นับตั้งแต่ที่เค้าก้าวเข้าสู่ขั้นที่เจ็ดของการฝึกพลังปราณ อารมณ์ของฉินเฉิงก็เริ่มเฉยชามากขึ้นเรื่อยๆ
จากคนที่ไม่กล้าแม้แต่จะฆ่าไก่ ในตอนนี้เค้าก็สามารถที่จะทำให้คนอื่นพิการได้โดยไม่ลังเลอะไรเลย
การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ค่อยๆเป็นค่อยๆไป แม้แต่ฉินเฉิงเองก็ไม่รู้ตัว
“เอาหละ เอาหละ!” ตอนแรกเค้าก็คิดว่าหวังซูจะโกรธ แต่จู่ๆ หวังซูก็ปรบมือเสียงดังขึ้นมา
ชายชราที่อยู่ข้างๆเค้าพยักหน้าอย่างต่อเนื่องแล้วพูดว่า: “ดูเหมือนว่าฉันจะมองไม่ออกเลยนะ น้องชายคนนี้เป็นอัจฉริยะที่ไม่เคยออกมาออกมาปรากฎตัว! ฉันขอคืนคำพูดที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ก็แล้วกัน เธอมีความสามารถพอที่จะเข้าร่วมกับเรา สำนักชื่อเหมิน!”
หวังซูก็หัวเราะขึ้นมาแล้วพูดว่า: “ฉินเฉิง จากนี้ไปเธอเป็นสมาชิกของสำนักชื่อหลงของฉันและโสมนี้จะถือเป็นของขวัญที่เราได้เจอกัน”
ฉินเฉิงเหลือบมองโสมในมือแล้วพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า: “ฉันไปตอบตกลงว่าจะเข้าร่วมกับสำนักชื่อหลงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
สีหน้าของหวังซูก็นิ่งไปในทันที เค้าขมวดคิ้วราวกับว่าเขาไม่อยากเชื่อมันเลย
“คุณฉิน สำนักชื่อหลงนี่มันอยู่ที่ต่างแดน…” จินฮู่ต้องการที่จะอธิบาย แต่ฉินเฉิงก็โบกมือขึ้นมาขัดจังหวะเค้า
เขาคืนโสมให้กับหวังซูและพูดว่า “ฉันไม่สนสำนักชื่อหลงของคุณ เอาโสมของคุณคืนไป”
สีหน้าของหวังซูก็เย็นชาลง เค้ากระซิบขึ้นมาว่า: “หลายปีมาแล้ว แกเป็นคนแรกที่กล้าปฎิเสธสำนักชื่อหลงของเรา”
“โอ้ อย่างงั้นเหรอ? ฉันไม่รู้สึกเป็นเกียรติเลยนะ” ฉินเฉิงเหล่มองแล้วพูดขึ้นมา
หวังซูพยักหน้าของเค้าขึ้นมา เค้าถูไปที่ลูกประคำในมือแล้วพูดอย่างมีนัยยะว่า “ถ้าแกเข้าร่วมกับเรา คนสองคนนี้ที่โดนทำลายจุดสำคัญไปก็จะแล้วไป แต่ถ้าแกปฏิเสธ…นี่มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาในทันที”
“คุณกำลังขู่ฉันอย่างงั้นเหรอ?” ฉินเฉิงหรี่ตาลง “ฉันเกลียดการถูกขู่เป็นที่สุด”
ชายชราซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไป เค้าก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย เค้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของการสังหารที่ระเบิดออกมาจากฉินเฉิงอย่างชัดเจน
เด็กหนุ่มคนนี้ เค้าสามารถที่จะเก็บมันไว้ภายในได้จริงๆอย่างงั้นเหรอ?
“อายุยังน้อย หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล ต่อไปพวกเราจะได้เจอกันอีก” ดูเหมือนว่าหวังซูจะไม่ต้องการลงไม้ลงมืออะไรมากที่นี่ อย่างงั้นเค้าก็เลยพูดทิ้งท้ายไว้ จากนั้นก็หันหน้าแล้วเดินออกไป
“คุณฉิน ผม… ผมคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องนี้มันจะกลายมาเป็นแบบนี้ ผมสาบานว่าผมไม่รู้จักตัวตนของพวกเค้ามาก่อนเลย…” หลังจากที่พวกเค้าจากไป จินฮู่ก็รีบเข้ามาแก้ตัว
ฉินเฉิงโบกมือของเค้าขึ้นมาแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับนาย ต่อให้ไม่มีนาย ยังไงพวกเค้าก็ยังมีวิธีการอื่นที่จะติดต่อฉัน”
เพียงแค่ฉินเฉิงก็ไม่ค่อยเข้าใจซะเท่าไหร่ ชื่อเสียงของเขามันก็ไม่ได้อะไรมาก มันจะไปกระตุ้นกลุ่มคนพวกนี้ในต่างแดนได้ยังไงกัน? หรือว่ามีใครบางคนที่กำลังใส่ไฟให้กับตัวเองอยู่?
“เรื่องทั้งหมดที่นายรู้เกี่ยวกับสำนักชื่อหลง บอกฉันมาให้หมด” ฉินเฉิงก็นั่งลง
…
ที่ด้านนอกก็มีรถสีดำคันหนึ่ง
หวังซูกับชายชราในชุดแบบดั่งเดิมก็นั่งอยู่ด้วยกันด้วยใบหน้าที่มืดมน
“คุณหวัง เมื่อกี้ทำไมคุณไม่ให้ฉันลงมือหละ?” ชายชราก็พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่บึ้งตึงเล็กน้อย
หวังซูเหลือบมองเค้าแล้วพูดว่า “จะลงมือที่นี่ ไม่อยากมีชีวิตรอดหรือยังไงกัน? ถ้าทำให้เจ้าหน้าที่แตกตื่นหละก็ มันจะไม่มีใครออกไปจากที่นี่ได้!”
ชายชราก็อ้าปากขึ้นมาแล้วก็ไม่พูดอะไรอีก
สำนักชื่อหลงมันก่อตั้งครั้งแรกในประเทศจีน ในตอนนั้นมันเป็นสำนักที่รุ่งโรจน์มาก
แต่ต่อมาเนื่องจากเรื่องเลวๆของพวกเค้า พวกเค้าก็เลยเกือบจะถูกกำจัด มีเพียงคนที่มีฝีมือเพียงคนเดียวที่รอดชีวิต แล้วก็แยกย้ายกันไปต่างประเทศทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม สำนักชื่อหลงนี้ยังคงตกเป็นเป้าหมาย ดังนั้นพวกเค้าเลยไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปที่เมืองใหญ่
“ถ้าทำแบบนั้น ถ้ามีพวกรักษาความปลอดภัยจับตาดูอยู่ มันจะกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่…” ชายชราก็ขมวดคิ้วขึ้นมา เค้าดูไม่พอใจเล็กน้อย
หวังซูก็หัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “มันทำให้คนของฉันบาดเจ็บ มันต้องตาย”
…
หลังจากผ่านไปแล้วกว่าสิบนาที ฉินเฉิงก็เดินออกไปพร้อมกับชายที่มีรอยแผลเป็นที่หน้า
ในมือของเค้าก็ยังถือเอกสารที่เป็นข้อมูลของหุ้นส่วน
แต่ฉินเฉิงดูแล้ว เค้าก็ไม่เจอคนที่น่าสงสัยเลย ถ้าอย่างงั้น หยางอี้ก็จะต้องไปซื้อยามาจากคนอื่น
“ยังไงต้องสนเรื่องนี้ก่อนหละกัน” ฉินเฉิงฉีกเอกสารพวกนั้นแล้วทิ้งไปในถังขยะที่อยู่ข้างๆเค้า
ระหว่างทาง สีหน้าของชายที่มีรอยแผลเป็นที่หน้าก็ดูไม่ค่อยดีซะเท่าไหร่ มันดูราวกับว่าเขาถูกโจมตีอย่างหนักยังไงอย่างงั้นเลย
ฉินเฉิงเหลือบมองมาที่เค้าและพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “อย่าใสใจกับมันเลย รอให้ฉันปรุงยาได้ก่อน ฉันรับรองเลยว่านายจะต้องเก่งกาจกว่าอาจารย์ของนายอย่างแน่นอน”
ชายที่มีแผลเป็นที่หน้าก็ยิ้มขึ้นมา เค้าไม่ได้พูดอะไร
มันเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเค้าไม่เชื่อในสิ่งที่ฉินเฉิงพูด
หลังจากที่ส่งซูหวานกลับบ้านไปแล้ว ฉินเฉิงก็ไม่ได้รีบกลับ เค้าไปที่ตลาดขายยาที่อยู่ใกล้ๆ
ช่วงนี้มันมีความต้องการยามากกว่าที่ฉินเฉิงคาดเอาไว้ ดังนั้นก็เลยต้องเตรียมของปรุงยาเป็นจำนวนมาก
หลังจากที่บรรจงเลือกอย่างพิถีพิถันแล้ว ในที่สุดฉินเฉิงก็ซื้อของปรุงยาที่ดีเลิศมาจำนวนหนึ่ง
ในตอนนี้เอง ท้องฟ้ามันก็ค่อยๆมืดลง ดวงจันทร์มันก็ส่องสว่างอยู่บนยอดไม้
“เวลามันผ่านไปเร็วเหลือเกิน” ฉินเฉิงคิดในใจขึ้นมา
นับตั้งแต่ที่เค้าเริ่มต้นที่จะปรุงยาอมตะ นี่มันก็เป็นเวลากว่าสองเดือนเต็มแล้ว การปรุงของฉินเฉิงดูเหมือนจะหยุดที่ระดับขั้นเจ็ดของการฝึกพลังปราณ
“มันเป็นที่รู้กันว่าการปรุงเริ่มแรกมันต้องใช้เวลากว่าร้อยวัน ตอนนี้มันก็ไม่ถึงเวลาของการปรุงเริ่มแรกเลยด้วยซ้ำ” ฉินเฉิงก็เขย่ายาในมือของเค้า จากนั้นเค้าก็ถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
ในตอนนี้เองจู่ๆก็มีรถมาขวางหน้าฉินเฉิงเอาไว้
จากนั้นเค้าก็มองเห็นคนสี่ถึงห้าคนที่กระโจนกันลงมาจากรถ
ฉินเฉิงหรี่ตา เค้ายิ้มแล้วพูดว่า: “ดักปล้น? ปล้นของมีค่าหรือว่าปล้นบังหน้า?”
“ปล้นคน แล้วก็ยังเอาชีวิตด้วย” เสียงหัวเราะมันก็ดังขึ้นมาจากรถ
จากนั้นก็มองเห็นหวังซูกับชายชราใบชุดแบบดั้งเดิมที่เดินลงมาจากรถ
“ฮ่าฮ่า น้องชาย เราได้พบกันอีกแล้วนะ” ชายชราก็ทักทายเค้า
“พวกแกเองเหรอ?” ฉินเฉิงก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “ทำไมยังมีเรื่องอะไรอีก?”
ชายชราที่สวมชุดแบบดั้งเดิมก็ถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า: “น้องชาย ความแข็งแกร่งของเธอนี่มันทำให้ฉันประหลาดใจมากจริงๆ อายุเพียงยี่สิบกว่าปีเศษ ก็มีกำลังภายในระดับปรมาจารย์ นี่มันถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะเลยนะ…”
“มีอะไรจะพูดก็รีบพูดออกมา ฉันจะรับกลับบ้านไปทำกับข้าว” ฉินเฉิงก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
ชายชราก็แสร้งทำเป็นไม่สะทกสะท้านอะไร เขายิ้มขึ้นมาเล็กน้อย: “ฉันจะให้โอกาสแกได้ลองคิดดูอีกครั้งว่าจะเข้าร่วมสำนักชื่อหลงแล้วกลายเป็นสำนักชื่อหลงสาขาหลักในปีนัง เธอคิดว่ายังไงหละ?”
“ฉันว่าฉันให้คำตอบคุณไปแล้วนะ” ฉินเฉิงก็ส่ายหัวขึ้นมา
ชายชราที่แต่งกายด้วยชุดแบบดั้งเดิมก็ดูเหมือนว่าเค้าจะเซ็งเล็กน้อย แววตาของเขาค่อยๆเย็นชาลง เค้าพูดขึ้นมาช้าๆว่า “ถ้าอย่างก็คงจะต้องกำจัดแกซะ”
ทันทีที่เค้าพูดจบ คนสี่หรือห้าคนก็วิ่งกระโจนเข้าใส่ฉินเฉิง!
“พวกเขาทั้งหมดอยู่ในระดับของเจ้าแห่งกำลังภายใน คนพวกนี้มีฝีมือพอๆกับแก พวกเค้าสามารถที่จะฆ่าแกได้” ชายชราที่สวมชุดแบบดั้งเดิมก็ยิ้มขึ้นมา
สีหน้าของฉินเฉิงดูเย็นชา คนพวกนี้มันไม่ได้อยู่ในสายตาของเค้าเลยด้วยซ้ำ
“รนหาที่ตาย” เมื่อชายชราเห็นแบบนี้แล้ว เค้าก็ส่ายหัวขึ้นมาไม่หยุด
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เองฉินเฉิงก็พุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับฝ่ามือแล้วเสียง “ปัง”ก็ดังขึ้นมา คนสี่หรือห้าคนเหล่านี้ก็ลอยกระเด็นออกไปในทันที!
พวกเค้าล้มลงกับพื้น กระดูกหัก กระอักเลือด มันเห็นได้ชัดเลยว่าอวัยวะภายในของพวกเค้ามันแตกเป็นเสี่ยงๆ
“ฝ่ามือเดียว?” สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไป เค้าแอบอุทานขึ้นมาในใจ
“ใครบอกแกว่าฉันเป็นเจ้ากำลังภายใน?” สีหน้าที่ดูเฉยเมยของฉินเฉิง เค้าพูดออกมาอย่างขี้เล่น
“แย่จัง ฉันประเมินมันต่ำไป” ชายชราที่แต่งตัวชุดดั่งเดิมก็ตัวสั่นสะท้านขึ้นมา เค้าขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “น่าเสียดายจริงๆ แข็งแกร่งขนาดนี้แต่ไม่เข้าร่วมกับสำนักชื่อหลงของพวกเรา แต่ฉันจะบอกแกให้นะ ไม่ว่าจะเก่งกาจมากแค่ไหน ยังไงวันนี้ฉันก็จะฆ่าแกให้ได้ ต่อไปโอกาสมันจะได้มากขึ้น”
“ไป!” เค้ามองไปที่หวังซูแล้วเตรียมที่จะจากไป
ในตอนนี้เอง ร่างของฉินเฉิงก็หายแว๊บไป ในวินาทีถัดมานี้เองหน้าต่างของรถมันก็แตกในทันที! ถุงลมนิรภัยก็ยังระเบิดออกมา!
“ฉันยังไม่ได้บอกเลยนะว่าพวกแกไปได้แล้ว” น้ำเสียงของฉินเฉิงทั้งเย็นชาและอาฆาต