ตี๋เชาก็เจ็บปวดเป็นอย่างมากจนไม่สามารถทำอะไรได้เลย เค้าจับเข้าไปที่ขาของเค้าแล้วกลิ้งไปมา
“แก…แกก่อเรื่อง!” หวงหลงก็พูดขึ้นมาด้วยความโกรธ
ฉินเฉิงก็เหลืองมองไปที่เค้าแล้วพูดขึ้นมาว่า: “เดิมทีฉันก็คิดว่าคุณเป็นคนยุติธรรม นั่นฉันก็เลยเคารพคุณ แต่ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเป็นคนลำเอียงแบบนี้”
“อวดดี!” หวงหลงโกรธจัด เค้าก้าวไปข้างหน้า ท่าทีของเค้าดูราวกับภูเขาที่วางขวางอยู่ตรงหน้าของฉินเฉิง
ฉินเฉินเองก็ถามขึ้นมาโดยที่สีหน้าของเค้าไม่เปลี่ยนไปเลย: “ทำไม คุณเองก็อยากจะเป็นแบบตี๋เชาอย่างงั้นเหรอ?”
“แก!” หวงหลงก็แทบจะกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธ แต่เค้าก็ไม่สามารถทำอะไรฉินเฉิงได้เลย
“ตี๋เชา ฉันจะรีบพาเธอไปโรงพยาบาล!” หวงหลงก็เดินเข้ามา จากนั้นเค้าก็หิ้วตี๋เชาแล้วออกไปจากประตู
ฉินเฉิงก็เยาะเย้ยขึ้นมา: “ไปโรงพยาบาลมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ไม่มีใครรักษาแกได้นอกจากฉัน”
หลังจากที่พูดประโยคนี้ออกไป ฉินเฉิงก็หันหน้าเดินออกไป
“คุณฉิน” ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็เดินเข้ามาทักทายเค้า
“พวกเราไปกันเถอะ” ฉินเฉิงก็พูดออกมา
ชายที่มีแผลเป็นบนหน้าก็ผงะขึ้นมา ถึงแม้ว่าเค้าจะสับสนเล็กน้อย แต่หลังจากทั้งหมดนั้น เค้าก็ไม่อะไรแล้วเดินตามหลังฉินเฉิงแล้วจากไป
หลังจากที่กลับมาที่ชุมชนหลงไห่ ฉินเฉิงก็นั่งไขว่ห้างที่บนยอดเขาแล้วมองไกลออกไป
เค้าถอนหายใจออกมาเล็กน้อยแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา: “ฉันเองก็ไม่เข้าใจความคิดของนายท่านซูเลยว่าเค้าคิดยังไง ถ้าเค้าไม่พอใจ ฉันกลัวว่าเค้าจะเอาบ้านหลังนี้คืนไป”
แม้ว่าฉินเฉิงจะไม่รู้ว่าตระกูลตี๋จะมีอิทธิพลมากแค่ไหนกัน แต่เค้าก็เป็นแค่พวกปลิงที่ต้องการที่จะมาเอาผลประโยชน์จากตระกูลซู
“ไปฝึกกันเถอะ” ฉินเฉิงก็หลับตาของเค้าลงแล้วเริ่มที่จะคายพลังออกมา
ตราบใดที่ความแข็งแกร่งมากเพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลไหนก็ตาม ฉินเฉิงก็ไม่หวั่นไหว
…
ในตอนบ่าย ชายชราซูก็กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องหนังสือ นี่มันก็ไม่รู้เลยว่าเค้ากำลังอ่านอะไรอยู่
ในตอนนี้เอง หวงหลงก็วิ่งเข้ามาอย่างร้อนใจ
“นายท่านซู” หวงหลงก็พูดเสียงเบาขึ้นมา
ชายชราซูก็วางหนังสือที่อยู่ในมือของเค้าลง เค้าลูบไปที่เคราของเค้า: “เป็นยังไงบ้าง? ทั้งสองคนก็พอจะเข้าหากันได้ใช่ไหม?”
หวงหลงก็ยิ้มขึ้นมาอย่างขมขื่น: “คุณซู มันเกิดเรื่องขึ้น…..”
“โอ้? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ชายชราซูก็ถามขึ้นมา
สีหน้าของหวงหลงก็ดูน่าเกลียดเล็กน้อย เค้ากัดฟันของเค้าแล้วพูดว่า: “ฉินเฉิงคนนี้กล้ามาก! เค้าไม่เพียงแต่ไม่ไว้หน้าฉัน เค้ายังหักขาของตี๋เชาอีกด้วย!”
ชายชราซูก็ขมวดคิ้วของเค้าขึ้นมาเล็กน้อย เค้าลุกขึ้นแล้วพูดว่า: “นี่มันร้ายแรงมาก ทำไมเธอไม่หยุดเค้า?”
“เด็กนั่นเค้าเร็วมาก ผมไม่ทันจริงๆ!” หวงหลงก็อธิบายขึ้นมา “ตอนนี้ควรจะทำยังไงดีครับ ตระกูลตี๋จะต้องๆ การอธิบายอย่างแน่นอน…..”
ชายชราซูก็ไม่กังวลอะไรเลย เค้ายิ้มขึ้นมาเล็กน้อยแล้วพูดว่า: “คนที่ทำก็คือฉินเฉิง มาหาฉัน ฉันจะทำอะไรได้?”
“แต่…แต่เป็นคนในบ้านของเรา…ยิ่งไปกว่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างฉินเฉิงกับตระกูลซูในตอนนี้ทุกคนก็รู้กันหมดแล้ว” หวงหลงก็อธิบายขึ้นมา
ชายชราซูก็พูดขึ้นมาว่า: “แล้วยังไง ฉันเองก็จะไม่เข้าไปแทรกแซงเรื่องของตระกูลตี๋แล้วฉินเฉิงก็ปล่อยให้พวกเค้าแก้ไขปัญหานี่ด้วยตัวเองหละกัน”
อันที่จริง ชายชราซูเค้าก็ต้องการที่จะใช้ตระกูลตี๋เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของฉินเฉิง
แต่ในความคิดของหวงหลง ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นอย่างงั้น เค้าคิดว่าชายชราซูเองก็ไม่ต้องการที่จะสนใจฉินเฉิงแล้ว แบบนี้เองเค้าก็เลยดีใจเป็นอย่างมาก
“ครับ ผมเข้าใจแล้ว ฉินเฉิงเองก็ต้องได้รับบทเรียนจริงๆ ไม่อย่างงั้นผมเกรงว่าต่อไปแม้แต่คุณเค้าก็จะมองข้ามไป!” หวงหลงก็กระซิบขึ้นมา
ชายชราซูก็เหลือบมองไปที่เค้าแล้วก็ไม่พูดอะไร เค้าเพียงแค่หัวเราะขึ้นมาอย่างมีเรศนัย
….
ท้องฟ้าก็ค่อยๆ มืดลงและฉินเฉิงก็นั่งอยู่ที่ยอดเขา มันดูราวกับว่าเค้าผสานเข้ากับยอดเขาคนกลายเป็นเสมือนรูปปั้น
“คุณฉิน” ในตอนนี้เอง ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็เดินเข้ามา
ฉินเฉิงก็ค่อยๆ ลืมตาของเค้าขึ้นมาแล้วพูดว่า: “เกิดอะไรขึ้น?”
“คุณซูมาครับ” ชายที่มีแผลเป็นที่หน้าก็พูดขึ้นมา
ฉินเฉิงก็ถอนหายใจออกมาแล้วลุกขึ้นมาจากพื้น
เค้าขยับมือของเค้า จากนั้นก็เตรียมที่จะออกไปเจอ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เค้าจะออกไปหาที่ข้างนอกก็เดินเข้ามาแล้ว
“นายออกไปก่อน” ฉินเฉิงก็พูดกับชายที่มีแผนบนหน้าขึ้นมา
“ครับ” ชายที่มีแผลเป็นที่หน้าก็โน้มตัวเล็กน้อยแล้วเค้าก็เดินออกไป
ที่บนยอดเขา มันก็เหลือเพียงแค่ฉินเฉิงกับซูหวาน
พวกเค้าดยืนอยู่ที่ยอดเขาพร้อมกับลมที่พัดมา ผมยาวของซูหวานก็ปลิวพาดไปบนใบหน้าของฉินเฉิงราวกับตาข่ายสีดำอันเล็กๆ
“เธอคงไม่ได้จะมาเอาเรื่องฉันใช่ไหม?” ฉินเฉิงก็มองไปที่ซูหวานแล้วถาม
ซูหวานก็ส่ายหัวขึ้นมาแล้วพูดว่า: “เปล่า แค่…..ตระกูลตี๋จะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปอย่างแน่นอน นายยังต้องระวังด้วยนะ”
“ก่อนที่ฉันจะตีเค้า ฉันเองก็ไม่ได้คิดถึงผลที่จะตามมาเลย” ฉินเฉิงเองก็พูดขึ้นมาว่า “นายท่านซูหละ?”
“ปู่ของฉันเค้าจะไม่ยุ่งกับเรื่องนี้” ซูหวานก็พูดขึ้นมา
“มันเป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลย” ฉินเฉิงก็หัวเราะขึ้นมา ทุกอย่างมันเป็นไปตามที่เค้าคิดไว้เลย
“ฉันเชื่อว่านายจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้ด้วยตัวนายเองใช่ไหม?” ซูหวานก็ถามขึ้นมา
ฉินเฉิงก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า: “อืม เพียงแค่เธอเชื่อฉัน ฉันก็สามารถทำได้อย่างแน่นอน วันนหนึ่งฉันจะยืนอยู่ที่ตำแหน่งสูงสุดในปีนังเช่นเดียวกับยอดเขาหลงไห่นี่”
ซูหวานก็ยิ้มออกมา เธอยิ้มได้งดงามมาก มันราวกับดอกไม้ที่เบ่งบานในต้นเดือนมีนาคม ลมที่โพดพัดมา มันก็ทำให้ผู้คนลุ่มหลง
“ปีนังมันก็เป็นแค่เมืองเล็กๆ ก็เท่านั้น” ซูหวานก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย “นายรู้จักเมืองจิงตูไหม”
“อืม” ฉินเฉิงก็พยักหน้าของเค้าขึ้นมา
“ตระกูลซูของเราย้ายมาจากเมืองจิงตู” แววตาของซูหวานก็ดูเศร้าสลดขึ้นมาเล็กน้อย
ฉินเฉิงเองก็ไม่ได้พูดอะไร แต่เค้ารอคอยอย่างเงียบๆ เพื่อที่จะฟังซูหวาน
“ก่อนหน้านี้ตระกูลซูของเราถือได้ว่าเป็นตระกูลชั้นหนึ่งในเมืองจิงตู แต่น่าเสียหายหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นมา ต่อมาพวกเราก็ถูกขับไล่ออกมา” ซูหวานก็เล่าขึ้นมาอย่างช้าๆ “ต่อมา หลังจากที่โดนไล่ออกมาได้สองปี ในที่สุดพวกเราก็มาตั้งรกรากอยู่ในปีนังนี่”
“โดนไล่ออก?” ฉินเฉิงก็ประหลาดใจเล็กน้อย ในความคิดของเค้า ตระกูลซูเป็นตระกูลที่มีอำนาจอย่างแท้จริง
ซูหวานก็ยิ้มแล้วพูดว่า: “ข้างนอกนั่นมันยังมีคนอีกมากมาย ตระกูลซูไม่ได้มีอำนาจทุกอย่างหรอกนะ”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ แววตาของซูหวานก็ฉายความเจ็บปวดออกมา เธอก้มหน้าของเธอลง แล้วซุกหน้าของเธอไว้ในผมที่ยาวของเธอ
“ฉันไม่มีวันที่จะลืมความอัปยศในตอนนั้นไปได้เลย” น้องเสียงของซูหวานมันก็เย็นชาลงเล็กน้อย
เมื่อเห็นซูหวานที่เป็นแบบนี้ ฉินเฉิงก็ไม่สามารถที่จะบอกได้เลยว่าเค้าทุกข์ใจมากแค่ไหนกัน
ด้วยความกล้า เค้าก็เอื้อมมือของเค้าไปกอดไหล่ของซูหวานเอาไว้ จากนั้นก็กระซิบขึ้นมาที่หูของเธอว่า: “เธอเชื่อมั่นในตัวฉันไหม?”
ซูหวานก็เงยหน้าขึ้นมาโดนไม่ถามอะไร เธอเพียงแค่พยักหน้า
ฉินเฉิงก็มองไปที่ซูหวานอย่างแน่วแน่แล้วพูดว่า: “แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลซู แต่ฉันสัญญากับเธอว่าไม่ว่าตระกูลซูจะอัปยศอดสู่มากแค่ไหน ฉันจะช่วยให้เธอได้ทั้งหมดกลับคืนมา!”
ซูหวานก็ตกตะลึง มันเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเธอคิดไม่ถึงเลยว่าฉินเฉิงจะพูดออกมาแบบนี้
เธอจ้องมองไปที่ใบหน้าที่บอบบางและมั่นคงของฉินเฉิง ทันใดนั้นเองเธอก็หัวเราะขึ้นมา
“คนโง่ นายปกป้องตัวเองก่อนดีกว่าไหม” ซูหวานก็เอื้อมมือออกไปแล้วตบเข้าไปที่หัวของฉินเฉิง
“เธอไม่เชื่อฉันเหรอ?” ฉินเฉิงก็เลิกคิ้วของเค้าขึ้นมา: “อย่างน้อยสามีปีนี่ ฉันก็ต้องการที่จะให้นายไปอยู่ในจุดที่สูงที่สุดของจิงตู”
“สูงมากจนสามารถที่จะมองเห็นเมืองทั้งเมืองในตอนนี้ได้!”