คิ้วของซูหยู่ก็ขมวดขึ้นมาเล็กน้อย ดวงตาของเค้ามันก็จ้องมองไปที่พ่อบ้านในทันที
จู่ๆ พ่อบ้านก็ตกใจแล้วเหงื่อออก เค้าตัวสั่นเล็กน้อย
“เฝิงกงแพ้จริงๆเหรอ?” เสียวหยู่เชี้ยนไม่แปลกใจมาก เธอยังคงพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูนิ่งเฉยของเธอ
“ดูเหมือนว่าฉินเฉิงนี่ มันก็พอมีความสามารถอยู่บ้างนะ” ซูหยู่ลูบคางของเค้า
ผู้อาวุโสสองคนในชุดยาวที่เค้าเอาไปเมื่อครั้งล่าสุด เค้าก็ยังไม่ถึงระดับขั้นของพลังปราณระดับปรมาจารย์เลยด้วยซ้ำ แต่ฉินเฉิงนี่ก็ดูเหมือนว่าเค้าจะพอมีความสามารถอยู่บ้าง
ในช่วงเวลาสั้นๆ ฉินเฉิงก็สามารถเอาชนะพวกเค้าที่เป็นระดับขั้นของพลังปราณระดับปรมาจารย์
ความสามารถดังกล่าวมันค่อนข้างน่าแปลกใจ
“สิ่งที่ขาดไม่ได้มากที่สุดในเมืองจิงตูก็คืออัจฉริยะ” ซูหยู่ก็พึมพำขึ้นมาเบาๆ “แต่อัจฉริยะพวกนั้นมันก็ทำอะไรไม่ได้มากหรอก”
พ่อบ้านก็ถึงกับกลืนน้ำลาย เค้ารวบรวมความกล้าแล้วพูดออกมาว่า: “คุณนายรอง คุณชายซู ฉินเฉิงคนนี้จะกลายเป็นเย่อชิงยุนคนต่อไปได้ไหมครับ?”
“เย่อชิงยุน?” เสียวหยู่เชี้ยนก็อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย “เหตุผลที่ในตอนนั้น เย่อชิงยุนสามารถก้าวไปสู่จุดนั้นได้ก็เพราะ เค้าอยู่ถูกที่ถูกเวลา เพราะในตอนนั้นมันก็ไม่มีคนที่เก่งมากไปกว่าเย่อชิงยุนเข้ามาที่เมืองจิงตู”
“ในโลกนี้มันมีเย่อชิงยุนได้เพียงแค่คนเดียวก็เท่านั้น” ซูหยู่ก็พยักหน้าเล็กน้อย
ในตอนที่เย่อชิงยุนมีชื่อเสียง ตอนนั้นก็มีคนใหญ่คนโตที่เดินทางมาจากแดน เค้าต้องการคนที่มีพรสวรรค์อย่างเร่งด่วน นี่มันก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมเย่อชิงยุนถึงได้เลื่อนตำแหน่ง
แต่หลังจากนั้น ก็มีกลุ่มคนที่มีความสามารถที่รวมตัวกันขึ้นมา
และตั้งแต่ที่เย่อชิงยุนจากไป คนที่มีความสามารถก็ไม่มีใครที่ได้รับการคัดเลือกอีกเลย
ในความคิดของยักษ์ใหญ่อย่างตระกูลซู ไม่ว่าเค้าจะเก่งกาจมากแค่ไหนก็ตาม มันก็ไม่มีค่าพอที่จะพูดถึง
ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลซูเองก็ไม่ได้ขาดแคลนอัจฉริยะ ซูหยู่เองก็เป็นหนึ่งในนั้น
“คุณนายรอง จะให้ผมส่งคนไปติดตามเค้าไหมครับ” พ่อบ้านถาม
เสียวหยู่เชี้ยนโบกมือของเธอขึ้นมาแล้วพูดว่า “มันก็แค่ระดับขั้นของพลังปราณระดับปรมาจารณ์ก็เท่านั้น มันไม่มีค่าพอที่จะให้ตระกูลซูของฉันใส่ใจเลยด้วยซ้ำ”
ในขณะนี้ ตระกูลซูก็ไม่ได้สนใจฉินเฉิงเลย
แต่ในเวลาเดียวกัน พวกเค้าก็เสียงเงินกับเรื่องนี้ไปมาก มันก็เลยจำเป็นต้องพูดถึง
…
หลังจากการต่อสู้ของฉินเฉิง มันก็ทำให้เค้ามีชื่อเสียงในทันที
เพียงแค่เวลาชั่วข้ามคืนเท่านั้น ชื่อของฉินเฉิงมันก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเอกของมณฑล
คนใหญ่คนโตหลายคนต้องการผูกมิตรกับพวกเค้า แต่พวกเค้าก็ถูกปฏิเสธอย่างน่าสลดใจ
ในตอนกลางคืน ฉินเฉิงก็กำลังจะพักผ่อน ในตอนนี้เองเฝิงเฉินก็มาที่บ้านตระกูลซู
“คุณฉิน” คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉินเฉิงก็คือเฝิงเฉิน เค้าดูตื่นตระหนก
ฉินเฉิงเหลือบมองเค้าและถามขึ้นมาว่า: “มีเรื่องอะไร?”
เฝิงเฉินหยิบกล่องของขวัญออกมา เค้าพูดด้วยความเคารพว่า “พ่อของฉันเอามันมาให้”
กล่องของขวัญได้รับการทำขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อให้มั่นใจถึงประสิทธิภาพสูงสุดของยา
ฉินเฉิงหยิบกล่องของขวัญมาแล้วโยนทิ้งไป จากนั้นเขาก็มองไปที่เฟิงเฉินอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ทำไมพ่อของนายไม่มาด้วยตัวเอง?”
เฟิงเฉินรีบแก้ตัว: “พ่อเค้าได้รับบาดเจ็บสาหัสและเค้ากำลังพักฟื้น เค้าไม่สามารถเคลื่อนไหวได้จริงๆ คุณฉิน ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย…”
ฉินเฉิงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วตบโซฟา เพื่อให้เค้านั่งลง
เฟิงเฉินรู้สึกดีใจในทันที เค้านั่งลงข้างฉินเฉิงแล้วหยิบเอกสารกองหนึ่งมาจากผู้ช่วยของเค้า
“นี่คือรายการทรัพย์สินของตระกูลเฝิง ลองดูครับ” เฝิงเฉินพูดพร้อมกับก้มหน้าลง
ฉินเฉิงรับรายการมาแล้วมองดู เค้าเองก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจเล็กน้อย
อุตสาหกรรมของตระกูลเฝิงมันใหญ่มากจนเกือบจะคลอบคลุมทั้งมณฑล ปินโจว แม้แต่เมืองปีนังเองก็มีทรัพย์สินของตระกูลเฝิง
“ตระกูลเฝิงเป็นตระกูลศิลปะการต่อสู้ ทำไมถึงมีทรัพย์สินมากมายขนาดนี้?” ฉินเฉิงกล่าวด้วยความงุนงง
เฝิงเฉินอธิบายว่า: “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายบริษัทได้แสวงหาการขยายกิจการ ตระกูลเฝิงของเราก็ใช้โอกาสนี้ในการเข้าซื้อหุ้น หลังจากสะสมมาหลายปี ก็มีอยู่อย่างที่เห็นนี่แหละครับ”
ฉินเฉิงพยักหน้าเล็กน้อย เค้าหยิบเอกสารแล้วโยนทิ้งไป จากนั้นเค้าก็พูดขึ้นมาว่า “ฉันไม่ดูของพวกนี้หรอก ตระกูลเฟิงของนายเพียงแค่ต้องส่งส่วยให้ฉันทุกเดือนก็พอ”
“ครับ ผมเข้าใจแล้ว” เฟิงเฉินรู้สึกขมขื่นในใจ หลายปีมานี้ ตระกูลเฟิงก็ได้รับการยกย่องจากคนอื่น!
“ยังไงก็เถอะ ตระกูลเฝิงของนายมันเกี่ยวอะไรกับเมืองซวนหมิง?” ในตอนนี้หัวข้อสนทนามันก็เปลี่ยนไปในทันที
เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของเฟิงเฉินก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย มันเห็นได้ชัดว่าเกร็งเล็กน้อย
“เมืองซวนหมิงกับตระกูลเฟิงก็เกี่ยวข้องกันแค่การสั่งซื้อก็เท่านั้น…” เฝิงเฉินกล่าวว่า “ยาจิงหยวนหนึ่งเม็ดก็ราคา 300,000 หยวน พวกเค้าซื้อเฉลี่ยปีละสองครั้ง…”
ฉินเฉิงมองดูเค้าอย่างเย็นชา รูม่านตาของเค้ามันดูราวกับบ่อน้ำโบราณที่ไม่รู้ตื้นลึก
“นายไม่พูดความจริง” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาแล้วตบหน้าเฝิงเฉินดัง “ผั๊วะ”
เฝิงเฉินจับหน้าของเค้าแล้วลุกขึ้นมา เค้าพูดด้วยความหวาดกลัวว่า: “ได้โปรด… ได้โปรด คุณฉิน ยกโทษให้ผมด้วย…”
“พูดความจริงออกมา” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
เฟิงเฉินรู้ว่าเค้าไม่สามารถซ่อนมันได้อีก ดังนั้นเค้าจึงทำได้เพียงแค่บอกความจริง
“เรามีความสัมพันธ์แบบร่วมมือกับเมืองซวนหมิง ทุกปีตระกูลเฝิงจะจัดหาลูกศิษย์พลังปราณระดับปรมาจารย์สองสามคนกับผู้หญิงให้กับเมืองซวนหมิง … ” เฝิงเฉิงพูดขึ้นมาพร้อมกับเหงื่อที่หน้าผากของเค้า มันไหลลงมาราวกับเม็ดฝน
สีหน้าของฉินเฉิงเย็นชาลง ทันใดนั้นรัศมีการสังหารก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเค้า
“ตระกูลเฝิงไม่ควรมีอยู่บนโลกนี้จริงๆ” เสียงของฉินเฉิงเย็นชามาก
เฝิงเฉินรู้สึกสิ้นหวัง: “มันไม่เกี่ยวกับผม ผมไม่รู้อะไรเลย ผมมีหน้าที่รับผิดชอบในการรับสินค้าเท่านั้น…”
ฉินเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เค้าสัญญาแล้วว่าจะปล่อยตระกูลเฝิงไปแล้ว การที่เค้าจะทำแบบนี้มันก็ไม่เหมาะสมซะเท่าไหร่
“ตั้งแต่วันนี้ไป ยกเลิกการติดต่อกับเมืองซวนหมิงซะ” ฉินเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ถ้าฉันพบว่าพวกแกยังทำเรื่องแย่ๆพวกนี้อยู่อีก ตระกูลเฝิงมันก็ไม่จำเป็นต้องมีอยู่อีกต่อไป”
“ครับ ครับ” เฝิงเฉินพยักหน้าอย่างสิ้นหวัง
“ออกไปจากที่นี่ซะ” ฉินเฉิงโบกมือด้วยความรำคาญ
ในตอนนี้เอง เฉินคุนก็ได้พาเฉินจงมาที่บ้านของตระกูลซู
เมื่อเห็นฉากนี้ต่อหน้าต่อตา เฉินจงก็อดไม่ได้กับท่าทีของเค้า
ดูเหมือนว่าการยอมจำนนของตระกูลเฝิงนั้นมันจะแน่นอนอยู่แล้ว
“ผมเคยเจอคุณฉินแล้ว” เฉินคุนเป็นคนฉลาด เขาไม่แม้แต่จะมองเฝิงเฉิน เค้าทำราวกับว่าไม่เคยเห็นฉากนี้มาก่อน
“คุณเป็นพ่อของเฉินจงอย่างงั้นเหรอ?” ฉินเฉิงก็ถามขึ้นมา
เฉินคุนพยักหน้าอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “คุณฉินเป็นคนรอบรู้จริงๆ”
“มีอะไรเหรอ?” ฉินเฉิงถามอย่างสงสัย
เฉินคุนยิ้มแล้วพูดว่า: “ผมสั่งสอนลูกชายไม่ดีพอ เฉินจงทำให้คุณขุ่นเคือง ผมในฐานะพ่อก็ต้องรับผิดชอบด้วย
หลังจากพูดจบ เค้าก็หยิบมีดพกออกมาจากแขนของเค้าแล้วเฉือนเข้าไปที่ฝ่ามือ
เลือดพุ่งออกมาในทันที มันย้อมพรมของบ้านตระกูลซูให้เป็นสีแดง
สิ่งนี้ทำให้ฉินเฉิงประหลาดใจ การทำแบบนี้ สำหรับฉินคุนแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!
เมื่อมองไปที่เฉินคุนอีกครั้ง สีหน้าของเค้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากการเฉือนฝ่ามือของตัวเอง มันดูราวกับว่าไม่ใช่มือของเค้าที่ได้รับบาดเจ็บจากมีด
ฉินเฉิงลุกขึ้นมาแล้วยิ้ม: “คุณเฉินไม่ต้องทำแบบนี้หรอก เด็กหนุ่ม การที่เค้าจะก้าวร้าวบ้างมันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร”
เฉินคุนเอนหลังแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างงั้นก็ขอบคุณคุณฉินมากครับ ถ้าต่อไปคุณมีอะไรจะให้ตระกูลเฉินรับใช้ ก็บอกมาได้เลยนะครับ”
หลังจากส่งเฉินคุนไปแล้ว ฉินเฉิงแทบรอไม่ไหวที่จะเปิดกล่องของขวัญนั่น
โสมพันปีนี้ได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างดี มันเรียกได้เลยว่าเป็นโสมที่ดีที่สุดที่เค้าเคยเจอมา
ในตอนที่กำลังเล่นกับต้นโสมอันนี้ เค้าอดคิดในใจไม่ได้ว่า “ตระกูลเฝิงมีอำนาจมากขนาดนี้ ถ้าฉันสามารถไล่ตระกูลศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดได้หละ อย่างงั้นการพัฒนาของฉันมันก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมใช่ไหม?”