ้นมาทันที
เมื่อหันไปมอง ก็เห็นฉินเฉิงยื่นอยู่ที่เดินไม่ได้หลบหรือซ่อนแต่อย่างใด!