จดหมายเชิญเขียนไว้เพียงชื่อของหลินชิงเฉิง
พูดให้ชัดก็คือ เรื่องนี้ หลินชิงเฉิงจะเป็นผู้ตัดสินใจ
แต่คุณปู่หลินกลับรู้สึกไม่ดี ทุกวันนี้เขาเกือบฝันร้ายทุกคืน
“ปู่ขอร้องเถอ พาฉินเฉิงไปด้วยได้ไหม” คุณปู่หลินพูดอีกครั้ง
หยางอี้ที่นั่งอยู่ข้างๆก็รู้สึกไม่พอใจนัก
เขาขมวดคิ้วและพูดว่า “คุณปู่ น่าจะทราบดีนะครับ ว่าตอนนี้ผมเป็นสามีของหลานคุณปู่”
“ใช่ หยางอี้คนที่มีพรสวรรค์ เขาแกร่งกว่าฉินเฉิงหลายเท่า?” คนอื่นๆตามพากันเสริม
เมื่อคุณปู่หลินเห็นดังนั้น เขสจึงรู้ว่าพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์
…
บนยอดเขาหลงไห่ ฉินเฉิงยังคงนั่งไขว่ห้าง
ขบวนยุทธรวบรวมวิญญาณนี้ วิญญาณทั่วเมือง ล้วนมารวมตัวกันที่ภูเขาหลงไห่
นั้นทำให้ ภูเขาหลงไห่ดูสมบูรณ์มากขึ้น ดอกไม้และพืชที่อยู่รอบๆ ก็งอกงามขึ้น
ในเวลานี้ฉินเฉิงได้รวมพลังลมปราณขั้นสาม โดยใช้เวลาไม่นาน
พอถึงตีสี่ตีห้า ตระกูลใหญ่ในปีนังต่างเริ่มเคลื่อนไหว
พวกเขาทั้งหมดมีจุดประสงค์เดียว และนั่นคืองานเลี้ยงเพื่อประชุมทางธุรกิจของตระกูลซู
เช้าตรู่ของวัน แสงแดดแรกบนท้องฟ้าก็ส่องมาที่ฉินเฉิง
ร่างกายของฉินเฉิง ดูเหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลง
พลังงานของจิตวิญญาณเข้ามาทางรูขุมขนของเขา และในที่สุดก็ไหลเข้าสู่จุดตันเถียนของเขา
“เห้อ!”
ในที่สุด ช่วงเวลาหกโมงกว่าๆ ฉินเฉิงก็ค่อยๆลืมตาขึ้น
ทุกรูขุมขนบนร่างกายของเขาดูเหมือนจะเปิดออก ตัวของเขาแช่อยู่ในบ่อน้ำพุร้อน ทำให้รู้สึกสดชื่นมาก
สายตาของเขามีพลังมากขึ้นและใบหน้าของเขาก็ดูหล่อเหลาขึ้น
“พลังลมปราณขั้นสาม!” ฉินเฉิงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
เมื่อยืนอยู่บนยอดเขา ตาของฉินเฉิง สามารถมองตรงไปได้หลายสิบไมล์ ในใจรู้สึกปีติ
ความทรงจำมากมายผนึกรวมกับสมองของเขา
ฉินเฉิงตอนนี้เหมือนกับนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญ
“วันนี้เป็นการประชุมธุรกิจของตระกูลซู” ฉินเฉิงเหลือบมองดูเวลาและพูดกับตัวเอง
มันจะเริ่มตอนแปดโมงเช้า ดังนั้นฉินเฉิงจึงไม่รอช้า อาบน้ำเสร็จ เขาก็สวมเสื้อผ้าที่ซูวานมอบให้และเตรียมออกเดินทางไปยังคฤหาสน์ของตระกูลซู
ทันทีที่เขาเดินมาถึงประตูด้านหน้า ฉินเฉิงก็พบกับซูวาน
“เธอมาที่นี่ทำไม” ฉินเฉิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ
ซูวานกลอกตาและพูดว่า “ฉันเกรงว่านายจะพลาดนัด ก็เลยมารอนาย”
“ผิดนัด?” ฉินเฉิงยิ้ม “ผมตอบตกลงกับคุณไปแล้ว จะผิดสัญญาได้ยังไง”
“งั้นนายก็จำคำพูดไว้ให้ดี” ซูวานพูดกึ่งตลกกึ่งจริงจัง “ขึ้นรถเถอะ งานจะเริ่มแล้ว”
ฉินเฉิงนั่งรถของซูวานไป มุ่งหน้าสู่บ้านของตระกูลซู
วันนี้คฤหาสน์ตระกูลซูเต็มไปผู้คนมากมาย
รถหรูหรานับไม่ถ้วนจอดอยู่เต็มลาน หน้าประตูมีบอดี้การ์ดสองคนคอยตรวจบัตรเชิญ
ผู้คนต่างแต่งตัวดูดีมีระดับ ถือของขวัญอยู่ในมือ และพยายามเข้าหาคุณปู่ซู
“โอเค นายเข้าไปข้างในก่อน ฉันจะไปเตรียมตัว” หลังจากลงจากรถ ซูวานก็พูดกับฉินเฉิง
ฉินเฉิงตอบรับ ทันใดนั้นซูวานก็ตะโกยเรียกฉินเฉิงอีกครั้ง เธอหยิบจดหมายเชิญจากกระเป๋าของเธอส่งให้ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันเกือบลืมไปแล้ว”
เมื่อรับจดหมายเชิญจากตระกูลซู ฉินเฉิงก็เดินไปที่ประตู
เขายืนอยู่ที่ประตูและมองไปรอบ ๆ แต่ไม่พบหลินชิงเฉิง
“พวกเขาน่าจะเข้าไปแล้ว” ฉินเฉิงคิดกับตัวเอง
การจัดงานของตระกูลซูจัดอย่างพิถีพิถัน เช่น มีการเลี้ยงค็อกเทลแบบบุฟเฟต์ พร้อมอาหารรสเลิศและเครื่องดื่มชั้นเลิศมากมายนับไม่ถ้วน
เมื่อมองไปรอบๆ ผู้คนส่วนใหญ่เป็นวัยกลางคน และมีคนหนุ่มสาวเพียงไม่กี่คนที่เป็นลูกชายของตระกูลใหญ่
“ว้าว ตระกูลซูจะหรูหราเกินไปแล้ว!” ที่โต๊ะบุฟเฟ่ต์ หลินชิงเฉิงกำลังกินกุ้งมังกรออสเตรเลีย
หยางอี้ที่อยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ งานเลี้ยงในวันนี้จะมีราคาหลายล้าน
ในขณะนั้นเอง ชายหนุ่มในชุดสูทสีขาวก็เดินเข้ามา
เมื่อเห็นชายหนุ่มคนนี้ หยางอี้รีบวางสิ่งที่ถืออยู่และเดินไปทักทายเขาอย่างกระตือรือร้น “คุณลู่ ไม่เจอกันนานเลย”
ชายที่รู้จักกันในชื่อคุณลู่ เหลือบมองหยางอี้ และพูดด้วยรอยยิ้ม: “อ้าว ตระกูลหยางของนายได้รับเชิญเข้าร่วมงานด้วยเหรอ?”
เมื่อต้องเผชิญกับการเยาะเย้ยของคุณลู่ หยางอี้ไม่โกรธ แต่ยิ้มและอธิบายว่า: “ฉันมากับคู่หมั้นของฉัน”
หลังจากพูดจบ เขาได้แนะนำ “นี่คือลู่เฟิง และนี่คือคู่หมั้นของฉันหลินชิงเฉิง”
“คุณลู่? คุณเป็นนายน้อยของกลุ่มเครือตระกูลลู่ใช่ไหม” หลินชิงเฉิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ
ตระกูลลู่เป็นตระกูลที่มีฐานะในปีนัง อุตสาหกรรมของตระกูลเขาถือครองอยู่คือหนึ่งในสาม
ลู่เฟิงพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “ประหลาดใจจริงๆ แม้แต่ครอบครัวหลินก็ได้รับเชิญ”
“ใช่ ฉันก็แปลกใจ” หยางอี้พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“มีอะไรเซอร์ไพรส์งั้นเหรอ ตระกูลซูคงเห็นนถึงศักยภาพของตระกูลหลินของเรา!” หลินชิงเฉิงไม่รู้สึกรู้ร้อนรู้หนาว
เมื่อลู่เฟิงได้ยินสิ่งนี้ เขาก็อดหัวเราะเยาะในใจไม่ได้
ศักยภาพ? ศักยภาพที่น่าขนลุก
“พี่ลู่ รู้ไหมว่าทำไมครอบครัวซูถึงจัดงานวันนี้ขึ้น จะมีการลงทุนครั้งใหญ่เหรอ?” หยางอี้ถาม
ลู่เฟิงเหลือบมองเขาและพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ “เห็นว่าตระกูลซูกำลังสนับสนุนชายหนุ่มอยู่คนหนึ่ง”
ทันใดนั้น สัมผัสของความอิจฉาก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหยางอี้ และเขากล่าวว่า “เฮ้ ถ้ามาสนับสนุนเขาก็คงจะดีสิ”
ลู่เฟิงชำเลืองมองเขาแล้วเยาะเย้ย “ตระกูลลู่ของฉันยังไม่มีคุณสมบัตินั้นเลย นับประสาอะไรกับตระกูลหยาง?”
หยางอี้ยิ้มและพูดว่า “พี่ลู่พูดถูก”
“เอ๊ะ? นั่นฉินเฉิงไม่ใช่หรือ? เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” ตอนนี้ฉินเฉิงกำลังมุ่งมาทางนั้น
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินเฉิงได้เห็นอาหารเลิศรสมากมาย และเขาจะไม่พลาดอย่างแน่นอน
“ฉินเฉิงนี่!” หลินชิงเฉิงอดไม่ได้ที่จะก่นด่าในใจ
ขณะพูด ฉินเฉิงก็เดินเข้ามาแล้ว
“ฉินเฉิง นายมาที่นี่ได้ไง!”หลินชิงเฉิงเท้าสะเอวแล้วด่าออกมา “นี่ นายแกล้วบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินแล้วเข้ามาในงานใช่ไหม? ฉันจะเรียกรปภ.ให้เอาตัวนายออกไป”
ฉินเฉิงเหลือบมองเธอและเยาะเย้ย “ตระกูลหลิน?ตระกูลหลินใหญ่โตขนาดนั้นเลยเหรอ? ”
“ไอ้บ้าเอ้ย…” หลินชิงเฉิงกำลังจะด่าออกมาแต่ถูกหยางอี้หยุดไว้
เขายิ้มและเดินไปหาฉินเฉิง และพูดว่า “เพื่อนผู้หญิงของนายพานายเข้ามาเหรอ?”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับนาย” ฉินเฉิงถามพลางเลิกคิ้วขึ้น
“นี่ใครเหรอ?” ลู่เฟิงถามอย่างไม่ใส่ใจ
หยางอี้ยิ้มและพูดว่า “เขาเป็นอดีตสามีของภรรยาฉัน อยู่กินกันมา3ปี แต่เขาถูกไล่ออกจากตระกูลหลิน ตอนนี้โชคคงเข้าข้างเขา ไปคบอยู่กับหญิงสาวผู้มั่งคั่งคนหนึ่ง”
หยางอี้หยุดพูดชั่วขณะ เขากระซิบไปที่หูของลู่เฟิงและพูดว่า “พี่ลู่ ผู้หญิงคนนั้นสวยมาก ฉันเดาว่าเขาจะมาวันนี้…”
“อ่อ?” ลู่เฟิงหัวเราะทันที “ฉันไม่ชอบแย่งของคนอื่น โดยเฉพาะผู้หญิง”
หยางอี้เแกล้งทำแววตาสงสารและกล่าวว่า “แต่ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะค่อนข้างรวย ตระกูลพี่ลู่น่าจะต้องระวังไว้”
“รวยเหรอ?” หลู่เฟิงพึมพำเบา ๆ “ในปีนัง ถ้าไม่ใช่ตระกูลซู คงไม่มีใครรวยไปกว่าลู่เฟิงแล้วแหละ?”
“พี่ลู่พูดถูก” หยางอี้พยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความทรยศ
“บ้าจริง เขาเข้ามาได้ยังไง” หลินชิงเฉิงยังคงสาปแช่งอยู่ข้างๆ “ต้องเป็นแม่นั่นแหงๆ!”
หยางอี้ยิ้มเบา ๆ และกล่าวว่า “อย่ากังวล ผู้หญิงคนนั้นจะต้องทุกข์ทรมานในไม่ช้า”
ขณะที่เขาพูดจบ ตรงนั้นก็เงียบเสียงลง
แสงสปอตไลต์ส่องลงมายังเวทีของสถานที่จัดงาน
จากนั้น ฉันก็เห็นผู้หญิงผมยาสวมชุดสีขาวเดินช้าๆ ใต้แสงไฟ
คนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เธอคือซูวาน
การแสดงออกของหลินชิงเฉิงเปลี่ยนไป “ก็แค่พิธีกร ทำไมหยิ่งยโสขนาดนี้!”
หยางอี้ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในปีนัง พิธีกรส่วนใหญ่ก็เป็นของเล่นของคนรวย
“พี่ลู่ นั่นไงผู้หญิงที่ฉันพูดถึง!” เมื่อนึกได้ก็ชี้นิ้วไปที่ซูวานอย่างรวดเร็ว
เมื่อลู่เฟิงได้ยิน ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที และเขาก็ด่าออกมา: “นายอยากตายหรือไง นั่นคือซูวาน ลูกสาวคนโตของตระกูลซู !”