มู้หรงจิ่นตกใจมากเมื่อเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของฟานยุน เขาอยากชกหัวเธอแทบแย่
“พี่จิ่น ไปสั่งสอนเขา! ครั้งนี้ฉันจะเป็นคนถ่ายภาพเอาไว้ให้พี่เอง!” ฟานยุนแสดงอารมณ์โกรธและหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดกล้อง
ฉินเฉิงนั่งลงบนเก้าอี้โดยไม่พูดอะไร เขากินอาหารต่อไป
“สาวน้อย เธอนี่มันปากกล้าเสียจริง” อู่หาวนำมือทั้งสองข้างไขว้หลัง ยิ้มและพูดออกมา
มู้หรงจิ่นพยายามควบคุมตัวเอง กํดฟันและทำหน้ายิ้มแย้มออกมา “วันนี้ร่างกายของฉันไม่ค่อยดี ไว้วันหลังเราค่อยมาสู้กัน ตกลงไหม?”
“วันหลัง?” อู่หาวตกใจและพูดออกมาด้วยความโกรธ “เจ้าหนุ่ม นายกล้ามาล้อเลียนฉัน?”
เสียงแห่งความโกรธของเขามีออร่าออกมาจากมันด้วย ขนาดน้ำที่อยู่ในแก้วที่วางอยู่บนโต๊ะยังสั่นไหว
ใบหน้าของมู้หรงจิ่นเริ่มมีความกลัวแสดงออกมาให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ เขาถอยหลังไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เนื้อตัวของเขามีเหงื่อไหลออกมาเต็มไปหมด
“เจ้าหนุ่ม ถ้าหากนายไม่ลงมือ งั้นฉันขอลงมือก่อนนะ” อู่หาวยกมือขึ้นพร้อมพูดออกมาอย่างเยือกเย็น
และในตอนนี้มู้หรงจิ่นก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว
เขารีบโบกมือและพูดออกมาว่า “พี่ชายที่จริงพี่เข้าใจผิดแล้ว พวกนักโทษสองคนนั้นฉันไม่ได้เป็นคนฆ่าพวกเขา ฉันก็แค่…โม้ออกไปเท่านั้น”
“พี่จิ่น มันก็เห็นอยู่ว่าพี่เป็นคนทำ วันนี้พี่ยังพุดอยู่เลย!” ฟานยุนที่อยู่ข้างๆพูดออกมา
“เธอหุบปากไป!” มู้หรงจิ่นตวาดกลับมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ที่แท้ก็โรคกลัวความตายนี่เอง!” อู่หาวหัวเราะออกมาอีกครั้ง “ถ้ายังไม่ลงมือหละก็ นายอาจจะมีมีโอกาสอีกแล้วก็ได้นะ!”
ในเมื่อไม่มีทางเลือกมู้หรงจิ่นก็กัดฟันและยืนขึ้นในที่สุด
เขารวบรวมพลังทั้งหมดของเขาไว้ที่หมัดทั้งสองข้าง ใช้เท้าดีดตัวกับโต๊ะและลอยขึ้นไปในอากาศ
“ตายเสียเถอะ!” มู้หรงจิ่นตะโกนออกมาพร้อมกับจู่โจมไปที่อกของอู่หาว!
อู่หาวยังคงเอามือไขว้หลังเอาไว้ ไม่มีวี่แววว่าจะขยับตัวและปล่อยให้มู้หรงจิ่นโจมตีใส่เขาโดยตรง
“ตู้ม!”
นั่นคือเสียงที่หมัดของมู้หรงจิ่นกระทบกับหน้าอกของอู่หาว
มู้หรงจิ่นถอนหลังกลับมาสองสามเก้า มือทั้งสองข้างของเขาชาไปหมด
ราวกับว่าหมัดที่ปล่อยออกไปไปกระทบกับหิน!
“มันเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไง…..” มู้หรงจิ่นก้มลงมามองที่มือของตนเอง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกลัว
“พี่จิ่น พี่อย่าซ่อนพลังเอาไว้เลย รีบจัดการเขาเร็วเข้า! ฉันยังอยากจะกินข้าวต่อนะ!” ฟานยุนที่อยู่ข้างๆพูดออกมาด้วยความเร่งรีบ
เมื่อได้ยินคำพูดของฟานยุน สีหน้าของมู้หรงจิ่นก็ดำมืดขึ้นมาทันที
“ยัยโง่ เธออยากจะฆ่าฉันนักใช่ไหม!” มู้หรงจิ่นสาปแช่งออกมาอย่างลับๆ เส้นเลือดของเขาปูดออกมาตรงหน้าผาก
“ซ่อนพลัง?” อู่หาวขมวดคิ้วขึ้นมา “ดี งั้นฉันจะให้โอกาสนายอีกครั้ง”
มู้หรงจิ่นจะไปมีอารมณ์ตู้สู้อีกครั้งได้อย่างไง เขาร้องไห้ขอความเมตตาออกมา “พี่ชาย พี่เข้าใจผิดจริงๆ ฉันไม่ได้ฆ่าสองคนนั้นจริงๆ ที่จริงฉันไม่เคยเจอพวกเขาเลยด้วยซ้ำ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า กลัวอย่างนั้นเหรอ?” อู่หาวหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น “ในตอนที่นายลงมือกับสองคนนั้น นายเองก็น่าจะคิดไว้อยู่แล้วว่าสำนักชื่อหลงจะต้องกลับมาแก้แค้น”
“ไม่…ไม่ใช่ฉันจริงๆ!” มู้หรงจิ่นจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว เขาพยายามอธิบายและบอกกับอู่หาวทุกอย่างว่าเขาไม่ได้เป็นคนทำ แต่ในขณะที่ฟานยุนกลับบอกว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของเขา!
“ฉันไม่มีเวลามาพูดจาไร้สาระกับแก” น้ำเสียงของอู่หาวค่อยๆเย็นลงเรื่อยๆ “ไปตายซะ!”
หลังจากที่เสียงของอู่หาวเงียบลง ร่างของอู่หาวก็หายไปทันทีและในชั่วพริบตาก็มาปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าของมู้หรงจิ่น
ทันทีที่เขาจู่โจมร่างอันบอบบางของมู้หรงจิ่น ร่างของมู้หรงจิ่นก็กระเด็นออกไปและกระแทกกับโต๊ะอย่างรุนแรง
เสียง “แกร๊ง!” ดังขึ้นอย่างรุนแรง ข้าวของทั้งหมดแตกกระจาย
ฉินเฉิงขมวดคิ้วออกมาเล็กน้อย เขากำลังใช้ตะเกียบเคียบไปที่ลูกชิ้นปลา แต่โต๊ะของเขาก็ถูกทำล้มไปหมดแล้ว
“พวกนายจะตีกันก็ไปตีกันข้างนอก อย่างมากรบกวนการทานอาหารของฉัน” ฉินเฉิงพูดออกมาอย่างเยือกเย็น
อู่หาวขมวดคิ้วเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะหันมามองฉินเฉิง แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร
มู้หรงจิ่นถูกโจมตีจนกระอีกเลือด เขาค่อยๆลุกขึ้นมาจากพื้น “ตุบ” เสียงคุกเข่าดังขึ้น และร้องของความเมตตา “ฉันไม่ได้เป็นคนทำจริงๆ พี่ชาย ฉันก็แค่อยากจะโม้ให้เด็กผู้หญิงคนนี้ฟังเฉยๆ ได้โปรดปล่อยฉันไป ฉันผิดไปแล้ว….”
“พี่จิ่น พี่พูดอะไรออกมา…” ฟานยุนอ้าปากค้าง สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
“เธอหนะหุบปากไปเลย!” มู้หรงจิ่นหันกลับมาด่า “ยัยโง่ ฉันก็แค่อยากจะได้เธอมาก็เท่านั้น ไม่เข้าใจหรือไง!”
ฟานยุนตกใจเป็นอย่างมาก เธออดไม่ได้ที่จะสะอื้นออกมา
อู่หาวพูดออกมาอย่างเยือกเย็นว่า “เป็นคนที่คนขี้ขลาดและไร้ความสามารถจริงๆ ทำไม มีฝีมือแค่นี้งั้นเหรอ?”
“พี่ชาย ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วย….” มู้หรงจิ่นร้องไห้อ้อนวอนออกมาทั้งน้ำตา
อู่หาวพูดออกมาอย่างเยือกเย็น “ยกโทษให้นาย? นายคิดว่ามันจะเป็นไปได้ไหม?”
ฟานยุนตกใจจนหน้าซีด หลังจากที่เธอรู้ว่ามู้หรงจิ่นไม่ใช่ฮีโร่ของเธออีกต่อไป เธอก็รีบพูดออกมาอย่างตื่นตระหนก
“พะ….พี่ชาย เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราจริงๆ ฉันรับประกันว่าฉันจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น…” ฟานยุนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
อู่หาวหัวเราะออกมาเสียงดัง “เรื่องของสำนักชื่อหลงของพวกเรา ไม่มีทางปล่อยให้เล็ดลอดออกไปได้ วันนี้พวกแกทั้งหมดต้องตายอยู่ที่นี่! น้องสาว อย่าโทษฉันเลย ต้องโทษที่เธอโชคไม่ดีต่างหาก”
พูดจบเขาก็เดินไปด้านหน้าของมู้หรงจิ่น ใช้ฝ่ามือของเขาจับหัวของมู้หรงจิ่นขึ้นมา
“จำเอาไว้ว่าชาติหน้าอย่าขี้โม้” อู่หาวพูดออกมาอย่างเยือกเย็น
เขาค่อยๆออกแรงที่มือของเขามากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าจะบีบให้กะโหลกของมู้หรงจิ่นแตกเป็นชิ้นๆ
ความเจ็บปวดที่รุนแรงทำให้มู้หรงจิ่นรู้สึกตายทั้งเป็น ร้องคร่ำครวญออกมาไม่หยุด
ฟานยุนตกใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา เธอปิดตาไม่กล้าที่จะมองภาพที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า
จากนั้นก็ได้ยินเสียง “แกร๊ก” ดังขึ้นมา จากนั้นกะโหลกของมู้หรงจิ่นก็แหลกละเอียดคามือของอู่หาว เลือดไหลไปทั่วมือของเขา
มู้หรงจิ่นไม่เคยคิดมาก่อนว่าการคุยโวโอ้อวดของเขาจะทำให้เขาจะต้องมีจุดจบแบบนี้
“เอาหละ ถึงตาของพวกแกแล้ว” อู่หาวมองมาที่ฉินเฉิงและคนอื่นๆด้วยสายตาที่เยือกเย็น
สีหน้าของฉินเฉิงยังคงเหมือนเดิม ราวกับว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไร
ฟานยุนตกใจจนทำอะไรไม่ถูก กางเกงของเธอเปียกไปหมดแล้
และในตอนนั้นโทรศัพท์ของอู่หาวก็ดังขึ้น
หลังจากที่เขารับโทรศัพท์เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
“วันนี้ถือว่าพวกแกโชคดี ฉันจะไว้ชีวิตพวกแกทั้งหมด แต่ฉันขอบอกเอาไว้เลย ทางที่ดีอย่าพูดอะไรออกไปเลยจะดีกว่า” หลังจากที่เขาพูดโทรศัพท์เสร็จเขาก็พูดออกมา
ฟานยุนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ร่างกายของเธออ่อนเพลีย เข่าของเธอลงไปกระแทกกับพื้นทันที
อู่หาวหันออกไปทางหน้าต่างและกำลังเตรียมตัวที่จะออกไป
และในตอนนั้น จู่ๆฉินเฉิงก็พูดออกมาว่า “ฆ่าคนแล้วจะหนีไปแบบนี้? ฉันอนุญาตให้นายไปแล้วหรือยัง?”
อู่หาวผงะ เขาหันหน้ากลับมามองฉินเฉิง ราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“นายบ้าไปแล้วหรือไง!” ฟานยุนรีบพูดออกมาทันที “ถ้านายอยากจะตายมากขนาดนั้นก็ตายไปคนเดียว อย่างเอามาเกี่ยวกับพวกเรา!”
ฉินเฉิงไม่ได้สนใจในคำพูดของเธอ เขาชี้ไปที่อาหารบนโต๊ะของเขาและพูดออกมาว่า “ใครอนุญาตให้นายมารบกวนการทานอาหารของฉัน?”
“นายบ้าไปแล้วหรือไง?” อู่หาวขมวดคิ้วและถามออกมา
“พี่ชาย เขาไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเราทั้งนั้น!” ฟานยุนรีบเอาตัวเองออกมาจากเหตุการณ์ในครั้งนี้
อู่หาวมองไปที่ฉินเฉิง แต่ก็ไม่เห็นความผันผวนใดๆในร่างกายของฉินเฉิง
ดังนั้นเขาจึงมองไปที่ฉินเฉิงด้วยสายตาอันเยือกเย็นและพูดออกมาว่า “ถ้าอยากตายนัก เดี๋ยวฉันจัดให้!”