ทุกคนตะลึงกับฉากนี้ พวกเขามองหน้ากัน ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
“กะ…เกิดอะไรขึ้น?” จี้เซียงกลืนน้ำลายลงไป
“ไม่…ไม่รู้เหมือนกัน หรือว่า…ปี้เกอจะล้มลงไปแล้ว?”
“แบบนั้น…น่าจะลอยออกไปมากกว่าไหม?”
ฉินเฉิงที่อยู่บนเวทีมองไปที่ปี้เสี่ยวเหยาอย่างเงียบๆ สีหน้าของเขาไม่ได้แสดงอารมณ์หรือว่ารู้สึกใดๆออกมาเลย
ปี้เสี่ยวเหยามองมาที่มือของเขาและพึมพำออกมา “นี่มันเป็นไปได้อย่างไร….มันเป็นไปได้อย่างไร…”
“นายแพ้แล้ว” ฉินเฉิงพูดออกไปอย่างเฉยเมย
ในตอนนั้นดูเหมือนว่าปี้เสี่ยวเหยายังคงไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น สีหน้าของเขาแสดงออกมาถึงความไม่เชื่อ เขานั่งลงกับพื้นและมองไปที่มือทั้งสองข้างของเขา
ทั่วทั้งสถานที่เกิดความเงียบสงัด ไม่มีใครกล้าพูดออกมา
“ว้าว ฉินเฉิง นายทำได้!” ฟางเสี่ยวเต๋อรีบวิ่งขึ้นเวที จากนั้นก็วิ่งไปที่กอดในอ้อมแขนของฉินเฉิง
เมื่อเห็นอย่างนั้นฉินเฉิงก็แอนตัวหลบทันที ทำให้ฟางเสี่ยวเต๋อแตะไม่โดนตัวของฉินเฉิงและล้มลงกับพื้นในทั้งอย่างนั้น
“โอ๊ย….” ฟางเสี่ยวเต๋อจับไปที่ก้นของเธอ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเธอเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
“ฉันไม่ได้อนุญาตให้เธอเข้ามากอดฉัน” ฉินเฉิงยิ้มและพูดออกมา
ฟางเสี่ยวเต๋อปัดไปที่ก้นของเธอ จากนั้นก็ต่อว่าฉินเฉิง “นายนี่มันแย่จริงๆ ทำไมถึงไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย! ฉันจะฆ่านาย!”
ผู้คนที่อยู่ด้านล่างของเวทีต่างกลืนน้ำลาย แม้ว่าฟางเสี่ยวเต๋อคนนี้จะชอบสร้างปัญหา แต่ว่ารูปร่างหน้าตาของเธอก็จัดได้ว่าเป็นหญิงที่งดงาม!
ผู้หญิงที่สวยขนาดนั้นวิ่งเข้าไปกอด ทำไมเขาต้องหลบด้วย?
ในตอนนั้นปี้เสี่ยวเหยาก็ลุกขึ้นมาจากพื้น
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอัปยศ และร่างกายที่ใหญ่โตของเขาสั่นเทา
แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเต็มใจที่จะเชื่อ แต่ความจริงก็คือความแข็งแกร่งของพวกเขาสองคนไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน
ปี้เสี่ยวเหยารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าฉินเฉิงแค่ขยับแขนของเขาเบาๆเท่านั้นก็สามารถจัดการกับเขาได้แล้ว ถ้าหากฉินเฉิงเป็นนักฆ่าตอนนี้เขาก็คงตายไปแล้ว
“ด้วยความแข็งแกร่งระดับนี้….เกรงว่าคงจะอยู่ในขั้นของปรมาจารย์แล้ว” ปี้เสี่ยวเหยาพูดออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
“ฉันแพ้แล้ว ” ปี้เสี่ยวเหยาก้าวไปข้างหน้าและพูดด้วยใบหน้าที่เย็นชา
ฉินเฉิงยิ้มและพูดออกมาว่า “ยังจำสัญญาที่เราเคยพูดกันไว้ก่อนเริ่มได้ไหม? ฉันคิดว่าคุณปี้คงจะไม่ผิดสัญญา?”
ปี้เสี่ยวเหยาไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น เขาถอยหลังไปสองสามก้าว ก้มหน้าและพูดออกมาว่า “พี่ใหญ่”
“พี่…พี่ใหญ่?” ทุกคนต่างตกใจขึ้นมาอีกครั้ง ต้องรู้ก่อนว่าปี้เสี่ยวเหยาคนนี้เป็นคนที่โอหังเพียงใด!
แม้แต่ทายาทรุ่นที่สองในเมืองหลวง เมื่อมาอยู่ต่อหน้าของปี้เสี่ยวเหยาคนนี้แล้วเขาเองก็ยังไม่สนใจ! แม้ว่าเขาจะให้ความเคารพเพียงใดหรือสถานะสูงส่งแค่ไหน! คนที่ทำให้เขาเรียกว่าพี่ใหญ่ มันจะเป็นไปได้เหรอ?
เมื่อเรียกคำพี่ใหญ่ออกมา ปี้เสี่ยวเหยาก็ลุกขึ้นและเดินจากไป
“รอก่อน” ในตอนนั้นจู่ๆฉินเฉิงก็เรียกเขาเอาไว้
ปี้เสี่ยวเหยาหันกลับมาด้วยสีหน้าที่เย็นชา “ยังจะเอาอะไรอีกหละ?”
ฉินเฉิงหัวเราะออกไป “วันนี้เพื่อที่จะไม่ให้ฉันลงแข่งมีคนวางยาพิษในอาหารของฉัน และฉันคิดว่ามันคงจะเป็นคนของนาย”
“เป็นไปไม่ได้!” ปี้เสี่ยวเหยาส่ายหน้าอย่างรุนแรงโดยไม่คิดอะไรทั้งนั้น “คนอย่างฉัน ปี้เสี่ยวเหยาไม่เคยทำเรื่องชั่วร้ายอะไรแบบนั้น!”
ฉินเฉิงไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น เขากวาดสายตามองไปที่ผู้คน และเห็นว่าแววตาของจี้เซียงมีความตื่นตระหนกมากกว่าปกติ
ดังนั้นฉินเฉิงจึงยกมือขึ้นและชี้ไปที่เขา “นาย ขึ้นมา”
“ฉัน?” จี้เซียงชี้มาที่ร่างกายของตัวเอง สีหน้าของเขาแสดงให้เห็นถึงความตื่นตระหนกที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
“นาย…นายจะเรียกฉันขึ้นไปทำไม…” ฉินเฉิงตอบออกมาด้วยความตื่นตระหนก
“ฉันให้นายขึ้นมานายก็ขึ้นมา ทำไม หรือจะให้ฉันลงไปหานายด้วยตัวเอง?” ฉินเฉิงยิ้มและพูดออกมา
เมื่อได้ยินแบบนั้นร่างกายของจี้เซียงก็สั่นขึ้นมาทันที เขารีบวิ่งขึ้นไปบนเวที
เขาขึ้นมายืนอยู่หน้าของฉินเฉิง เห็นได้ชัดเจนว่าตอนนี้จี้เซียงมีพิรุจอย่างเห็นได้ชัด หน้าฝากของเขามีเหงื่อไหลออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน
“ไหนลองอธิบายออกมาหน่อย” ฉินเฉิงพูดออกไปด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น
“ใหฉันอธิบายอะไร ฉันไม่เข้าใจว่านายกำลังพูดอะไรอยู่…” จี้เซียงปากแข็งพูดออกมา
ฉินเฉิงหัวเราะอย่างเยือกเย็น “นายคิดว่านายไม่พูดแล้วฉันจะทำอะไรไม่ได้ใช่ไหม?”
เมื่อจี้เซียงได้ยินแบบนั้น ขาทั้งสองข้างของเขาก็อ่อนลงทันที อีกนิดเดียวกับจะล้มลงไปกับพื้น
เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับฉินเฉิงอย่างตรงไปตรงมา เขาก็รู้สึกได้ถึงความกลัวที่เขาไม่เคยมีมาก่อน ราวกับคนที่อยู่ด้านหน้าของเขาไม่ใช่ชายหนุ่ม แต่เป็นสัตว์ป่า
“ฉินเฉิง นายหมายความว่าอย่างไร?” ปี้เสี่ยวเหยาถามออกมาด้วยความไม่พอใจ
“ฉินเฉิง?” ฉินเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมา
ปี้เสี่ยวเหยากัดฟัน และพูดออกมาอีกครั้ง “พี่ใหญ่”
“อืม…” ฉินเฉิงพยักหน้า จากนั้นก็พูดออกมาว่า “ยาพิษนั่นมันไม่ได้มีผลอะไรกับฉัน แต่น่าเสียดาย อาหารที่นายเอามาให้กินคุณปู่ซูเองเขาก็กินด้วย และอีกนิดเดียวเขาก็อาจจะตายได้”
“อะไรนะ?” สีหน้าของจี้เซียงแสดงถึงความตกใจเป็นอย่างมาก ตระกูลจี้ของเขาไม่มีอำนาจมากพอที่จะไปสู้กับตระกูลซู!
“ถ้าหากคุณปู่ซูเขาตรวจสอบและเจอมันเข้า มันก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆเหมือนกับตอนนี้” สายตาของฉินเฉิงจับจ้องไปที่จี้เซียง นั่นทำให้จี้เซียงล้มลงกับพื้นอย่างไม่ตั้งใจ
“ฉัน…ฉันไม่รู้ว่ายานั่นมันจะร้ายแรงถึงขั้นสามารถฆ่าชีวิตคนได้ คนที่ขายยานั่นมาให้ฉันเขาบอกว่ามากที่สุดก็ทำให้คนอ่อนแอและหมดพลัง และฉัน…ฉันไม่คิดว่าคุณปู่ซูจะกินอาหารนั้นเข้าไปด้วย” ริมฝีปากของจี้เซียงสั่นในตอนที่เขาพูดออกมา
“นายเป็นคนทำจริงๆอย่างนั้นเหรอ?” ปี้เสี่ยวเหยาโกรธมาก เขายกจี้เซียงขึ้นมาด้วยความโมโห “ต่อให้ฉันต้องมาตายอยู่ที่นี่ฉันก็ไม่มีทางทำเรื่องเลวๆแบบนั้นเป็นอันขาด นายนี่มันบัดซบจริงๆ!”
พูดจบปี้เสี่ยวเหยาก็ตบไปที่ใบหน้าของจี้เซียงอย่างรุนแรง
“นี่มันไม่เบาไปหน่อยเหรอ?” ฉินเฉิงขมวดคิ้วและถามออกมา
ปี้เสี่ยวเหยากัดฟันแน่น ฝ่ามือเมื่อสักครู่เขาไม่ได้ออกแรงอะไรมากนัก
“ให้ฉันช่วยไหม? หรือว่าจะให้คุณปู่ซูมาจัดการด้วยตัวเอง?” ฉินเฉิงยิ้มและถามออกมา
ปี้เสี่ยวเหยาหมดหนทาง เขาหันไปหาจี้เซียงอีกครั้ง เขายกเท้าและถีบเข้าไปท้องของจี้เซียง
จี้เซียงกระเด็นออกไปทันที กระอักเลือดออกมาไม่น้อย พยายามลุกขึ้นมาแต่ก็ทำไม่ได้
“พี่…พี่ปี้ ฉันผิดไปแล้ว…” จี้เซียงพูดออกมาด้วยความยากลำบาก “ฉันไม่สามารถเป็นผู้นำที่ดีได้…”
“ขอโทษกับฉิน…พี่ใหญ่เดี๋ยวนี้!” ปี้เสี่ยวเหยากล่าวด้วยความอัปยศ
“พี่ฉิน ฉันผิดไปแล้ว….” จี้เซียงพูดออกมาด้วยความเจ็บปวด “วันหลังฉันจะต้องไปขอโทษคุณปู่ซูด้วยตัวของฉันเอง….”
ฉินเฉิงแค่คิดจะสั่งสอนเขาเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงโบกมือและเดินลงมาจากเวที
ด้วยความหวาดกลัวที่มีทุกคนจึงหลบทางให้กับฉินเฉิง สายตาที่พวกเขามีให้กับฉินเฉิงนั้นเต็มไปด้วยความเคารพและหวั่นเกรง
“ปี้เสี่ยวเหยา อย่าลืมที่นายพูดเอาไว้นะ” เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูฉินเฉิงก็พูดเตือนขึ้นมาอีกครั้ง
ปี้เสี่ยวเหยาพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น “ฉันยอมรับความพ่ายแพ้”
ฉินเฉิงไม่ได้พูดอะไรและเดินออกไป
หลังจากที่เดินออกมาแล้ว ฟางเสี่ยวเต๋อก็วิ่งกะเผลกตามออกมา
“ว้าว นี่ฉินเฉิง ฉันไม่คิดเลยนะว่านายจะเก่งขนาดนี้!” ฟางเสี่ยวเต๋อพูดออกมาราวกับว่าลืมความเจ็บปวดที่มีก่อนหน้านี้ไปหมดแล้ว เธอยิ้มออกมาอย่างสดใส
“วันหลังถ้าหากมีใครมารังแกฉัน ฉันจะไปหานาย!”
ฉินเฉิงหันมามองที่เธอและยิ้มออกมา “ว่าไงครับคุณหญิงฟาง คุณควรต้องเรียกผมว่าอะไรครับ?”