ความรู้สึกที่มีมนต์ขลังแบบนี้เอง มันก็ทำให้ชายชราซูรู้สึกเสียสติไปซักพัก จากนั้นเค้าก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก!
ในตอนนี้เอง ฉินเฉิงก็เดินไปที่ประตูของห้องโถง เค้าก้มหน้า เค้ากำบัตรธนาคารเอาไว้ในมือของเค้าโดยที่ไม่รู้เลยว่าเค้าควรที่จะเก็บบัตรนี่เอาไว้ดีหรือไม่
“เดี๋ยวก่อน!” ทันใดนั้นเอง ชายชราซูก็ตะโกนออกมา
ฉินเฉิงเองที่หันหลังให้กับชายชราซู เค้าเองก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
เค้าหันหลังกลับมา เค้าเดินเข้าไปที่หน้าของชายชราซู เค้าก้มหน้าแล้วพูดว่า: “คุณท่านซูนี่คือบัตรที่คุณให้ฉันไว้ ฉันจะคืนมันให้กับคุณเดี๋ยวนี้เลย ขอโทษด้วยนะครับ”
ชายชราซูก็ผงะ เค้าโบกมือของเค้าขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า: “น้องชาย เอาของๆ เธอกลับไป ฉันจะไปว่าอะไรเธอ”
“งั้นคุณต้องการ?” ฉินเฉิงก็ขมวดคิ้วของเค้าขึ้นมาเล็กน้อย
ชายชราซูเองก็ไม่สามารถที่จะระงับความตื่นเต้นของเค้าได้เลย เค้าพูดขึ้นมาว่า: “น้องชาย ยาที่พึ่งให้ฉันกันเข้าไปเมื่อกี้ เธอเอามาจากไหนกัน?”
“ฉันทำมันขึ้นมาเอง…” ฉินเฉิงก็หน้าแดงขึ้นมา หลายปีที่ผ่านมาเค้าเองก็ต้องทนทุกข์ทรมานกับการเป็นคนที่ด้อยกว่า
“จริงเหรอ?” ชายชราซูก็ถามขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
ฉินเฉิงเองก็พยักหน้าขึ้นมาอย่างจริงจัง
“นายท่านซู นี่คือ?” หมอซุนที่อยู่ที่ด้านข้างสีหน้าของเค้าก็ดูงุนงงเล็กน้อย
ชายชราซูก็รีบมองไปที่หมอซุนแล้วพูดว่า: “ขอโทษนะคุณหมดซุน ตรวจดูให้ฉันอีกทีจะได้ไหม!”
หมอซุนเองก็ขมวดคิ้วของเค้าขึ้นมา: “นายท่านซูคงจะไม่ได้คิดจริงๆ ใช่ไหมว่ายานี่มันมีประโยชน์?”
“ฮ่าๆ เรื่องแบบนี้ใครจะบอกได้กัน งั้นก็ขอรบกวนคุณหมอซุนอีกครั้ง” ชายชราซูพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
คุณหมดซุนเองก็ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง แต่เค้าก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเพราะเห็นแก่หน้าของชายชราซู เค้าทำได้เพียงแค่ถอนหายใจออกมาเบาๆ
ทันใดนั้นเอง เค้าก็เดินตามชายชราซูขึ้นไปที่ด้านบน
เมื่อเดินไปได้ครึ่งทาง จู่ๆ ชายชราซูก็หันกลับมาแล้วตะโกนออกมาว่า: “น้องชาย เธอก็มาด้วยกันสิ”
“อ๊า?ฉัน?” ฉินเฉิงเองก็รู้สึกปลาบปลื้มเล็กน้อย เค้าเองก็ไม่กล้าที่จะคิดอะไรมากแล้วก็เดินตามไปในทันที
หลังจากที่มาถึงที่ชั้นบนแล้ว ฉินเฉิงเองก็เจอว่าที่นี่มันมีห้องตรวจร่างกายระดับมืออาชีพอยู่ มันมีอุปกรณ์การแพทย์ทุกรูปแบบ
ฉินเฉิงเองก็อึดอัดเล็กน้อย ตระกูลซูนี่ พวกเค้ามีภูมิหลังแบบไหนกัน?
“นายท่านซู เชิญครับ” คุณหมอซุนเองก็พยายามที่จะระงับความไม่พอใจของเค้า
ในระหว่างการตรวจร่างกาย ฉินเฉิงกับซูหวานเองก็ตามดูอยู่ตลอด
หลังการตรวจสอบทุกครั้ง สีหน้าของคุณหมอซุนเองก็ถึงกับสั่นสะท้านขึ้นมา
ทุกครั้งที่ตรวจเสร็จ หมอซุนเองก็ต้องตกใจเป็นอย่างมาก
เค้ายังคงพึมพำไม่หยุด: “นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน มันเป็นไปได้ไง!”
“หมอซุน คุณปู่ของฉันเค้าเป็นยังไงบ้าง?” เมื่อซูหวานเห็นแบบนี้ เธอเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลขึ้นมา
คุณหมอซุนเองก็กลืนน้ำลาย เค้ามองฉินเฉิงด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็พูดเสียงเบาๆ ขึ้นมาว่า: “เธอ….เธอเป็นใครกันแน่?”
ฉินเฉิงเองก็รู้สึกเขินขึ้นมาเล็กน้อย เค้าเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี
“คุณหมดซุน เป็นยังไงบ้าง?” ชายชราซูก็ถามขึ้นมา
คุณหมดซุนเองก็พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ตกใจ: “นายท่านซู ร่างกายของคุณ……มันมีสัญญาณของการฟื้นตัว มันคือการฟื้นตัว…..หากว่ามันยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป คุณก็น่าจะสามารถทำการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายเลือดได้อย่างแน่นอน!”
แม้ว่าชายชราซูจะเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่เมื่อได้ยินหมอซุนที่พูดออกมาแบบนี้ เค้าเองก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ
“น้องชาย ช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่านี่มันคือยาอะไรกัน?” หมอซุนก็พูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น เค้าจับเข้าไปที่แขนของฉินเฉิง
ฉินเฉิงเองก็ส่ายหัวของเค้าขึ้นมาแล้วพูดว่า: “ขอโทษด้วย ฉันไม่สามารถบอกคุณได้จริงๆ”
คุณหมอซุนเองก็อ้าปากของเค้าขึ้นมาแล้วพูดออกมาด้วยความเคารพ: “ฉันต้องขอโทษด้วยสำหรับความหยาบคายของฉันในตอนแรก สิ่งนี้มันจะต้องเป็นปราฏิหารย์ทางการแพทย์อย่างแน่นอน!”
ฉินเฉิงเองก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ในใจของเค้าเอง เค้าก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
เพราะสิ่งที่เค้ากลั่นขึ้นมานั้นมันก็เป็นเพียงแค่ยาที่ขั้นที่ต่ำที่สุดจากมรดกพี่พ่อของเค้ามอบให้ไว้ก็เท่านั้น
“น้องฉิน ตั้งแต่วันนี้ไป เธอเป็นผู้มีพระคุณกับฉันและคนของตระกูลซู!” ชายชราซูเองก็พูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น เค้าจับเข้าไปที่แขนของฉินเฉิง
“ดูสิ หนูบอกแล้วว่าฉินเฉินจะต้องทำให้ปู่หายได้อย่างแน่นอน ปู่ไม่เชื่อเอง” ซูหวานทำหน้าบึ้งแล้วก็แสร้งทำเป็นงอนขึ้นมา
ชายชราซูเองก็ยิ้มขึ้นมาอย่างขมขื่น: “ใช่ ใช่ ใช่ เป็นปู่เองที่ดูไม่ออก ไม่ต้องห่วง ต่อจากนี้ไป ฉินเฉิงเค้าจะเป็นแขกคนสำคัญของตระกูลซูของฉัน!”
ฉินเฉิงเองก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าชายชราซูดูเป็นทางการกับเค้ามากเกินไป
“น้องฉิน เธอเองก็ช่วยฉันมามากแล้ว ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบแทนเธอยังไงดี” ชายชราซูก็พูดต่อไป “ถ้าหากว่าอยากได้อะไรหละก็ เธอก็แค่บอกฉัน”
ฉินเฉิงเองก็รีบส่ายหัวของเค้าขึ้นมาอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า: “คุณไม่จำเป็นต้องสุภาพกับผมมากขนาดนั้นก็ได้”
ชายชราซูก็พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่จริงจัง: “ตอนแรกฉันเองก็รู้สึกผิด ถ้าหากว่าฉันได้รับความกรุณาจากเธอ ฉันจะเอาหน้าไปไว้ไหนกัน!”
ฉินเฉิงเองก็อดไม่ได้ที่เงียบไปซักพัก จากนั้นเค้าก็พูดขึ้นมาว่า: “นายท่านซู ผมมีสิ่งใหนึ่งที่อยากจะขอ”
“น้องฉินพูดมาเลย ในเมืองปีนังนี่มันไม่มีอะไรที่ฉันไม่สามารถทำได้” ชายชราก็พูดขึ้นมาด้วยความภาคภูมิเล็กน้อย
ฉินเฉิงเองก็มองไปที่ชายชราซูแล้วพูดขึ้นมาอย่างนอบน้อม: “ผมต้องการบ้านซักหละง”
“บ้านอย่างงั้นเหรอ?” เมื่อชายชราซูได้ยินแบบนั้น เค้าเองก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
เค้าปัดมือของเค้าขึ้นมาอย่างเร็วแล้วพูดว่า: “ไปเอากุญแจของคฤหาสน์มาให้ฉัน”
พ่อบ้านก็ตอบตกลง จากนั้นเค้าก็หันหลังแล้วเดินจากไป
หลังจากนั้นไม่นาน พ่อบ้านก็เดินกลับมาพร้อมกับกุญแจหลายดอก
“น้องฉิน นี่คือบ้านพักในชุมชนหลงไห่ เธอสามารถที่จะเอามันไปแล้วอาศัยอยู่ที่นั่นก่อนได้” ชายชราซูก็ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
ชุมชนหลงไห่ ฉินเฉิงเองก็เคยได้ยินชื่อมาก่อน มันเป็นย่านพักอาศัยที่หรูที่สุดในปีนัง
ที่น่าประหลาดใจก็คือบ้านพักที่อยู่ที่ใจกลางยอดเขาที่สูงสุดของชุมชนนี้มันก็ล้วนแล้วแต่เป็นบ้านพักของบุคคลชนชั้นสูงของปีนัง!
“นายท่านซู นี่….มันแพงเกินไป ฉันต้องการแค่บ้านพักธรรมดาก็เท่านั้น” ฉินเฉิงก็เบนหน้าของเค้าหนีซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ชายชราซูก็หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า: “ชีวิตของฉัน หรือว่ามันจะเทียบไม่ได้กับคฤหาสน์พวกนี้เหรอ?”
เมื่อฉินเฉิงได้ยินแบบนั้น เค้าก็เลิกที่จะเบนหน้าหนีแล้วยอมรับมันในทันที
หลังจากที่รักษาอาการป่วยของชายชราซูแล้ว ฉินเฉิงก็หาเหตุผลที่จะออกไปจากที่นี่
สิ่งที่เค้าคิดได้ในตอนนี้ก็คือมรดกที่พ่อของเค้าทิ้งไว้ให้และเส้นวทางสู่ความเป็นอมตะ
“ซูหวาน เธอพาน้องฉันไปที่ชุมชนหลงไห่” ชายชราซูก็สั่งขึ้นมา
“ได้ค่ะ!” ซูหวานก็ตอบตกลงอย่างพอใจ เธอมีความสุขอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้กับฉินเฉิง
ซูหวานเองที่อยู่อาศัยในแวดวงคนรวยมาตั้งแต่ยังเด็ก เธอเองก็คุ้นเคยกับคนมากมาย แต่การที่ได้เห็นผู้ชายที่มีความสามารถและถ่อนตนอย่างฉินเฉิน เธอเองก็อธิบายไม่ถูกเลย
จากนั้นไม่นานทั้งสองก็มาถึงที่ชุมชนหลงไห่
ภูเขานี่มันก็ตั้งตระหง่านอยู่ในกลางชุมชน มันสามารถที่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจนเลย
บนยอดเขามันก็มีเมฆหนาแล้วก็มีหมอก มันดูราวกับแดนสวรรค์
“นี่ก็คือคฤหาสน์ที่อยู่บนยอดเขา” ซูหวานก็ชี้ขึ้นไปที่บนภูเขา
ฉินเฉิงเองก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เค้าอดไม่ได้ที่จะอุทานขึ้นมาว่า: “คฤหาสน์บนยอดเขานี่คือสถานที่ๆ นายท่านซูมอบให้กับฉันอย่างงั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว” ซูหวานก็พูดขึ้นมา “ที่นี่ก็คือสถานที่ๆ เมืองปีนังมอบให้กับปู่ของฉัน ปู่ของฉันเค้าหายใจไม่ค่อยสะดวกก็เลยไม่ได้มาอยู่ที่นี่”
ในใจของฉินเฉิง เค้าเองก็บอกไม่ได้เลยว่าเค้ากำลังรู้สึกอย่างไร ชายชราซูคนนี้เค้าเป็นคนแบบไหนกันแน่?
“นายรออยู่ที่นี่ก่อน ฉันไปจดรถก่อน ที่นี่มันขับรถขึ้นเขาไม่ได้” ซูหวานก็พูดขึ้นมา
ฉินเฉิงก็ตอบตกลง จากนั้นเค้าก็ลงไปจากรถ
ไม่นานหลังจากที่ซูหวานขับรถของเธอออกไป รถเบ้นซ์สีดำมันก็มาจอดที่ตรงหน้าของฉินเฉิง
“โอ้ ฉินเฉิง ทำไม่แกถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” เมื่อหน้าต่างรถถูกเลื่อนลง เค้าก็มองเห็นใบหน้าที่น่าขยะแขยงของหยางอี้
และที่นั่งถัดไปก็คืออดีตเมียของฉินเฉิง หลิงชิงเฉิง
“ฉินเฉิง แกป่วยเหรอ? พวกเราเองก็หย่ากันไปแล้ว ทำไมแกถึงได้ยังคงดิ้นรนอยู่แบบนี้?” หลินชิงเฉิงก็แสดงท่าทีรังเกียจออกมาทันทีที่มองเห็นฉินเฉิง
ฉินเฉิงเหลือบมองไปที่เธออย่างเย็นชาแล้วพูดว่า: “ขอโทษที ฉันอยู่ที่นี่หนะ”