ตอนที่ 153 ตามหาคน
ขณะที่ความทรงจำของพวกเขายังไม่สมบูรณ์ ค่อยๆจำเรื่องที่ตัวเองเจอได้ คิดถึงความเจ็บปวดและความทรมานที่เคยได้รับ
ผมกำลังมองแววตาที่หลากหลายของพวกเขา ผมเข้าใจดีว่าในใจของพวกเขากำลังทรมานกับอะไรอยู่
ดังนั้น จึงได้ยินเสียงผมพูดกับพวกเขาว่า “ ขอโทษครับ พวกเราไม่สามารถช่วยเหลือผีตนอื่นได้จริงๆ สำหรับการสูญเสียคนรักของพวกคุณ ผมรู้สึกเสียใจมากๆครับ ! ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ! ”
หลังจากพูดจบ ผมก็โค้งคำนับให้กับพวกเขาอย่างจริงใจ
สำหรับผมแล้ว เมื่อกี้ผมเพิ่งฆ่าคนในครอบครัวของพวกเขาไป แม้ว่ามันจะจำเป็นจริงๆ แต่มันก็เป็นความจริง
แต่เสียงของผมเพิ่งเงียบลง จู่ๆผีผู้หญิงตนหนึ่งก็ทนต่อไปไม่ไหว เธอชี้หน้าด่าผมทันที “ ขอโทษแล้วมันได้อะไรฮะ แกฆ่าผัวและลูกชายของฉันไปแล้ว ผัว และลูกของฉันก็ต่างวิญญาณแตกสลาย มันเป็นความผิดของแกทั้งหมด ! พวกเขาตายไปแล้ว แกจะให้ฉันทำยังไงฮะ ทำไมแกไม่ฆ่าฉันให้ตายไปเลยละ ! ”
ขณะที่พูด ผีผู้หญิงตนนั้นก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอเริ่มร้อง “ ฮือฮือฮือ ” ออกมา
ท่าทางของผมและหยางเฉ่วเคร่งขรึมมาก แต่ก็ไม่ได้เถียงอะไร
แต่ทันใดนั้นผีตาแก่ก็เดินออกมา “ นี่ยังไงก็คือชีวิต พวกท่านนักพรตพยายามสุดความสามารถแล้ว อีกอย่าง พวกเจ้ารองก็จากไปแล้ว พวกเราไม่ควรดีใจหรอกเหรอ ! บางครั้งการที่วิญญาณแตกสลาย ก็ดีกว่าต้องมาทนทรมานไม่รู้จักจบนิ มีชีวิตอยู่อย่างเครียดแค้นมันดีงั้นเหรอ…… ”
“ แต่ท่านพ่อตา…… ”
เหมือนผีผู้หญิงจะยังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ผลลัพธ์เธอยังไม่ได้พูดออกมา ผีตาแก่นั้นก็ด่าต่อทันที
“ ไม่มีแต่ทั้งนั้น เธอยังอยากอยู่ที่นี่ฆ่าคนต่องั้นเหรอ ยังอยากจะทุกข์ทรมานเพราะความเจ็บปวดในทุกๆวัน เธอต้องจำเอาไว้ คนที่ทำร้ายพวกเราไม่ใช่นักพรตทั้งสามท่านนี้ แต่เป็นหมอผีชั่วที่ฆ่าพวกเรา ทำให้วิญญาณของพวกเราเป็นผีร้าย รอให้พวกเราได้ไปเจอกับท่านยมราชก่อน ข้าจะบอกเขาให้หมดทุกเรื่อง…… ”
ผีผู้หญิงถูกผีตาแก่ด่า เธอจึงร้องไห้ออกมาอีกครั้ง แต่ยังตอบกลับเบาๆว่า “ ค่ะ ! ”
หลังจากผีตาแก่พูดจบ เขาก็กวาดสายตามองผีที่เหลือ จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาช้าๆ “ ถึงเมียและคนอื่นๆจะจากไปแล้ว แต่พวกเราก็หลุดพ้น พวกเรายังมีชีวิตอยู่ ก็ควรใช้ชีวิตต่อไปให้ดีๆ ”
ในบรรดาครอบครัวผีตาแก่ น่าจะมีฐานะที่สูงที่สุด
หลังจากเขาพูดคำเหล่านี้จบ ผีทุกตนก็พยักหน้าด้วยความเคารพมากๆ
เมื่อผีตาแก่เห็นลูกหลานของตัวเองได้สติกลับมาอย่างสมบูรณ์ เขาก็รีบหันมามองพวกเรา และทำมือคำนับให้ทันที
เมื่อผีตาแก่ได้สติกลับคืนมา เขาก็เหมือนชายชราที่เข้าใจเรื่องถูกผิดคนหนึ่ง
เมื่อเขาเริ่มคำนับให้กับพวกเรา ก็เป็นธรรมดาที่พวกเราจะไม่กล้าชักช้า
ผมรีบทำมือคำนับ ให้เขาอย่างเคารพ
หลังจากผีตาแก่คำนับเสร็จ เขาก็พูดออกมาอีกครั้ง “ ท่านนักพรต ขอบคุณพวกท่านมากที่ทำให้พวกเราหลุดพ้นได้ พวกเราก็คงได้แต่ตอบแทนท่านในชาติหน้า ”
หลังจากพูดจบ ผีตาแก่ก็โค้งคำนับให้พวกเราสามคน
หลังจากผีตาแก่คำนับเสร็จ ผีเด็กและผีอีกสองสามตน ก็โค้งคำนับให้กับพวกเรา เพื่อแสดงการขอบคุณ
เมื่อเห็นผีทุกตนโค้งคำนับให้กับพวกเรา ผมก็รู้สึกละอายใจนิดหน่อย
ฆ่าคนในครอบครัวของเขา แล้วพวกเขายังเคารพ แม้ว่ามันจะเป็นไปตามสถานการณ์ แต่ในใจของผมมักรู้สึกแปลกๆอยู่เสมอ
แต่ในเวลานี้หยางเฉ่วกลับพูดว่า “ พวกเขาได้สติแล้ว นายก็รีบให้พวกเขาพาไปหาเพื่อนของนายซิ ! ส่วนฉันจะตั้งแท่นบูชาที่นี่ อีกเดี๋ยวจะได้ทำพิธีส่งวิญญาณพวกเขา ! ”
เมื่อได้ยินหยางเฉ่วพูดแบบนั้น ผมถึงนึกเรื่องของเสี่ยวม่านได้
ผมตบหัวแรงๆ และถามออกมาทันที “ ท่านผู้เฒ่า เพื่อนผมที่ชื่อเสี่ยวม่านเธอเดินหายไปจากที่นี่ ไม่ทราบว่าพวกคุณคนไหนจะพาผมไปหาสถานที่ที่เธอหายไปได้บ้าง ”
ขณะที่พูด ผีเด็กตนนั้นก็เล่าเรื่องเสี่ยวม่านสั้นๆให้พวกผีที่เหลือฟัง
ผีตาแก่พยักหน้าเล็กน้อย “ ท่านนักพรตเชิญทางนี้…… ”
ขณะที่พูด ผีตาแก่ตนนั้นก็เดินนำทางให้กับผม
ผมไม่ได้ลังเล รีบเดินตามเขาไปทันที
เมื่อหานเฉ่วเฟิงเห็นผมเดินออกไป เขาก็ทำท่าจะเดินตามไปด้วย “ เจ้าเด็กน้อย พี่เฟิงจะไปกับนายด้วย ! ”
เมื่อได้ยินพี่เฟิงพูด ผมก็เข้าใจทันทีว่าพี่เฟิงจะไปคอยคุ้มกันผม
ผีห้าตนเดินร่วมทางไปกับผม ส่วนหยางเฉ่วต้องทำแท่นบูชาตรงนี้
ด้วยพลังของผมในตอนนี้ ถ้ามีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้น ผมจะไม่สามารถจัดการได้เลย
ดังนั้นเจตนาดีของพี่เฟิง ผมจึงไม่ปฏิเสธ ผมพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย
หลังจากนั้น ผมและพี่เฟิงพร้อมกับผีอีกห้าตนก็เริ่มออกมาจากจัตุรัส เดินเข้าไปที่ซอยด้านหลังของตำบล
ซอยด้านหลังของที่นี่ส่วนใหญ่มีแต่บ้านเรือนเก่าๆโทรมๆ เหมือนกับไม่มีใครอยู่มาหลายปี มันทรุดโทรมและรกร้างจนดูไม่ได้
ผมมองไปรอบๆ ในที่สุดพวกเราก็มาถึงตรอกมืดๆที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นอับ
พวกเราเพิ่งมาถึงที่นี่ ผีตาแก่ตนนั้นก็พูดกับผมว่า “ท่านนักพรต เด็กผู้หญิงและคนอื่นๆที่คุณพูดถึง ตอนนั้นพวกเขาหายตัวไปจากตรงนี้ ”
ผมพยักหน้าให้เล็กน้อย จากนั้นก็มองสำรวจรอบๆ แต่ก็ไม่พบอะไร
ขณะที่กำลังจะถามว่าพวกเขาเคยไป หาตามบ้านที่อยู่รอบๆไหม
ผลลัพธ์ผมยังไม่ทันได้พูด ผีตาแก่ตนนั้นเหมือนจะอ่านใจผมออก เขารีบพูดออกมาทันที “ บ้านทุกหลังที่อยู่แถวๆนี้ พวกเราหากันจนทั่วแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นร่องรอยของพวกเขาเลย ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ผมก็ขมวดคิ้ว
งั้นพวกเสี่ยวม่านซ่อนอยู่ที่ไหน ผมสงสัยในใจ และเดินตรงเข้าไปในตรอกเรื่อยๆ
แต่ในเวลานั้นเอง จู่ๆพี่เฟิงก็พูดว่า “ ฉันว่านะเจ้าเด็กน้อย นายจะยุ่งยากไปทำไม ! ตอนนี้ที่นี่ไม่มีผีร้ายแล้ว นายแค่ตะโกนก็จบแล้วนิ มัวหาให้ลำบากไปทำไม ”
พี่เฟิงพูดแบบลวกๆ ไม่ได้ใส่ใจอะไร
แต่เมื่อผมได้ยินคำพูดนี้ ในใจของผมก็มีเสียงดัง “ กึก ” เผยสีหน้าดีใจออกมาทันที
ใช่แล้ว ตอนนี้มึนหัวจะตายอยู่แล้ว
ผมไม่ลังเล รีบตะโกนไปรอบๆทันที “ เสี่ยวม่าน ! จ้าวเสี่ยวม่าน…… ”
เสียงผมดังมาก ในคำคืนที่เงียบสงัดแบบนี้ มันดังพอที่จะสะท้อนไปทั่วทั้งตำบล
แต่สิ่งที่แปลกคือ หลังจากที่ผมตะโกนไปหลายรอบ มันกลับยังไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา
ขณะที่ผมกำลังจะตะโกนต่อ พี่เฟิงกลับพูดออกมาอีกครั้ง “ ในเมื่อไม่มีคนตอบกลับ งั้นบางทีเขาอาจออกไปจากตำบลนี้แล้วมั้ง ”
แต่ผมส่ายหัว ผมคิดว่า ถ้าเสี่ยวม่านออกไปจากตำบลนี้แล้ว ยังไงเธอก็ต้องโทรหาหรือไม่ก็ตอบกลับข้อความของผมแล้ว
แม้ว่าตำบลเล็กๆแห่งนี้จะไม่มีคนอยู่มาหลายปี แต่ที่นี่ก็ยังมีสัญญาณมือถืออยู่
และจากสิ่งที่พวกผีตาแก่พูด พวกเสี่ยวม่านเข้ามาที่ตำบลตอนบ่าย ถึงมือถือจะแบตหมดแล้ว แต่ก็ไม่น่าจะเร็วขนาดนี้
พวกเขาสองสามคนอยู่ด้วยกัน หรือมือถือของทุกคนจะแบตหมดพร้อมกันเลยงั้นเหรอ
เมื่อคิดย้อนจากศพเดินได้เมื่อก่อนหน้านี้ พวกเขาสวมเสื้อผ้าเป็นนักเดินทางและแบกกระเป๋า เห็นได้ชัดว่าวางแผนจะมาที่นี่ บนร่างกายก็น่าจะเตรียมแบตสำรอง หรือพาวเวอร์แบงค์มาด้วย
ดังนั้น ผมจึงคิดว่าเสี่ยวม่านยังอยู่ในตำบลแห่งนี้ เพียงแต่ซ่อนตัวอยู่แล้วไม่กล้าออกมาเท่านั้น
ผมไม่ได้ตอบกลับ แต่เงียบไปครู่หนึ่ง
ทันใดนั้นความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมา ผมรีบตะโกนออกมาอีกครั้ง “ จ้าวเสี่ยวม่าน ฉันคือ…เป่า เปิดร้ายขายของเกี่ยวกับงานศพอยู่ที่ตำบลชิงฉือ เธออยู่ที่ไหน ! ฉันได้รับข้อความของเธอแล้ว ฉันมาช่วยเธอแล้ว…… ”
ผมตะโกนเสียงดัง เพราะคิดว่า !
ถ้าเสี่ยวม่านยังอยู่ แล้วยังไม่ตอบกลับมา เธอจะต้องกลัวว่าผีร้ายกำลังหลอกเธออยู่แน่ๆ
ดังนั้นผมจึงใช้เรื่องที่ผมรู้พูดให้เธอฟัง เมื่อเสี่ยวม่านได้ยิน เธอจะต้องตอบกลับมาอย่างแน่นอน
ผลลัพธ์เสียงพึ่งเงียบไป แผ่นหินที่อยู่ไม่ไกล ก็มีบางอย่างขยับ
เสียงที่ดังออกมาอ่อนล้ามาก เหมือนกับคนที่กำลังหมดเรี่ยวแรง
แม้แต่ผมก็ยังได้ยินและเห็นสิ่งนี้ ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงผีกลุ่มนั้นเลย
ผีเด็กรีบพูดทันที “ ที่ใต้แผ่นหินนั้นมีคนอยู่…… ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผมก็ดีใจทันที จากนั้นก็พูดออกมาอีกครั้ง “ เสี่ยวม่านฉันเอง เธอไม่ต้องกลัว…… ”
ขณะที่พูด ผมก็รีบเดินเข้าไปที่แผ่นหินแผ่นนั้น
ผมไม่ลังเลอะไร รีบออกแรง ดันแผ่นหินแผ่นนั้นให้เปิดออกทันที
แต่วินาทีที่แผ่นหินแผ่นนั้นเปิดออก เสียงกรีดร้อง “ อร๊าย/อ๊าก ! ” ก็ดังออกมาจากแผ่นหินทันที
“ อย่าฆ่าฉัน อย่าฆ่าฉัน…… ”
“ ฉันไม่อยากตาย…… ”
ในนั้นมีทั้งหญิงชาย ทุกคนต่างหวาดกลัวจนเสียสติ
แต่เมื่อผมมองลงไปข้างล่าง ก็พบว่าใต้แผ่นหินเป็นหลุมขนาดใหญ่ เป็นพื้นที่ไม่แคบและไม่กว้างเกินไป เหมาะสำหรับเป็นที่ซ่อนตัวได้พอดี
ในนั้นมีคนยืนอยู่ทั้งหมด 4 คน แต่ผมก็สังเกตเห็นเสี่ยวม่านที่ส่งข้อความช่วยเหลือมาหาผมอย่างรวดเร็ว
เธอไม่กรีดร้องหวาดกลัวเหมือนคนอื่น ตอนนี้เธอกำลังยืนนิ่งๆ ดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้างและเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา หน้ามุ่ย ใบหน้ามอมแมม เงยหน้าขึ้นมามองผมทั้งๆแบบนั้น……