ตอนที่ 168 ค้นหา
เมื่อเห็นตรงหน้าเต็มไปด้วยแมลงสีแดง พวกเราสามคนก็นิ่งอึ้งไปทันที เผยสีหน้าที่หวาดกลัวออกมา
แต่ท่านนักพรตตู๋กลับตะโกนออกมาทันที “ ฝ่าออกไป พวกเราจะโดนขังอยู่ในนี้ไม่ได้ ! ”
หลังจากพูดจบ ท่านนักพรตตู๋ก็พุ่งออกไปทางประตู
ผมและเฟิงเฉ่วหานก็ไม่กล้าชักช้า ถึงจะกลัว แต่พวกเราก็ยังตามไปติดๆ
ตอนนี้ประตูบ้านเต็มไปด้วยแมลงกองยักษ์ รอบๆยังมีแมลงที่คลานเข้ามาหาพวกเราอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้สถานการณ์อันตรายมาก
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ท่านนักพรตตู๋ก็ไม่กลัว เมื่อเข้ามาใกล้ประตู ท่านนักพรตตู๋ก็ถีบอย่างแรง
“ ปัง ” ทันใดนั้นประตูก็ถูกถีบออกทันที
แมลงเหล่านั้น ต่างล่วงลงเพราะการถีบของท่านนักพรตตู๋
แต่แมลงบางส่วนที่เพิ่งหล่นลงบนขาของท่านนักพรตตู๋ กลับเริ่มอ้าปากกัดกางเกงของเขาทันที
แต่ท่านนักพรตตู๋ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนี้ วินาทีนั้นเขาตะโกนว่า “ ไป ” จากนั้นก็วิ่ง ออกไปจากบ้านหลังนี้ทันที
ผมและเฟิงเฉ่วหานใช้ร่มกันแมลงบนหัวอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อคุณยายและชายวัยกลางคนที่อยู่ในสวนหย่อมเห็นพวกเราออกมา และในบ้านยังมีแมลงคลานออกมาอย่างต่อเนื่อง ดวงตาของพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเบิกกว้าง เผยให้เห็นสีหน้าที่หวาดกลัว
ท่านนักพรตตู๋รีบปัดแมลงที่ขา จากนั้นก็เหยียบมันให้ตายอีกที
แม้จะเป็นเวลาเพียงครู่เดียว แต่แมลงพวกนั้นร้ายกาจมาก ตอนนี้ที่กางเกงของท่านนักพรตตู๋ ถูกกัดจนเป็นรูสองสามรู แต่โชคดีที่พวกมันยังกัดไม่ถึงผิวของเขา
แต่แมลงพวกนั้นที่อยู่ในบ้าน แม้พวกมันจะยังคลานอยู่ แต่สิ่งที่น่าแปลกคือกลับไม่มีแมลงตัวไหนคลานออกมาจากตัวบ้านเลยสักตัว
“ อาจารย์ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม ” เฟิงเฉ่วหานถามด้วยความเป็นห่วง
ท่านนักพรตตู๋มองแมลงที่กำลังคลาน และก่อตัวเป็นชั้นๆในบ้าน จากนั้นก็พูดว่า “ ไม่เป็นไร ตอนนี้พวกเราต้องรีบตามหาคนปล่อยแมลง ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้ไม่มีวันจบแน่ ! ”
เมื่อชายวัยกลางคนและคุณยายที่อยู่ข้างๆได้ยิน พวกเขาก็อึ้งในทันที
ทันใดนั้นคุณยายเฟิ๋งก็พูดด้วยความสงสัย “ ท่านหมอ คุณบอก บอกว่ามีคนปล่อยแมลงพวกนี้งั้นเหรอ ”
ท่านนักพรตตู๋พยักหน้าอย่างหนักแน่นอน จากนั้นก็พูดกับยายเฟิ๋งว่า “ ใช่ มีคนปล่อยแมลงพวกนี้ ”
เมื่อคุณยายเฟิ๋งและพี่เฟิ๋งได้ยิน ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตกใจมาก
“ มี มีคนปล่อย ” ชายวัยกลางคนไม่อยากจะเชื่อ เขาตกใจมาก
แต่ในเวลานี้คุณยายเฟิ๋งกลับกระตือรือร้นมาก “ สมควรตาย ทำไมต้องทำร้ายพวกเราสองคนด้วย…… ”
ท่านนักพรตตู๋พูดต่อ “ พวกคุณลองคิดให้ดีๆ พักนี้ได้ไปทำให้ใครไม่พอใจเอาไว้ไหม ”
พี่เฟิ๋งเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นก็พูดด้วยสีหน้าที่ขมขื่น “ พวกเราทำไร่ทำสวนอย่างสุจริต และก็ไม่ได้ไปทำให้ใครไม่พอใจ ! ”
เมื่อเห็นพี่ชายและคุณยายไม่สามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้ ผมจึงพูดกับท่านนักพรตตู๋ว่า “ ท่านลุงตู๋ ถ้าไม่มีเบาะแส แล้วพวกเรายังมีวิธีอื่นที่จะหาคนทำได้ไหม ”
ท่านนักพรตตู๋สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ “ ฉันเองก็ไม่มีวิธีดีๆด้วยซิ ทำได้แค่มองหาดูรอบๆ บางทีอาจมีเบาะแสอะไรก็ได้ ! ”
เมื่อได้ยินเท่านักพรตตู๋พูดแบบนั้น ตอนนี้พวกเราจึงทำได้เพียงเท่านี้ วางแผนมองหาไปเรื่อยๆ
เพราะคนที่ปล่อยแมลงต้องการฆ่าคนทั้งสองคนนี้ ดังนั้นยายเฟิ๋งและพี่เฟิ๋งจึงตามพวกเรามาด้วย เผื่อมีอะไรไม่คาดคิดเกิดขึ้น พวกเราจะได้รับมือทัน
หลังจากที่พวกเราพักกันที่สวนหย่อมสักพัก พวกเราก็เดินออกไปจากบริเวณสวนหย่อม
ต่อมาพวกเราก็มองหารอบๆบ้าน เผื่อจะเห็นเบาะแสบางอย่าง
แต่หลังจากที่เดินดูไปรอบหนึ่ง พวกเรากลับไม่เห็นอะไรผิดปกติ จึงวางแผนว่าจะไปดูที่อื่น
แต่ในเวลานี้ จู่ๆเฟิงเฉ่วหานก็นั่งย่องๆลงกับพื้น เปิดไฟฉายสำรวจที่พื้นดิน
เมื่อผมเห็นเฟิงเฉ่วหานนั่งย่องๆ ก็ถามด้วยความสงสัย “ เหล่าเฟิง นายกำลังดูอะไรอยู่ ”
แต่เฟิงเฉ่วหานกลับหันมาพูดว่า “ เหล่าติง อาจารย์ รีบมาดูนี่ซิ…… ”
เมื่อได้ยินเฟิงเฉ่วหานพูด ผมและท่านนักพรตตู๋ก็ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ หรือเขาจะเจออะไรบางอย่าง
ผมรีบเดินเข้าไป จากนั้นก็ก้มตัวลง
เมื่อกี้ผมไม่ได้สนใจ แต่เมื่อก้มตัวลง ทันใดนั้นผมก็เห็นลายเส้นอยู่บนพื้น มันเหมือนกับเส้นทางที่แมลงเคยคลานผ่านไป
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผมก็ได้ยินเฟิงเฉ่วหานพูดออกมาอีกครั้ง “ รอยพวกนี้เป็นทางที่แมลงพวกนั้นเคยคลานผ่านไปรึเปล่า ถ้ามันใช่ พวกเราก็สามารถใช้รอยพวกนี้ ตามหาที่มาของพวกมันได้ ”
ในใจของผมมีเสียงดัง “ กึก ” ใช่นี่เป็นวิธีที่ดี
ถ้าพวกเราทำแบบนั้น ก็จะสามารถหาตัวผู้ควบคุมแมลงพิษได้
หลังจากที่ท่านนักพรตตู๋ลองวิเคราะห์ดูแล้ว เขาก็พยักหน้าให้ “ ใช่ นี่เป็นรอยของแมลง ไป พวกเราเดินตามรอยพวกนี้ไป ! ”
หลังจากพูดจบ พวกเราก็เปิดไฟฉาย เริ่มเดินตามรอยที่ลางเลือนพวกนั้นไปทีละน้อย
แม้พี่เฟิ๋งและยายเฟิ๋งจะตามมาด้วย แต่ในเวลานี้พวกเขากลับกลัวจนตัวสั่น
หลังจากที่พวกเราตามรอยพวกนี้มาสักพัก พวกเราก็ค่อยๆเดินออกจากหมู่บ้าน
พี่เฟิ๋งบอกพวกเราว่า ทิศทางที่พวกเรากำลังเดินไปคือบ่อปุ๋ยหมักของหมู่บ้าน
เมื่อได้ยินคำบ่อปุ๋ยหมัก จู่ๆผมก็คิดถึงเรื่องที่ หมาทุกตัวในหมู่บ้านตายภายในวันเดียวได้ ทุกตัวต่างถูกโยนลงในบ่อปุ๋ยหมักนี้
ตอนนี้รอยแมลงบอกพวกเรา พวกมันมาจากบ่อปุ๋ยหมัก
เมื่อลองคิดดู เป็นไปได้รึเปล่าที่แมลงพวกนั้นจะฝักตัวอยู่ในศพหมา จากนั้นก็ค่อยๆคืบคลานออกมา
ในใจของผมกำลังคิดแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงเดินตามรอยต่อไป
เพราะบ่อปุ๋ยหมักอยู่ไม่ไกล ดังนั้นหลังจากผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงบริเวณรอบๆบ่อปุ๋ยหมัก
แต่เพิ่งมาถึงที่นี่ ทันใดนั้นพวกเราก็เห็นว่าที่บ่อปุ๋ยหมักมีแสงตะเกียง และภายใต้แสงตะเกียงนั้น ก็ยังมีเงาของใครบางคนอยู่
ในเวลานี้เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ใครจะยังมาบ่อปุ๋ยหมักอีกละ
เห็นได้ชัดว่า เงาของใครคนนั้น อาจเป็นผู้ควบคุมแมลงพิษ ที่อยากจะฆาตกรรมครอบครัวเฟิ๋ง
เมื่อท่านนักพรตตู๋ที่เดินอยู่ด้านหน้าเห็นสิ่งนี้ เขาก็ยกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งสัญญาณให้พวกเราหยุดเดิน
ในเวลาเดียวกันก็ได้ยินเสียงเขาพูดออกมาเบาๆ “ ทุกคนหมอบลง ปิดไฟฉาย และห้ามพูดอะไรทั้งนั้น ! ”
พวกเราไม่ได้สงสัยเลยแม้แต่น้อย แต่ละคนรีบปิดไฟฉาย หมอบลงกับพื้น ใช้พุ่มไม้ เป็นที่กำบัง
พวกเรามองผ่านแสงตะเกียงและแสงจันทร์ สามารถเห็นว่าใครคนนั้นกำลังนั่งอยู่ที่ขอบบ่อปุ๋ยหมัก ดูเหมือนตรงหน้าของเขาจะมีกระถางธูปและของอื่นๆตั้งอยู่
ขณะที่พวกเรากำลังสังเกตคนๆนั้นอยู่ จู่ๆพี่เฟิ๋งก็พูดว่า “ นี่ นี่ไม่ใช่ผู้ใหญ่บ้านเหรอ พวกเรากับผู้ใหญ่บ้านไม่มีความแค้นกัน ! ทำไมผู้ใหญ่บ้านต้องการฆ่าพวกเราละ ”
“ รู้หน้าไม่รู้ใจ รออีกหน่อย ให้แน่ใจว่าใช่เขารึเปล่า ! ” ท่านนักพรตตู๋พูด และเฝ้ามองเขาต่อไป
หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที จู่ๆผู้ใหญ่บ้านที่นั่งอยู่ตรงขอบบ่อก็เริ่มขยับ มือทั้งสองข้างของเขาเสกคาถาอย่างรวดเร็ว
ท้ายที่สุดพวกเราก็ได้ยินเขาพูดว่า “ หมื่นแมลง จงฆ่า ! ”
หลังจากพูดจบ ผู้ใหญ่บ้านก็ชี้ไปที่กระถางธูป
เพียงแค่ชี้ไป ทันใดนั้นธูปในกระถาง ก็มอดไหม้อย่างรวดเร็ว ไฟในตะเกียง ก็ลุกโชติช่วงดัง “ วู่วู่วู่ ” แม้แต่เปลวไฟ ในเวลานี้มันก็เปลี่ยนสี กลายเป็นแสงสีเขียวที่แปลกประหลาด
เมื่อเห็นสิ่งนี้ สีหน้าของพวกเราทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที
ท่านนักพรตตู๋เค้นเสียงดัง ฮึ “ ไม่ผิดแน่ ฆาตกรคือเจ้าหมอนี้ และมันยังเป็นผู้ควบคุมแมลงพิษอีกด้วย ! ”