เมื่อเห็นเฝิงหลิงโกรธ เฝิงเสี่ยวคายก็ดีใจมาก และได้ใส่นมใสไข่เพิ่มเข้าไปอีก: “ใช่ มันเลวมาก ไม่เห็นตระกูลเฝิงของเราอยู่ในสายตาเลย ถ้าทุกคนกล้าทำแบบนี้ ตระกูลเฝิงของเราจะมีที่ยืนได้ยังไง?
เฝิงหลิงหายใจเข้าลึกๆและโบกมือ: “ปล่อยข่าวออกไป ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตระกูลเฝิงต้องการชีวิตของฉินเฉิน ถ้าใครมาร้องขอชีวิต ก็ถือว่าเป็นศัตรูกับตระกูลเฝิงของเรา!”
เฝิงเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “นี่มันพลุ่งพล่านเกินไปหน่อยไหม? รอให้พ่อกลับมาก่อนค่อยว่ากันไหม?”
“ไม่จำเป็น” เฝิงหลิงพูดอย่างเย็นชา “พ่อไม่อยู่ และพี่ชายคนโตไปที่ชายแดนอีกครั้ง ดังนั้นในตระกูลเฝิงฉันเป็นคนตัดสินใจ”
“แล้วชายชราซู…” เฝิงเฉินดูกังวลเล็กน้อย
เฝิงหลิงพูดเบาๆ : “เขาจะต้องมาขอร้องอย่างแน่นอน แต่ฉันได้คิดหาวิธีตอบสนองแล้ว ไม่ต้องกังวลไป”
เมื่อเห็นท่าทีที่แน่วแน่ของเฝิงหลิง เฝิงเฉินไม่ได้พูดอะไรอีก และทำได้เพียงสั่งให้คนทำตามเท่านั้น
ไม่นาน ข่าวก็แพร่ไปในเมืองหลวง และชั่วขณะหนึ่ง มีคนใหญ่คนโตในเมืองหลวงกำลังพูดถึงเรื่องนี้อยู่
“ใครคือฉินเฉิน?ทำไมตระกูลเฝิงถึงโกรธได้เพียงนี้”
“ชายหนุ่มที่เพิ่งโผล่ออกมา ได้ข่าวว่าเขาเอาชนะปี้เสี่ยวเหยา”
“ฮ่าฮ่า ตระกูลเฝิงตั้งใจจะใช้โอกาสนี้ประกาศศักดา”
“เชือดไก่ให้ลิงดู”
ในตระกูลซู ใบหน้าของชายชราซูเรียบเฉย และดูเหมือนเขาจะไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ท่านปู่ ยังไม่คิดหาวิธีหน่อยหรือ” ซูวานพูดด้วยน้ำเสียงประณาม “สถานการณ์ตอนนี้ เกินการควบคุมของปูแล้ว”
“ใช่” ชายชราซูพยักหน้าเล็กน้อย “สิ่งต่างๆอยู่เหนือการควบคุมของฉันแล้ว”
เขาไม่คิดว่าฉินเฉินจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเมืองหลวได้เร็วแบบนี้
ตามการแผนของชายชราซู ถ้าจะมาถึงจุดนี้ อย่างน้อยต้องใช้เวลาสามปีหรือมากกว่านั้นอีก
“แต่ฉันไม่กังวล” ชายชราซูพูดด้วยรอยยิ้ม “พวกเธอไม่ต้องกังวล ฉันเชื่อว่าฉินเฉินสามารถจัดการเรื่องนี้ได้แน่นอน”
“เฝิงกงคนนั้นเป็นคนที่ผู้คนนับหมื่นนับถือ ฉินเฉินอายุแค่เท่าไหร่เอง ทำไมถึงได้ใจร้ายแบบนี้” ซูวานพูดอย่างไม่มีพอใจ
ชายชราซูหัวเราะเสียงดังและพูดว่า “เฝิงกงเป็นเคนรุ่นเดียวกับฉัน เธอคิดว่าเขาจะจัดการกับคนรุ่นหลานหรือ? แบบนั้นมันไม่เป็นการทำให้คนหัวเราะเยาะหรือ!”
“แล้วถ้าไม่เป็นแบบนั้นล่ะ” ซูวานพูดอย่างไม่มั่นใจ
ชายชราซูเงียบไปครู่หนึ่งแล้วยิ้ม: “ถ้าสิ่งต่างๆมาถึงจุดนั้นจริงๆ ฉันจะออกมาประนีประนอมกับพวกเขา”
…
บ้านตระกูลเฝิง ล็อบบี้ของวิลล่า
“เราปล่ยอข่าวออกไปสามวันเต็มๆแล้ว ชายชราซูกับไม่โทรมาร้องขอใหอภัย?” เฝิงหลิงประหลาดใจมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อนึกถึงเรื่องนี้
“บางทีชายชราซูอาจจะตัดหางปล่อยวัดไอ้เด็กคนนั้นแล้ว” เฝิงเฉินเดา
เฝิงหลิงส่ายหัว “เป็นไปไม่ได้ ฉินเฉินมีความสำเร็จเช่นนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย ในเมืองหลวง ไม่มีตระกูลใดคิดจะทอดทิ้งอัจฉริยะเช่นนี้แน่นอน”
ทันใดนั้น ดูเหมือนเขาจะคิดอะไรบางอย่าง ดวงตาของเขาก็หรี่ลง และเขาก็กระซิบด้วยเสียงต่ำๆ ว่า “ดูท่าแล้วตระกูลซูไม่ได้เห็นเราอยู่ในสายตา…”
เฝิงหลิงโบกมือทันที และมีคนแปดคนเดินเข้ามาทันที
ทั้งแปดคนนี้ เป็นพลังปราณระดับปรมาจารย์ขั้นเก้าของตระกูลเฝิง และพวกเขายังเป็นกำลังชั้นยอดที่สุดในตระกูลเฝิงอีกด้วย
“พวกนายไปกับฉัน ไปเยี่ยมฉินเฉิน” เฝิงหลิงกล่าวอย่างเย็นชา
“พี่รอง เพื่อฉินเฉินคนเดียว ระดมพลขนาดนี้ นี่มันทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไหมล่ะ?” เฝิงเสี่ยวคายรู้สึกกลัวเล็กน้อย และรู้สึกว่าเขาได้ก่อภัยพิบัติครั้งใหญ่
เฝิงเฉินยิ้มและกล่าวว่า “เสี่ยวคาย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเธออีกแล้ว แต่มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีตระกูลเฝิงของเรา”
เฝิงเสี่ยวคายเปิดปาก แต่ไม่ได้พูดอะไรอีก
…
“เฮ้ นายไม่ได้ยินหรือว่าตระกูลเฝิงจะมาฆ่าคุณ??” บนถนน ฟางเสี่ยวเต๋อพูดอย่างกังวล
ฉินเฉินพยักหน้าและพูดว่า “ฉันได้ยินแล้ว แล้วไงล่ะ?”
“ถ้าอย่างนั้นคุณยังกล้าเดินไปตามถนนด้วยความโอ้อวดหรือ? คุณบ้าไปแล้วหรือ?” ฟางเสี่ยวเต๋อพูดอย่างกระตือรือร้น “พรุ่งนี้ฉันจะให้พ่อส่งคุณไปที่สำนักงานรักษาความปลอดภัย ตระกูลเฝิงกล้ายังไงก็ไม่กล้าบุกไปที่สำนักงานรักษาความปลอดภัยแน่!”
ฉินเฉินกลอกตาและพูดว่า “พ่อของเธอสอนเธอพูดแบบนี้ใช่ไหม?”
ฟางเสี่ยวเต๋อผงะ แล้วใบหน้าของเธอก็แดง
“ไม่นะ ฉันเป็นห่วงคุณต่างหาก…”ฟางเสี่ยวเต๋อกระซิบ
“ถ้าฉันไปที่สำนักงานรักษาความปลอดภัยส์จริงๆ ฉันเกรงว่าฉันจะถูกผูกไว้กับสำนักงานรักษาความปลอดภัยในอนาคตแน่ๆ” ฉินเฉินกลอกตา “ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ควรจะกลัวคือตระกูลเฝิง”
หลังจากพูดจบ ดวงตาของฉินเฉินก็ฉายแววดูชั่วร้ายโดยไม่รู้ตัว
เผชิญหน้ากับคนร้าย อย่าได้ปราณี!
“ไม่กลัวตายจริงๆ ไม่สนคุณแล้ว”ฟางเสี่ยวเต๋อพึมพำ
ฉินเฉินยิ้มและไม่สนใจ
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาได้สืบข่าวเกี่ยวกับตระกูลเฝิง เหตุผลหลักว่าทำไมตระกูลเฝิงถึงมีสถานะในวันนี้ เหตุผลหลักเพราะมีเจ้าแห่งพลังปราณ เฝิงกง
แต่เฝิงกงยังจำศีลอยู่ เขาไม่มีทางต่อกรกับฉินเฉินแน่นอน
ส่วนที่เหลืออยู่ในระดับปรมาจารย์ แม้ว่าระดับปรมาจารย์และเจ้าแห่งพลังปราณจะห่างกันเพียงระดับเดียว แต่ก็แตกต่างกัน และทั้งสองไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย
ดังนั้น ฉินเฉินจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเลย
เมื่อฉินเฉินเดินไปตามถนน เขาค่อนข้างสบายๆ ไม่เห็นร่องรอยของความตื่นตระหนก ราวกับว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลย
เดินจนถึงเย็น ฉินเฉินยังไม่มีความตั้งใจที่จะกลับบ้าน
“มืดแล้ว ยังไม่มาอีกหรือ” ฉินเฉินอดไม่ได้ที่จะพึมพำขณะมองดูแสงจันทร์
“ดูเหมือนว่าแกกำลังตั้งตารอ” ในขณะนี้ มีคนกลุ่มหนึ่งเดินออกจากความมืด
คนที่เดินนำคือเฝิงหลิงหัวหน้าตระกูลเฝิง
หน้าตาของเขาค่อนข้างคล้ายกับเฝิงเฉิน แต่ความแตกต่างก็คือเขามีออร่าของผู้นำ
“ถ้าฉันเป็นแก ฉันจะหาที่ซ่อนหรือออกจากเมืองหลวง” เฝิงหลิงกล่าวอย่างเย็นชา
ฉินเฉินเหล่มองเฝิงหลิงและพูดด้วยเสียงต่ำ “คุณรู้ไหมว่าการกระทำของคุณจะส่งผลอย่างไรต่อตระกูลเฝิง?”
เส้นเลือดที่หน้าผากของเฝิงหลินนูนขึ้น และเห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเขาไม่ได้เห็นตระกูลเผิงอยู่ในสายตาเลย
“ถ้าแกขอความเมตตาจากฉันและคืนยาจิงหยวนให้ฉัน ฉันอาจเห็นแก่หน้าของชายชราซูและไว้ชีวิตแก” เฝิงหลิงสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูด
“คนพูดแบบนี้ฉันได้ยินมามากแล้ว” ฉินเฉินส่ายหัว “คนอื่นกลัวตระกูลเฝิงของคุณ แต่ฉันไม่กลัว”
หลังจากพูดแล้ว ใบหน้าของฉินเฉินก็ค่อยๆเย็นชา
นับตั้งแต่ก้าวเข้าเจ้าแห่งพลังปราณ แรงอาฆาตของฉินเฉินนับวันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่รู้สึกเห็นใจใครอีกแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น เฝิงหลิงคนนี้ก็มาหาที่ตายอีก!
“เมื่อฉันฆ่าแก ฉันจะขอโทษชายชราซูเป็นการส่วนตัว” เฝิงหลิงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว และลมหายใจของทั้งเก้าคนก็ระเบิดทันที!
ทันใดนั้น ทรายและโขดหินปลิวไป ลมและเมฆเปลี่ยนสี และรัศมีอันน่าสะพรึงกลัวทำให้ผู้สัญจรไปมาสั่นสะท้าน
พลังที่ปะทุโดยคนทั้งเก้า แม้แต่ปรมาจารย์แห่งพลังภายในธรรมดาก็แทบจะไม่สามารถต้านทานได้!
อย่างไรก็ตาม ฉินเฉินยังสงบและมั่นคงราวกับก้อนหิน
“แค่เนี้ย?” ฉินเฉินเลิกคิ้วขึ้นและยิ้ม