แต่ยังดีที่ไม่ค่อยมีใครเชื่อว่านี่จะเป็นเรื่องจริง คนมากมายต่างใช้ช่องแสดงความคิดเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นภาพยนตร์ ดังนั้นฉินเฉิงจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
วันนี้ฉินเฉิงไม่ได้ทำอะไร เขาวางแผนที่จะไปถนนกู่หวาน เพื่อจะไปซื้อจี้หยกมาทำเครื่องรางให้กับซูวาน
ในตอนที่เขากำลังจะออกไป จู่ๆโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
เมื่อเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่าคนที่โทรมาก็คือน้องสาวของหลินชิงเฉิง หลินชิงชือ
นี่มันทำให้ฉินเฉิงตกใจเป็นอย่างมาก เขาคิดไม่ถึงว่าเธอจะโทรมา จากนั้นเขาก็ตัดสายไปทันที
แต่คิดไม่ถึงว่าอีกสักพักเธอจะโทรกลับมาอีกครั้ง
หลังจากที่รับสายโทรศัพท์ ฉินเฉิงก็พูดออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ “มีเรื่องอะไร?”
หลินชิงชือรีบตอบกลับมาทันทีว่า “ไม่…ไม่ดีแล้ว คุณปู่เขา..เขาไม่ไหวแล้ว!”
“อะไรนะ?!” สีหน้าของฉินเฉิงเปลี่ยนไปจนดูน่าเกลียด
ทั้งโลกใบนี้มีเพียงแค่สองคนเท่านั้นที่สำคัญกับชีวิตเขา
คนแรกก็คือซูวาน ส่วนอีกคนก็คือคุณปู่หลินที่เลี้ยงเขามาจนโต
ฉินเฉิงหายใจเข้าลึกๆจากนั้นก็พูดออกไปว่า “ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
“อยู่….อยู่ที่บ้าน” หลินชิงชือพูดออกมาอย่างไร้ความมั่นใจ
“ฉันไม่ได้บอกไปแล้วหรือว่าห้ามโทรหาเขา!” และในตอนนั้น เสียงของหลินเว่ยก็ดังขึ้นมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ จากนั้นสายก็ถูกตัด
สีหน้าของฉินเฉิงมืดมน เขาลุกขึ้นทันที พูดกับซูวานว่า “ฉันขอตัวออกไปด้านนอกหน่อยนะ”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ซูวานขมวดคิ้วและถามออกมา
“ปู่ของฉันเขาอาจจะไม่ไหวแล้ว ฉันจะไปดูอาการเขาสักครั้ง” พูดจบฉินเฉิงก็เดินออกไปด้านนอกทันที
“ฉันไปด้วย” ซูวานไม่คิดอะไรทั้งนั้น วิ่งตามฉินเฉิงออกไป
ขึ้นไปนั่งบนรถหรูของซูวาน จากนั้นทั้งสองคนก็มุ่งหน้าไปยังบ้านของตระกูลหลิน
หลังจากที่ถึงบ้านของตระกูลหลิน ฉินเฉิงก็พบว่าที่หน้าประตูมีรถจอดอยู่ไม่น้อย
และรถพวกนี้ฉินเฉิงก็คุ้นเคยเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นรถของญาติตระกูลหลิน
เมื่อเห็นแบบนั้นสีหน้าของเขาก็น่าเกลียดขึ้นไปอีก
เขารีบกระโดดลงจากรถและวิ่งเข้าไปในบ้านทันที
ที่ห้องโถงของบ้านตระกูลหลิน มีญาติพี่น้องมารวมตัวกันมากมาย แต่สีหน้าของพวกเขาไม่ได้ดูเสียใจกันเลย แถมยิ้มกันออกมาด้วย
หลินเว่ยพูดคุยอยู่ท่ามกลางผู้คน เขาหัวเราะออกมาเป็นบางครั้งบางครา
“คุณปู่อยู่ไหน?” ฉินเฉิงเดินเข้าไปที่ห้องโถงและพูดออกมา
หลินเว่ยมองมาที่เขาพร้อมกับพูดว่า “นายถูกไล่ออกไปจากตระกูลหลินแล้ว ใครอนุญาตให้นายเข้ามา?”
“ฉันถามว่า คุณปู่ของฉันอยู่ไหน!” ฉินเฉิงถามออกไปอีกครั้งด้วยความโกรธ สีหน้าของเขาทำให้หลินเว่ยตกใจมาก
“คุณปู่เขา….” ในตอนนั้นหลินชิงชือก็เดินออกมา
เธอเศร้าและน้ำตาไหล ดวงตาของเธอแดงก่ำจากการร้องไห้
เมื่อเห็นแบบนั้นฉินเฉิงก็เข้าใจทันที เกรงว่าคุณปู่หลินน่าจะไปจากโลกนี้แล้ว
เขารีบวิ่งเข้าไปในห้องของคุณปู่หลิน เห็นร่างของคุณปู่นอนอยู่บนเตียง แต่ไม่มีวิญญาณอยู่ในร่างแล้ว
ฉินเฉิงสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามกลั้นอารมณ์ตัวเองเอาไว้ มองไปที่หลินชิงชืออย่างเยือกเย็นและถามออกมาว่า “คุณปู่เขาตายยังไง?”
หลินชิงชือพูดออกมาเบาๆว่า “ฉัน…ฉันไม่รู้….”
“ตายยังไงเหรอ…ก็ถึงอายุขัยของเขาแล้วไง” หลินชวนลูกพี่ลูกน้องของหลินชิงชือที่อยู่ข้างๆก็พูดออกมา
ฉินเฉิงมองไปที่เขาและพูดออกมาอย่างเยือกเย็น “ครั้งที่แล้วฉันมาตรวจอาการของคุณปู่ ถ้าหากไม่มีอะไรอย่างน้อยๆเขาจะอยู่ได้อีกเป็นปี”
“ฮ่าฮ่า นายคิดว่านายเป็นหมอหรือไง?” หลินชวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “งั้นนายลองดูให้ฉันหน่อยว่าฉันยังอยู่ได้อีกนานแค่ไหน?”
“ถ้าหากนายยังกล้าพูดแบบนี้อีกหละก็ นายคงอาจจะอยู่ได้แค่อีก 1 วัน” น้ำเสียงของฉินเฉิงเยือกเย็นจนขีดสุด ทำให้หลินชวนอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
“บ้าไปแล้วหรือไง นายจะมาขู่ฉันอย่างนั้นเหรอ?” หลินชวนบีบเมล็ดแตงโมในมือของเขาและพูดออกมาด้วยความโกรธ
ฉินเฉิงไม่อยากจะมีปัญหาอะไรกับใครเนื่องจากวันนี้เป็นวันที่คุณปู่ของเขาเพิ่งจะจากไป
เขาเดินออกจากห้องนอนไปยืนอยู่ที่ห้องโถง
ห้องโถงมีชีวิตชีวามาก หลินเว่ยและคนอื่นๆกำลังกินดื่มและเล่นไพ่กันอย่างสนุกสนาน
ลักษณะที่เย็นชาแบบนี้ทำให้ฉินเฉิงรู้สึกผิดหวัง
“ตระกูลหลิน….ช่างน่าสงสารเสียจริง…” ฉินเฉิงบ่นออกมา ตอนแรกเขาคิดว่าเขาจะช่วยเหลือตระกูลหลินในยามที่ยากลำบาก แต่เมื่อเขาเดินออกมาเห็นภาพนี้เขาก็เปลี่ยนใจทันที
คนพวกนี้ไม่สมควรที่จะได้รับ
“คุณปู่ของฉันตายได้อย่างไง” ฉินเฉิงเดินมาอยู่ตรงหน้าของหลินเว่ยและถามออกมาอย่างเยือกเย็น
หลินเว่ยไม่ได้พูดอะไร น้องชายคนที่สองของเขาหลินเฉียงพูดออกมาด้วยความโมโห “ทำไมนายช่างเป็นคนที่ไร้มารยาทขนาดนี้? นี่หรือท่าทางที่เข้ามาคุยกับพวกเรา? ตอนที่เข้ามาในบ้านกล่าวทักทายสักคำก็ไม่มี แถมยังกล้ามาใช้อารมณ์กับพวกเราอีก? นายคิดว่านายเป็นใคร เก่งกล้ามาจากไหน?”
“นายหุบปากไป” ฉินเฉิงมองไปที่เขาและพูดออกมา
หลินเฉียงพูดออกมาด้วยความโกรธว่า “ไม่ได้เจอกันมาหลายปี เดี๋ยวนี้ปากกล้า? ลืมไปแล้วหรือไงว่าตอนเด็กนายโดนอะไรไปบ้าง?”
“ตอนนี้ฉันอารมณ์ไม่ดี ถ้านายไม่อยากตายก็หุบปากไปเสียดีกว่า” ฉินเฉิงพยายามกลั่นความโกรธของเขาเอาไว้ตอนที่พูดออกมา
หลินเฉียงสบถออกมาหลายประโยค คว้าเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆแล้วขว้างมันไปที่หัวของฉินเฉิง
“ฉันจะฆ่าแกเดี๋ยวนี้แหละ!” หลินเฉียงพูดออกมา
แต่เก้าอี้ที่เขาขว้างออกมายังไม่ทันถึงตัวของฉินเฉิง ร่างกายของเขาก็กระเด็นออกไปด้านนอกแล้ว
ทั้งห้องโถงเงียบลงทันที จากนั้นไม่นานทุกอย่างก็สลบลงด้วยการใช้กำลัง
“ทุกคนเงียบให้หมด!” ฉินเฉิงตะโกนออกมา
เสียงตะโกนที่รุนแรงของฉินเฉิงทำให้บ้านทั้งหลังสั่นสะเทือน
ส่วนคนที่มีร่างกายอ่อนแอก็มีเลือดไหลออกมาจากใบหู
“แกกล้าทำร้ายฉัน…..” หลินเฉียงลุกขึ้นมาจากพื้นด้วยความยากลำบาก
“แกกล้าทำร้ายพ่อฉัน!” หลินชวนวิ่งเข้ามา ชี้นิ้วไปที่ฉินเฉิงและพูดออกมาว่า “นายรอเดี๋ยว ฉันจะเรียกคนมาฆ่านายเดี๋ยวนี้!”
ฉินเฉิงขี้เกียจจะสนใจคนพวกนี้ เขาแค่มองไปที่หลินเว่ยด้วยสายตาที่เยือกเย็น และพูดออกมาอีกครั้งว่า “ฉันขอถามนายอีกครั้ง คุณปู่ของฉันตายได้อย่างไง”
“ฉิน…ฉินเฉิง อย่าเข้ามานะ!” หลินเว่ยพูดออกมาด้วยความกลัว
ฉินเฉิงยกมือขึ้นมาและตบไปที่หน้าของเขา 1 ครั้ง และพูดออกมาว่า “ถ้าหากนายไม่พูดความจริง ฉันจะทุบหน้าของนายซะ”
หลินเว่ยรู้สึกกลัวจนถึงขีดสุด แต่เมื่อเผชิญกับญาติจำนวนมาก เขายังคงบังคับความกลัวของเขา “นาย..นายคิดจะขู่ฉันอย่างนั้นเหรอ นายกล้าฆ่าฉันอย่างนั้นเหรอ?”
“พ่อ! พ่ออย่าพูดอะไรแบบนั้น!” เมื่อหลินชิงเฉิงได้ยินแบบนั้นเธอจึงรีบพูดออกมาทันที
เธอเคยเห็นกับตาในตอนที่ฉินเฉิงฆ่าหยางอี้ เขาไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องใหญ่โตอะไรเลย!
และในตอนนี้อารมณ์ของฉินเฉิงนั้นไม่ค่อยดี ไม่แน่ว่าเขาอาจจะฆ่าพ่อของเธอทันทีเลยก็ได้!
“พ่อ พ่อมีเรื่องอะไรก็พูดออกมาตรงๆเลยดีกว่า อย่าไปยั่วยุเขาเลย ได้ไหม?” หลินชิงเฉิงร้องไห้พร้อมกับพูดออกมา
“ให้พูด? ชิงเฉิงเกิดอะไรขึ้นกับเธอ? ทำไมถึงไปเข้าข้างไอ้ขยะคนนี้?” ญาติคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆพูดออกมา
ฉินเฉิงกวาดสายตาไปมองที่เขาอย่างเยือกเย็น เขายกมือขึ้นเบาๆและตบไปที่หน้าของคนที่พูดออกมา
“ตอนนี้ฉันบอกให้ทุกคนหุบปาก” ฉินเฉิงกวาดสายตาไปที่ทุกคน “ถ้าใครบังพูดอะไรออกมาอีกหละก็ ฉันจะตบมัน”
เมื่อทิ้งประโยคนี้เอาไว้ ฉินเฉิงก็หันกลับไปมองที่หลินเว่ยอีกครั้ง
เขายกมือขึ้นเหนือศีรษะของหลินเว่ย และพูดออกมาทีละคำ “ถ้าหากนายไม่พูด งั้นฉันก็ไม่อยากรู้แล้ว”
“ฉินเฉิง อย่านะ….” หลินชิงเฉิงคุกเข่าลงไปกับพื้นทันที “เห็นแกความสัมพันธ์ที่พวกเราเคยมีต่อกันมา นายอย่า…”
“ความสัมพันธ์?” ฉินเฉิงหัวเราะออกมา “สำหรับตระกูลหลินแล้ว คนที่สำคัญกับฉันมีแค่คุณปู่หลินคนเดียวเท่านั้น ตอนนี้เขาก็ได้จากโลกนี้ไปแล้ว ความโชคดีของตระกูลหลิน มันจะหยุดลงแค่ตรงนี้!”