เรื่องพวกนี้ เค้าไม่เคยพูดกับใครเลย
ต่อให้พูดออกไป ก็ไม่มีใครเชื่อ
เค้ารีบลุกขึ้นมา จากนั้นก็พูดออกมาอย่างเคร่งขรึม: “ไม่ว่าสิ่งที่เธอพูดมันจะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จและไม่ว่าฉินเฉิงจะทำมันหรือไม่ก็ตาม ฉันไม่ยอมให้เธอหย่า ห้ามปล่อยให้เค้าหลุดออกไปจากบ้านตระกูลฉิน!”
“คุณปู่ ปู่พูดเรื่องอะไรกัน!” หลินชิงชือก็กระทืบเท้าของเธอขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
ในตอนนี้เอง ฉินเฉิงก็เดินเข้ามา
เมื่อเห็นฉินเฉิงที่เดินเข้ามา แววตาของหลินชิงชือก็สว่างขึ้นมา เธอวิ่งเข้าไปลากฉินเฉิงเข้ามาแล้วพูดว่า: “นายรีบบอกปู่ไปสิว่านายสัญญาแล้วว่าจะหย่ากับพี่สาวของฉัน!”
ฉินเฉิงเองก็เหลือบมองไปที่หลินชิงชือ เค้าไม่พูดอะไรเลย แต่เค้าก็เดินตรงเข้าไปหาชายชราหลินและก้มหัว จากนั้นก็เรียกว่าคุณปู่
หลังจากที่เห็นฉินเฉิงแล้ว ชายชราหลินก็รีบลุกขึ้นมา เค้าเอื้อมมือของเค้าไปจับที่ข้อมือของฉินเฉิงแล้วพูดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มว่า: “ฉินเฉิง เธอไม่ต้องพูดอะไรหรอก ปู่เชื่อมั่นในตัวเธอ”
ฉินเฉิงก็ส่ายหัวของเค้าขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น: “คุณปู่ ผมมาที่นี่ครั้งนี้…….ก็เพื่อมาบอกลาคุณ”
เมื่อชายชราหลินได้ยินอย่างนั้น สีหน้าของเค้ามันก็เปลี่ยนไปในทันที เค้าพูดขึ้นมาด้วยความกังวลว่า: “เฉิงเฉิง เธอพูดเรื่องอะไรของเธอ! ปู่รู้ว่าเธอไม่ได้ทำผิดอะไร ปู่จะให้พวกเค้าทั้งสองขอโทษเธอตอนนี้เลย!”
“ขอโทษ? นี่มันอะไรกัน!” สองพี่น้องตระกูลหลิน พวกเธอก็พูดออกมาด้วยท่าทีที่ไม่พอใจ
“เธอ…..” ฉินเฉิงก็โบกมือของเค้าขึ้นมาเบาๆ ในตอนที่ชายชราหลินกำลังจะตำหนิพวกเธอ
เค้าพูดขึ้นมาอย่างขมขื่น: “คุณปู่ ผมรู้ว่าผมไม่คู่ควรกับชิงเฉิงเลยและนี่มันก็เป็นความเมตตาอย่างหาที่สุดไม่ได้เลยของปู่ อย่างงั้นตลอดสามปีที่แต่งงานมานี้ ผมก็พยายามมาอย่างหนัก”
“แต่….ชีวิตแบบนี้ ผมพอแล้ว ผมพอกับมันแล้วจริงๆ”
“ที่บ้านตระกูลหลิน แม้แต่คนใช้เองก็ยังไม่เห็นหัวผมเลยด้วยซ้ำ ทุกคนไม่เคยมองมาที่ผมเลยด้วยซ้ำ พวกเค้าไม่แม้แต่ที่จะจัดโต๊ะอาหารให้ผมเลยด้วยซ้ำ”
“ผมจะไม่มีวันลืมความใจดีของคุณเลย แต่ตระกูลหลินนี่…..ผมไม่อยากที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปแล้วจริงๆ”
หลังจากที่พูดจบ ฉินเฉิงก็ก้มลงแล้วโค้งคำนับให้กับชายชราหลิน
หลังจากนั้นเอง เค้าก็หันหน้าแล้วจากไป
ชายชราหลินก็เปิดปากของเค้าขึ้นมา เค้าพยายามที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับพบว่ามันก็ติดอยู่ในลำคอ เค้าพูดอะไรไม่ออกเลย
เมื่อเดินออกไปจากประตูของบ้านตระกูลหลิน นี่มันก็เป็นครั้งแรกที่ฉินเฉิงรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
ในที่สุดแล้ว ชีวิตที่น่าขายหน้าของเค้ามันก็จบลงในวันนี้
“ตั้งแต่วันนี้ไป ฉันจะต้องไม่มีชีวิตแบบนี้อีก!” ฉินเฉิงก็สาบานกับตัวเองในใจ
ในตอนนี้เอง ในสถานที่ๆ ไม่ไกลออกไปก็มีคนสี่ห้าคนที่วิ่งมาพร้อมกับไม้กระบอง
คนที่เข้ามาก็ไม่ใช่คนอื่นเลย แต่เป็นจ้าวซานแฟนของหลินชิงชือ
จ้าวซานเป็นคนธรรมดา เค้าได้พบกับกลุ่มของเพื่อนๆ ในสังคม ว่ากันว่าเค้าช่วยหลินชิงชือระบายความโกรธของเธอด้วยการไปหักขาของคนอื่น!
ดังนั้น ฉินเฉิงก็เลยรู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นจ้าวซาน
“ไอ่เวร ดูไม่ออกเลยเหรอ แกมันไอ่เวร!” จ้าวซานก็คว้าคอปกเสื้อของฉินเฉิงขึ้นมาแล้วผลักเค้าเข้าไปที่ผนัง
ฉินเฉิงก็กัดฟันของเค้าและอธิบายขึ้นมาว่า: “ฉันไม่อยากที่จะจับตัวเธอเลยด้วยซ้ำ”
“จะบอกว่าเธอยั่วแกอย่างงั้นเหรอ?” สีหน้าของจ้าวซานก็เย็นชาขึ้นมา เค้าตบเข้าไปที่หน้าของฉินเฉิง
สีหน้าของฉินเฉิงมันก็แดงขึ้นมา เค้าจิกหนังหัวของตัวเองแล้วพูดว่า: “จ้าวซาน ฉันออกมาจากตระกูลหลินแล้ว จากนี้ต่อไปฉันจะไม่ไปเจอหลินชิงชืออีก….นายปล่อยฉันไปเถอะนะ”
“ปล่อยแกอย่างงั้นเหรอ?” จ้าวซานก็เยาะเย้ยขึ้นมา “แกมาแตะต้องแฟนของฉันแล้วจะให้ฉันปล่อยแกไปอย่างงั้นเหรอ?”
หลังจากที่พูดจบ เค้าก็โบกมือของเค้าขึ้นมา จากนั้นผู้คนที่ถือไม้กระบองรอบตัวเค้าก็เดินเข้ามา
“ฉันจะให้โอกาสแก คุกเข่าลงต่อหน้าของหลินชิงชือแล้วขอโทษเธอซะ ไม่อย่างงั้นฉันจะตัดมือของแกซะ แกเลือกเอาก็แล้วกัน” จ้าวซานก็พูดขึ้นมาอย่างเย่อหยิ่ง
ฉินเฉิงกัดฟันของเค้าขึ้นมาแล้วพูดว่า: “จ้าวซาน นายอย่ารังแกคนอื่นเลย”
“รังแกคนอื่นอย่างงั้นเหรอ” จ้าวซานก็ยกมือของเค้าขึ้นมาแล้วตบเข้าไปที่ฉินเฉิงอีกครั้ง “แกกล้าที่จะมาพูดแบบนี้กับฉันอย่างงั้นเหรอ จะคุกเข่าไหม?”
สีหน้าของฉินเฉิงดูไม่ได้เลย เค้าตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ปล่อยเรื่องนี้เอาไว้อย่างแน่นอน!
ในที่สุด เค้าก็กัดฟันแล้วพูดว่า: “ถ้าแกแน่จริงแกก็ตีฉันให้ตายสิ!”
“เย็ดแม่มึง!” จ้าวซานก็โกรธขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดนี้ จากนั้นเค้าก็เตะเข้าไปที่ท้องของฉินเฉิง
ฉินเฉิงเองก็ถอยหลังออกไปสองก้าว จากนั้นหมัดแรกของเค้ามันก็ชกเข้าไปที่หน้าของจ้าวซาน
แต่ฉินเฉิงทุกวันที่บ้านเค้าก็เอาแต่ล้างจานกับทำกับข้าว เค้าจะไม่แข็งแรงมากแค่ไหนกันเชียว?
ทันทีที่หมัดนี้ออกไป แทนที่มันจะขู่ให้จ้าวซานกลัว มันกลับทำให้เค้าโกรธขึ้นมา
“แกกล้าที่จะตอบโต้อย่างงั้นเหรอ? ไอ่ห่า กูเล่นมึงแน่!” จ้าวซานก็สั่งให้พวกสี่ห้าคนนั้นเข้ามารุมล้อมเค้าเอาไว้
แท่นไม้ยังก็ฟาดเข้าไปที่ร่างของฉินเฉิงราวกับสายฝน
ฉินเฉิงทำได้เพียงแค่เอามือขึ้นมากันหัวของเค้าเอาไว้อย่างไม่หยุด
จากนั้นไม่นาน แขนของเค้าก็เริ่มชาแล้วเค้าก็หมดสติไป
หลังจากนั้นไม่นาน มือของเค้ามันก็ค่อยๆ อ่อนลง
“ปัง!”
ในที่สุด หลังจากที่ทนทุกข์กับไม้กระบองที่ฟาดเข้าไปที่หัวของเค้า ฉินเฉิงก็ไม่สามารถที่จะยืนได้
เลือดสดๆ มันก็ไหลลงมาที่หน้าผากของเค้า
สติของเค้ามันก็ค่อยๆ เลือนลาง ความรู้สึกที่เหน็ดเหนื่อยมันก็แผ่นซ่านไปทั่วร่างกายของเค้า
“ฉันอย่างนอนจริงๆ …..ในที่สุดก็เป็นอิสระแล้ว…..” ก่อนที่จะล้มตัวลง นี่มันก็เป็นครั้งแรกที่ฉินเฉิงรู้สึกผ่อนคลายอย่าง
โลกตกอยู่ในความมืด ท่ามกลางความมืด ดูเหมือนว่ามันจะมีความสว่างขึ้นมาเล็กน้อย
“คนไร้ค่า”
ฉินเฉิงอยู่ในอาการมึนงง ในความมึนงงนั้นเอง เค้าก็ได้ยินเสียที่ไม่คุ้นเคยขึ้นมา
“ใคร? ใครพูด?” เมื่อได้ยินเสียงนี้ ฉินเฉิงก็ตะโกนออกมาด้วยความรู้สึกที่ปั่นป่วน
“ในฐานะลูกมังกร แต่ต้องมาอยู่อย่างต้อยต่ำ เจ้าทำให้ข้าขายหน้า” เสียงนั่นก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
จากนั้นเอง ภาพมันก็ค่อยๆ ปรากฎขึ้นมา
ในภาพนี่เอง เลือดที่ไหลลงแม่น้ำ ศพที่เต็มไปทุกหนทาง โลกทั้งใบมันดูราวกับถูกห่อหุ้มด้วยพลังงานสีดำ มันดูราวกับนรกบนดิน นี่มันน่ากลัวเป็นอย่างมาก
ในภายนั้นมันก็มีชายชราคนหนึ่งที่ยืนอยู่บนยอดเขา เค้ามองลงมาอย่างเย็นชา
ท่าทีของเค้ามันดูราวกับราชา มันทำให้ผู้คนที่เห็นต้องคำนับให้
อย่างไรก็ตาม ภาพนี้เองมันก็ทำให้ฉินเฉิงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
เค้ามองดูชายคนนั้นด้วยความกลัวแล้วตะโกนเสียงดังขึ้นมา: “คุณ…..คุณเป็นใครกัน! นี่ผมอยู่ที่ไหนกัน!”
ชายคนนั้นเค้าไม่พูดอะไรออกมาเลย เค้าจ้องมองไปที่ฉินเฉิงอย่างเย็นชา
ชายคนนั้นเค้าก็พูดขึ้นมาอย่างช้าๆ ว่า: “ถ้าหากว่าฉันมีลูกชายอีกคน ฉันจะต้องยกมรดกทั้งหมดให้เค้าสืบทอดอย่างแน่นอน”
ลูกชาย?
ฉินเฉิงก็ตกใจขึ้นมา คนๆ นี้เค้าก็คือพ่อที่เค้าไม่เคยรู้จักมาก่อนอย่างงั้นเหรอ?
เค้ามองไปที่ชายชราคนนั้นแล้วก็สัมผัสได้ถึงความใกล้ชิดบางอย่างที่มันไม่สามารถที่จะอธิบายอะไรได้เลย
“คุณ….คุณคือพ่อของผมอย่างงั้นเหรอ…..” ฉินเฉิงก็ตะโกนเสียงดังออกมา
หลายปีมาแล้ว เค้าเองก็เฝ้าฝันมาตลอดว่าพ่อแม่ของเค้าเป็น แต่คุณปู่หลินก็ไม่เคยบอกเค้าเลย
และฉินเฉิงก็ได้พบเจอเข้ากับพ่อแม่ของเค้าในความฝันมาแล้วมากกว่าหนึ่งครั้ง แต่ทุกครั้งพ่อของเค้าจะหันหลังให้กับเค้าอยู่เสมอ
ร่างที่สูงๆ นั้นก็ค่อยๆ ซ้อนเข้ากับคนที่อยู่ตรงหน้าของเค้า
“พ่อ!” ในตอนนี้เอง ฉินเฉิงก็พูดขึ้นมา เค้าไม่แม้แต่ที่จะสนใจความน่ากลัวของศพที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเค้าเลย เค้าวิ่งเข้าไปหาชายคนนั้นอย่างสิ้นหวัง
แต่ไม่ว่าฉินเฉิงจะพยายามมากแค่ไหน ระยะห่างระหว่างทั้งสองก็ยังคงห่างไกล มันไม่ใกล้เข้ามาเลยด้วยซ้ำ!
ชายคนนั้นเค้าก็จ้องมองไปที่ฉินเฉิงอย่างเงียบๆ หลังจากนั้นไม่นานเค้าก็พูดขึ้นมาว่า: “ตั้งแต่วันนี้ต่อไป เจ้าจะต้องสืบทอดมรดกจากข้า ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”
หลังจากที่พูดจบ เค้าก็หันหลังให้กับฉินเฉิงอีกครั้ง
ฉินเฉิงก็ตะโกนขึ้นมาอย่างสิ้นหวัง ผู้ชายคนนี้ไม่หันกลับมามองตัวเองอีกเลย
ร่างนั่นดูสูงและโดดเดี่ยว เค้าจ้องมองดูโลกอย่างเงียบๆ มันดูราวกับว่าเค้ากำลังหวนคิดถึงและไม่เต็มใจ
หลังจากนั้นไม่นาน ภาพที่อยู่ตรงหน้าของฉินเฉิงก็เริ่มพังทลายลงแล้วร่างของพ่อก็ค่อยๆ จางหายไป
“พ่อ…..พ่ออย่าไป…..” ฉินเฉิงตะโกนออกมาอย่างสิ้นหวังแล้วน้ำตาของเค้าก็ไหลออกมาในทันที
“พ่อ ได้โปรดอย่าไป….” ฉินเฉิง คุกเข่าลงกับพื้น เค้าร้องไห้เสียงดังขึ้นมา
หลายปีที่ผ่านมานี้เอง เค้าจินตนาการนับครั้งไม่ถ้วนเลยว่าถ้าหากว่าพ่อของเค้ายังมีชีวิตอยู่มันก็คงจะดีมากไม่น้อยเลย
ถ้าเป็นอย่างงั้น มันก็คงจะไม่ต้องมาโดนใครรังแกอย่างงี้ใช่ไหม?
สำหรับความรัก เค้าก็กระตืนรือร้นเป็นอย่างมาก
ในที่สุด ฉากที่อยู่ตรงหน้าของเค้ามันก็สลายหายไป ในเวลาไม่ช้านี้เอง ภาพที่อยู่ตรงหน้าของเค้ามันก็กลับกลายเป็นสีดำสนิทขึ้นมาอีกครั้ง
…
ในตอนที่เค้าได้สติขึ้นมา เค้าก็กำลังนอนอยู่บนเตียงขนาดใหญ่
ที่ด้านข้างมันก็เป็นตู้เก็บของโบราณ ด้านหน้าของเค้ามันก็เป็นโต๊ะกับเก้าอี้ไม้
“ฟื้นแล้วเหรอ” ในตอนนี้เอง ก็มีเสียงหยึ่งที่ดังขึ้นมาที่ข้างๆ ฉินเฉิง
เมื่อมองขึ้นไป เค้าก็มองเห็นเรียงขายาวกับผิวขาวของผู้หญิงที่ยืนอยู่
“เธอคือ?” ฉินเฉิงมองเธอด้วยความสงสัย
เธอโบกมือของเธอขึ้นมาแล้วพูดว่า: “ฉันเห็นนายนอนอยู่ที่ข้างถนนแล้วก็ไม่มีใครสนใจนายเลย ฉันเลยเอานายไปส่งที่โรงพยาบาล แต่ที่น่าแปลกก็คือนายเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสมากขนาดนี้ แต่หมอกลับบอกว่านายไม่เป็นอะไรเลย”
ฉินเฉิงทุบหัวของเค้า เค้าพึมพำขึ้นมาในใจของเค้า: “หรืออาจจะเป็นเพราะ…..ความฝันนั่น?”
ในตอนนี้เอง แสงสีทองมันก็ปรากฎขึ้นมาในจิตใจของฉินเฉิง
ทุกสิ่งทุกอย่างมันถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีทอง
มันมีตำรายาศักดิ์สิทธิ์ เทคนิคลับของการเป็นอมตะ ความลับของโลกในปัจจุบัน……
และที่ปลายทางนั่น มันก็มีออร่าสีน้ำเงินเข้มๆ ขึ้นมา มันดูราวกับมังกร
“มรดก?” ฉินเฉิงตื่นขึ้นมาในทันที: “นี่เป็นมรดกของพ่ออย่างงั้นเหรอ?”
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เค้าเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจขึ้นมา
ดูเหมือนว่าฉากนี่มันจะไม่ใช่แค่ความฝัน!
“คุณซู หมอหลี่มาแล้วครับ” ในตอนนี้เอง ผู้หญิงที่แต่ตัวในชุดแม่บ้านก็เดินเข้ามา เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
คุณซูก็พยักหน้าขึ้นมา จากนั้นเธอก็เหลือบมองไปที่ฉินเฉิงแล้วพูดว่า: “ในเมื่อเธอฟื้นขึ้นมาแล้ว งั้นฉันก็จะไม่กวนนายแล้ว”
ฉินเฉิงก็ลุกขึ้นมาจากเตียง เค้าก้มหน้าของเค้าลงแล้วพูดว่า: “ขอบคุณนะที่พาฉันกลับมา…..”
คุณซูก็กลอกตาของเธอแล้วพูดว่า: “พระในวัดบอกเอาไว้ว่า ต้องช่วยชีวิตคน ต้องทำดีให้มาก ฉันเองก็ทำเพื่อปู่ของฉันด้วย”
หลังจากที่พูดจบ เธอก็ผายมือของเธอออกมาแล้วก็เตรียมที่จะเดินออกไป
“งั้น…..เธอชื่ออะไร?” ฉินเฉิงก็ตะโกนออกมา
คุณซูเองก็เหลือบมองไปที่ฉินเฉิงแล้วก็โบกมือขึ้นมา: “นายไม่จำเป็นต้องรู้ชื่อของฉันหรอก เราก็พึ่งจะมาเจอกันเอง ต่อไปก็ไม่มีโอกาสที่จะได้เจอกันอีก”
หลังจากที่พูดประโยคนี้เอง คุณซูก็หันหน้าแล้วเดินออกไป
ฉินเฉิงก็ไม่รู้จะทำยังไง แต่เธอก็ส่ายหัวขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ขมขื่น
เค้าเองก็เกรงใจที่จะอยู่ต่อ ดังนั้นเค้าก็เลยทำได้เพียงแค่เก็บของแล้วออกไป
ที่ด้านนอกประตู มันก็มีสวนขนาดใหญ่พร้อมกับรถหรูสองสามคันที่จอดอยู่ข้างๆ
มันเห็นได้เลยว่าคุณซูนี่เธอมีฐานะดีมาก
ที่กลางสวนมันก็มีโต๊ะกับเก้าอี้ไม้โอ๊คสีขาวอยู่
ชายชราคนหนึ่งกับชายที่แต่งตัวเป็นหมอ พวกเค้าก็กำลังคุยกันอยู่
ชายชราผมหงอกดูท่าจะอ่อนแอ มันดูราวกับว่าเค้าจะป่วยหนัก
“หมอหลี่ อาการป่วยของปู่ฉันขึ้นอยู่กับคุณ” คุณซูก็เดินไปบอกอย่างสุภาพ
คนที่ชื่อหมอหลี่ก็พยักหน้าขึ้นมาเล็กน้อยแล้วยิ้มเบาๆ : “ไม่ต้องห่วงครับ ผมดูอาการคุณซูมาแล้ว เค้าอาการทางจิตแล้วก็ยังต้องทานยา”
เมื่อคุณซูได้ยินแบบนั้น เธอก็ยิ้มและพูดขึ้นมาอย่างซาบซึ้งว่า: “ขอบคุณมาก!”
หมอหลี่ก็ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยแล้วพูดว่า: “มันเป็นหน้าที่ของผมที่จะต้องรักษาคนป่วยแล้วช่วยเหลือผู้คน คุณไม่ต้องสุภาพกับผมมากขนาดนั้นหรอกครับ”
หลังจากที่พูดจบ เค้าก็เตรียมจ่ายยาให้กับคุณซู
“คุณหมอหลี่ นี่คุณไม่ได้ดูผิดใช่ไหม?” ทันใดนั้นเอง ฉินเฉิงที่อยู่ที่ด้านข้างก็พูดขึ้นมา
คุณหมอหลี่ก็ขมวดคิ้วของเค้าขึ้นมา เค้ามองไปที่ฉินเฉิงแล้วพูดว่า: “คุณเป็นใครกัน หรือว่าคุณเองก็เป็นหมอ?”
คุณซูเองก็ขมวดคิ้วของเธอขึ้นมา: “ทำไมนายยังไม่ไปอีก?”
“คุณหมอหลี่ อย่าเข้าใจผิด เค้าเป็นแค่…..เพื่อนของฉัน” คุณซูก็เพียงแค่หาเหตุผลขึ้นมาอธิบายก็เท่านั้น
ฉินเฉิงก็อธิบายขึ้นมาอย่างร้อนรน: “แม้ว่าฉันจะไม่ใช่หมอ แต่ฉันก็เห็นว่าชายคนนี้เค้ากำลังมีอันตรายถึงชีวิต!”
เค้าเองก็เห็นอย่างชัดเจนว่าเมฆพลังงานสีดำที่ห้อมล้อมร่างของชายชราซูเอาไว้
หมอกสีดำนี่มันเหมือนกันทุกประการกับภาพในฝัน!
“ไร้สาระ!” หมอหลี่ก็โมโหขึ้นมาในทันที “ทำไม คุณสงสัยในทักษะทางการแพทย์ของฉันอย่างงั้นเหรอ? คุณซู ถ้าหากว่าคุณไม่เชื่อมั่นในตัวผม อย่างงั้นผมก็จะไปเดี๋ยวนี้เลย!”
จู่ๆ คุณซูเองก็กังวลขึ้นมา เธอมองไปที่ฉินเฉิงด้วยความโกรธแล้วพูดว่า: “ถ้านายยังมาพูดเรื่องไร้สาระอีก อย่ามาหาว่าฉันเสียมารยาทนะ!”
ฉินเฉิงเองก็อ้าปากของเค้าขึ้นมา ในตอนนี้เองเค้าก็ไม่รู้เลยว่าจะต้องอธิบายยังไงดี ดังนั้นเค้าก็เลยทำได้เพียงแค่ยืนนิ่งแล้วก็ไม่พูดอะไรไปซักพัก
ในตอนนี้เอง ชายชราซูที่กำลังนอนอยู่บนเก้าอี้หวายเค้าก็ตัวสั่นขึ้นมาอย่างแรง
จากนั้นก็มองเห็นใบหน้าของเค้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เค้าหายใจลำบาก ใบหน้าของเค้ากลายเป็นสีม่วงไปหมด