สิบนาทีต่อมา เมื่อจูเซี่ยงเหวินถูกเหยียบลงกับพื้นอีกครั้ง เขาจึงนึกขึ้นได้ว่า เมื่อสักครู่นี้ ทำไมตัวเองถึงได้มีความรู้สึกคุ้นหูกับเสียงของผู้ชายตัวสูงๆคนนั้นจัง
จริงๆแล้วไม่ใช่เพราะเขาติดตามสองคนนี้มานานหรอก เขาต้องติดตามไปจากระยะไกลจึงจะสามารถถ่ายรูปได้ แล้วเขาจะมีโอกาสได้ยินเสียงของทั้งสองคนนี้ได้อย่างไร?
แต่เป็นเพราะว่า……ตอนที่เขาถูกเหยียบลงกับพื้นเมื่อสักครู่นี้ เสียงที่เคร่งขรึมนั้นที่ดังขึ้นมาข้างๆหู ก็คือเสียงของผู้ชายคนนั้น!
“ช่วยด้วย……” จูเซี่ยงเหวินตะโกนออกมาอย่างอ่อนแรง
น่าเสียดาย ไม่ว่าเขาจะตะโกนยังไงก็ไม่มีใครได้ยินเลย
ถ้าจะโทษก็ต้องโทษเขาที่ต้อนรับและพยายามตีสนิทสองคนนี้เมื่อสักครู่นี้ ผู้ชายตัวสูงๆคนนั้นพูดออกมาง่ายๆว่านอกสวนสนุกดูเหมือนว่าจะมีร้านอาหารดีๆอยู่ร้านหนึ่ง บรรยากาศก็เงียบสงบกว่าข้างในมาก จะได้พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เขาถึงกับไม่มีข้อสงสัยใดๆเลย แถมยังตอบรับออกมาด้วยความดีใจเป็นอย่างมาก ระหว่างทางที่เดินออกไปข้างนอก เขาก็เอาแต่พูดคุยกับทั้งสองคนอย่างกระตือรือร้น แม้แต่เส้นทางก็ไม่ได้จดจำให้แม่น ดังนั้นกว่าจะรู้ตัวว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาก็ถูกพาไปจนถึงทางตันแล้ว
“ในนี้……มีที่ให้กินข้าวด้วยเหรอ?” ในน้ำเสียงของเขามีความสงสัยอยู่เล็กน้อย
ผู้ชายตัวสูงยิ้มเล็กน้อย จูเซี่ยงเหวินยังไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมา ข้างหลังของเขาก็ถูกถีบอย่างแรงหนึ่งที ทั้งตัวของเขาพุ่งไปข้างหน้า แล้วล้มลงกับพื้นในทันที ความรู้สึกคุ้นเคยก็ได้จู่โจมเข้ามาในหัวใจอีกครั้ง
หลังจากที่ถูกเหยียบไหล่อย่างหนัก หัวใจของเขาก็เต้นขึ้นมารุนแรง “เป็นพวกแกนี่เอง!”
ผู้ชายตัวสูงโน้มตัวลงมาใกล้ๆเขา และหัวเราอยู่ข้างๆหูของเขาเบาๆ แล้วพูดว่า “เพิ่งจะจำได้ตอนนี้…มันสายแล้วล่ะ!”
ผู้ชายตัวเตี้ยกว่าเล็กน้อยก็เดินเข้ามาอยู่ข้างๆเขาเช่นกัน แล้วนั่งยองๆลงไป และค่อยๆหยิบโทรศัพท์ออกจากมือของจูเซี่ยงเหวิน “นายยังมองว่าคนอื่นเป็นคนโง่อยู่จริงๆด้วย”
พุดจบ ก็ลบรูปภาพทั้งหมดที่อยู่ในโทรศัพท์ของเขาต่อหน้าต่อตาเขา
จากนั้นจูเซี่ยงเหวินก็ตาเบิกกว้างขึ้นมา “ไม่……”
การแสดงออกของเขาดูเหมือนว่าเจ็บปวดมาก แต่ในใจยังหลงเหลือความโชคดีอยู่เล็กน้อย
ลบไปแล้วอย่างไรล่ะ เขาก็มีวิธีกู้ข้อมูลคืนมาอยู่ดี
แต่ทว่าผู้ชายตัวเตี้ยคนนั้นยิ้มอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันไปเปิดสมุดโทรศัพท์ของจูเซี่ยงเหวิน
“จูเซี่ยงเหวิน เพศชาย อายุ29ปี ว่างงาน” เสียงของเขาสูงมาก เกือบจะเหมือนเสียงผู้หญิงอย่างไรอย่างนั้น “ยังไม่แต่งงาน พ่อเสียชีวิตแล้ว ในครอบครัวมีเพียงแม่ที่แก่ชราอายุเกิน 60 ปี”
หัวใจของจูเซี่ยงเหวินเหมือนกับถูกรัดเอาไว้ด้วยด้ายที่มองไม่เห็น ทุกครั้งที่เขาพูด ด้ายนั้นก็จะกระชับแน่นขึ้นทีละนิด และค่อยๆตัดเข้าไปในเนื้อหนังของเขา
“……แกหยุดพูดจาเหลวไหลได้แล้ว” จูเซี่ยงเหวินหลับตาลง “ฉันมีแม่ที่ไหนกัน”
ผู้ชายตัวเตี้ยหัวเราะเบาๆแล้วพูดว่า “ก็จริงอยู่ที่เธอตัดสัมพันธ์กับนายไปนานแล้ว แต่ในเมื่อนายพูดขนาดนี้…ดูเหมือนว่าความปลอดภัยของผู้หญิงคนนี้ คงไม่ได้อยู่ในขอบเขตของความกังวลใจของนายจริงๆเสียแล้ว”
จูเซี่ยงเหวินเงยหน้าขึ้นมาทันที แล้วก็ถูกถีบลงไปอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไม่ได้นอนค่ำหน้าลงกับพื้นอย่างเชื่อฟัง แต่กลับพยายามดิ้นรนลุกขึ้นมา “แกคิดจะทำอะไร! มีอะไรก็มาลงที่ฉัน! เธอไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันแล้ว พวกแกจะไปหาเธอจะมีประโยชน์อะไร?”
ผู้ชายตัวเตี้ยไม่พูดอะไรแล้ว ผู้ชายที่ตัวสูงๆโน้มตัวลงมา แล้วใช้สายตาลู่ลงไปมองเขาเหมือนกับมองดูขยะและพูดว่า “ไม่มีใครเคยบอกนายเหรอว่า ถ้าเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายจริงๆ แม้ว่าจะเสแสร้งก็ตาม นายก็ควรแสดงท่าทีที่เฉยเมยสักนิดนึง ยิ่งกระวนกระวายใจแบบนี้ ก็ชัดเจนมากว่า……เธอยิ่งมีความสำคัญกับแกมาก”
“หลายปีก่อนนายเปิดตัวว่าเป็นเกย์ก็เลยถูกไล่ออกจากบ้าน ความโกรธรุมเร้าเข้าไปในหัวใจพ่อของนายจนทำให้หัวใจวาย และเลือดคลั่งในสมองแล้วก็ตายไป แม่ของนายรับความจริงนี้ไม่ได้ ก็เลยตัดความสัมพันธ์กับนายซะ และไม่มาเจอหน้านายอีก ส่วนบริษัทของนายก็ไล่นายออกแล้วเพราะข่าวลือเช่นเดียวกัน” ผู้ชายตัวเตี้ยนั่งย่อตัวลงห่างจากจูเซี่ยงเหวิน เพียงไม่กี่ก้าว แล้วจ้องมองตรงเข้าไปในดวงตาของเขา เขาพูดด้วยน้ำเสียงสงบนุ่มนวล และไม่มีความรู้สึกใดๆมากไปกว่านี้อีกแม้แต่น้อย “แต่หลังจากที่นายทิ้งทุกอย่างแล้วออกไปจากบ้านแฟนหนุ่มของนายในตอนนั้นกลับทรยศหักหลังนาย นายก็เลยเกลียดชังกลุ่มรักร่วมเพศตั้งแต่นั้นมา ตั้งแต่นั้นมานายก็พยายามเปิดเผยเรื่องเพศของดาราทุกวันเป็นอาชีพ และมีลุ่มหลงในการดูพวกรักร่วมเพศที่คุณแฉออกมาโดนด่าทางอินเทอร์เน็ต เหมือนที่คุณโดนในตอนแรก”
จูเซี่ยงเหวินไม่พูดอะไรสักคำ สายตาของเขากำลังจ้องมองไปที่ผู้ชายคนนั้น แต่ในใจกลับรู้สึกอ้างว้างเป็นระยะๆ
เขาพบกับพวกเขาในช่วงเวลาสั้นๆเพียงไม่กี่ชั่วโมง คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องในอดีตที่ถูกเขาฝังเอาไว้ลึกๆเหล่านี้ จะถูกขุดขึ้นมาจนหมดอย่างง่ายดายขนาดนี้
ในที่สุดเขาก็เข้าใจอย่างชัดเจนแล้วว่า คราวนี้ ตัวเองคือคนที่ถูกบีบให้ยอมรับความพ่ายแพ้เสียแล้ว
“พวกแก….เป็นใครกันแน่?” เขาบีบเค้นคำไม่กี่คำนี้ออกจากซอกฟันของเขา
ผู้ชายตัวเตี้ยคนนั้นยิ้มเบาๆ แล้วยืนขึ้นมา “พวกเราเป็นใครไม่สำคัญ และนายก็ไม่จำเป็นต้องรู้ สาเหตุที่พวกเรามาหานาย จริงๆแล้วอยากให้นายทำเรื่องบางอย่าง”
จูเซี่ยงเหวินไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร ณ เวลานี้เขารู้ว่าภูมิหลังของสองคนนี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เขาจะไม่ยอมหลับหูหลับตาไปช่วยพวกเขาทำเรื่องอะไรอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าในขณะนี้เขายังถูกผู้ชายที่ตัวสูงๆเหยียบอยู่ใต้เท้าอย่างแน่นหนา เขามีอำนาจในการตัดสินชะตาชีวิตแต่ฉันเป็นเพียงแค่เหยื่อที่อยู่ในกำมือของเขา และไม่มีช่องทางที่จะเจรจาต่อรองใดๆเลย
“เราไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณลำบากใจหรอกนะ จริงๆแล้วเรื่องที่เราอยากให้คุณทำนั้นง่ายมากๆ” เขาก้มตัวลง แล้วยัดโทรศัพท์กลับเข้าไปในมือของจูเซี่ยงเหวิน “นายไม่ได้ชอบใช้โทรศัพท์มือถือของคุณมากที่สุดเหรอ เราแค่ต้องการให้นายโพสต์ข่าวในโทรศัพท์มือถือของนายก็เท่านั้น”
จูเซี่ยงเหวินพูดด้วยน้ำเสียงที่ยังคงสั่นอยู่ว่า “ข่าว….ข่าวอะไร”
ผู้ชายคนนั้นหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “นายลุกขึ้นมา แล้วทำตามที่ฉันบอก”
……
ถังย่าที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ยังคงขับรถไปสวนสนุก
ช่วงเวลาว่างที่รอสัญญาณไฟจราจร เขาก็หยุดรถ แล้วรีเฟรช Weiboไม่หยุด เพราะกลัวว่าจะพลาดข่าวของพวกเขา
แต่ทว่าคนที่กำลังติดตามพวกเขาสองคนมาโดยตลอด ไม่ได้อัพเดท Weibo มาเกือบชั่วโมงแล้ว
“ตกลงว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น……” เธอบ่นพึมพำ
ในคอมเมนต์ก็กำลังพูดคุยกันอย่างไม่ขาดสาย แต่ทว่าแท้จริงแล้วทุกคนเพียงแค่มามุงดูความคึกคัก เมื่อไม่มีใครอัพเดทแล้ว ก็ค่อยๆทยอยกันหายไป มีเพียงถังย่าคนเดียวที่ยังเฝ้ารออย่างกระวนกระวายใจและมืดแปดด้าน
เธอจะต้องเจอสองคนนี้ให้ได้!
ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าคิดว่า ถ้าพวกเขาทั้งสองคนออกไปจากสวนสนุกแล้ว จะไปไหนได้อีก…
ไฟแดงที่อยู่ตรงหน้าได้กระโดดเป็นไฟเขียวแล้ว ถังย่ารีเฟรชไปเรื่อยๆอย่าไม่มีความหวังอะไร พอเหลือบมองไปเห็นไฟเขียวก็คิดที่จะสตาร์ทรถ แต่เมื่อเห็นเนื้อหาในโทรศัพท์ เธอกลับเกือบจะหมุนพวงมาลัยไปเสียแล้ว
“ต้องให้ทุกคนรอนานเลย เมื่อกี้ผมกำลังตามทั้งสองคนออกไปจากสวนสนุกแล้ว ดังนั้นก็เลยไม่ได้อัพเดทอะไรเพิ่มเลย ตอนนี้สองคนนี้ออกจากสวนสนุกแล้วนะครับ สำหรับจะไปที่ไหน….ผมจะไม่พูดดีกว่า ให้ทุกคนดูรูปเอาเองก็แล้วกันนะครับ”
เขายังคงพูดด้วยโทนเสียงที่คุ้นเคย และคุณภาพของรูปภาพที่แนบมาด้านล่างก็เหมือนเดิมทุกประการ
ในที่สุดหัวใจที่ล่องลอยอยู่ของถังย่าก็ค่อยๆสงบนิ่งลง และเธอก็ไม่สนใจเลยว่าเสียงแตรของรถที่อยู่ข้างหลังจะดังเลื่อนลั่นแค่ไหน จึงได้หมุนพวงมาลัยไปจอดรถอยู่ข้างทางตามสะดวก แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูรูปถ่ายรูปนั้นอย่างละเอียด
แม้ว่าคนคนนี้จะไม่ได้ระบุตำแหน่งของลู่เซิ่นกับฉินซี แต่ภาพถ่ายของเขากลับชัดเจนกว่านี้ไม่ได้แล้ว แค่ถังย่ามองปราดเดียวก็รู้แล้วว่า พวกเขาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำก็อยู่ข้างๆสวนสนุก พวกเขาจะไปที่นั่นก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่เหมือนกัน
ถังย่าไม่คิดอะไรมากแล้ว จึงวางโทรศัพท์กลับไป แล้วใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบคันเร่งให้สุด เพื่อที่จะมุ่งหน้าไปที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ
เธอ…จะต้องพบสองคนนี้ให้ได้!
……
จูเซี่ยงเหวินที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ภายใต้การจ้องมองของชายทั้งสองคน เขาได้โพสต์ Weibo นี้เสร็จแล้วอย่างตัวสั่นงกๆ
“แบบนี้……ก็โอเคแล้วใช่ไหม?”
ผู้ชายที่ตัวเตี้ยๆคนนั้นยิ้มแล้วพูดว่า “ยังมีเรื่องเล็กๆอีกเรื่องหนึ่ง”
สิบนาทีต่อมา เมื่อจูเซี่ยงเหวินถูกเหยียบลงกับพื้นอีกครั้ง เขาจึงนึกขึ้นได้ว่า เมื่อสักครู่นี้ ทำไมตัวเองถึงได้มีความรู้สึกคุ้นหูกับเสียงของผู้ชายตัวสูงๆคนนั้นจัง
จริงๆแล้วไม่ใช่เพราะเขาติดตามสองคนนี้มานานหรอก เขาต้องติดตามไปจากระยะไกลจึงจะสามารถถ่ายรูปได้ แล้วเขาจะมีโอกาสได้ยินเสียงของทั้งสองคนนี้ได้อย่างไร?
แต่เป็นเพราะว่า……ตอนที่เขาถูกเหยียบลงกับพื้นเมื่อสักครู่นี้ เสียงที่เคร่งขรึมนั้นที่ดังขึ้นมาข้างๆหู ก็คือเสียงของผู้ชายคนนั้น!
“ช่วยด้วย……” จูเซี่ยงเหวินตะโกนออกมาอย่างอ่อนแรง
น่าเสียดาย ไม่ว่าเขาจะตะโกนยังไงก็ไม่มีใครได้ยินเลย
ถ้าจะโทษก็ต้องโทษเขาที่ต้อนรับและพยายามตีสนิทสองคนนี้เมื่อสักครู่นี้ ผู้ชายตัวสูงๆคนนั้นพูดออกมาง่ายๆว่านอกสวนสนุกดูเหมือนว่าจะมีร้านอาหารดีๆอยู่ร้านหนึ่ง บรรยากาศก็เงียบสงบกว่าข้างในมาก จะได้พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เขาถึงกับไม่มีข้อสงสัยใดๆเลย แถมยังตอบรับออกมาด้วยความดีใจเป็นอย่างมาก ระหว่างทางที่เดินออกไปข้างนอก เขาก็เอาแต่พูดคุยกับทั้งสองคนอย่างกระตือรือร้น แม้แต่เส้นทางก็ไม่ได้จดจำให้แม่น ดังนั้นกว่าจะรู้ตัวว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาก็ถูกพาไปจนถึงทางตันแล้ว
“ในนี้……มีที่ให้กินข้าวด้วยเหรอ?” ในน้ำเสียงของเขามีความสงสัยอยู่เล็กน้อย
ผู้ชายตัวสูงยิ้มเล็กน้อย จูเซี่ยงเหวินยังไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมา ข้างหลังของเขาก็ถูกถีบอย่างแรงหนึ่งที ทั้งตัวของเขาพุ่งไปข้างหน้า แล้วล้มลงกับพื้นในทันที ความรู้สึกคุ้นเคยก็ได้จู่โจมเข้ามาในหัวใจอีกครั้ง
หลังจากที่ถูกเหยียบไหล่อย่างหนัก หัวใจของเขาก็เต้นขึ้นมารุนแรง “เป็นพวกแกนี่เอง!”
ผู้ชายตัวสูงโน้มตัวลงมาใกล้ๆเขา และหัวเราอยู่ข้างๆหูของเขาเบาๆ แล้วพูดว่า “เพิ่งจะจำได้ตอนนี้…มันสายแล้วล่ะ!”
ผู้ชายตัวเตี้ยกว่าเล็กน้อยก็เดินเข้ามาอยู่ข้างๆเขาเช่นกัน แล้วนั่งยองๆลงไป และค่อยๆหยิบโทรศัพท์ออกจากมือของจูเซี่ยงเหวิน “นายยังมองว่าคนอื่นเป็นคนโง่อยู่จริงๆด้วย”
พุดจบ ก็ลบรูปภาพทั้งหมดที่อยู่ในโทรศัพท์ของเขาต่อหน้าต่อตาเขา
จากนั้นจูเซี่ยงเหวินก็ตาเบิกกว้างขึ้นมา “ไม่……”
การแสดงออกของเขาดูเหมือนว่าเจ็บปวดมาก แต่ในใจยังหลงเหลือความโชคดีอยู่เล็กน้อย
ลบไปแล้วอย่างไรล่ะ เขาก็มีวิธีกู้ข้อมูลคืนมาอยู่ดี
แต่ทว่าผู้ชายตัวเตี้ยคนนั้นยิ้มอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันไปเปิดสมุดโทรศัพท์ของจูเซี่ยงเหวิน
“จูเซี่ยงเหวิน เพศชาย อายุ29ปี ว่างงาน” เสียงของเขาสูงมาก เกือบจะเหมือนเสียงผู้หญิงอย่างไรอย่างนั้น “ยังไม่แต่งงาน พ่อเสียชีวิตแล้ว ในครอบครัวมีเพียงแม่ที่แก่ชราอายุเกิน 60 ปี”
หัวใจของจูเซี่ยงเหวินเหมือนกับถูกรัดเอาไว้ด้วยด้ายที่มองไม่เห็น ทุกครั้งที่เขาพูด ด้ายนั้นก็จะกระชับแน่นขึ้นทีละนิด และค่อยๆตัดเข้าไปในเนื้อหนังของเขา
“……แกหยุดพูดจาเหลวไหลได้แล้ว” จูเซี่ยงเหวินหลับตาลง “ฉันมีแม่ที่ไหนกัน”
ผู้ชายตัวเตี้ยหัวเราะเบาๆแล้วพูดว่า “ก็จริงอยู่ที่เธอตัดสัมพันธ์กับนายไปนานแล้ว แต่ในเมื่อนายพูดขนาดนี้…ดูเหมือนว่าความปลอดภัยของผู้หญิงคนนี้ คงไม่ได้อยู่ในขอบเขตของความกังวลใจของนายจริงๆเสียแล้ว”
จูเซี่ยงเหวินเงยหน้าขึ้นมาทันที แล้วก็ถูกถีบลงไปอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไม่ได้นอนค่ำหน้าลงกับพื้นอย่างเชื่อฟัง แต่กลับพยายามดิ้นรนลุกขึ้นมา “แกคิดจะทำอะไร! มีอะไรก็มาลงที่ฉัน! เธอไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันแล้ว พวกแกจะไปหาเธอจะมีประโยชน์อะไร?”
ผู้ชายตัวเตี้ยไม่พูดอะไรแล้ว ผู้ชายที่ตัวสูงๆโน้มตัวลงมา แล้วใช้สายตาลู่ลงไปมองเขาเหมือนกับมองดูขยะและพูดว่า “ไม่มีใครเคยบอกนายเหรอว่า ถ้าเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายจริงๆ แม้ว่าจะเสแสร้งก็ตาม นายก็ควรแสดงท่าทีที่เฉยเมยสักนิดนึง ยิ่งกระวนกระวายใจแบบนี้ ก็ชัดเจนมากว่า……เธอยิ่งมีความสำคัญกับแกมาก”
“หลายปีก่อนนายเปิดตัวว่าเป็นเกย์ก็เลยถูกไล่ออกจากบ้าน ความโกรธรุมเร้าเข้าไปในหัวใจพ่อของนายจนทำให้หัวใจวาย และเลือดคลั่งในสมองแล้วก็ตายไป แม่ของนายรับความจริงนี้ไม่ได้ ก็เลยตัดความสัมพันธ์กับนายซะ และไม่มาเจอหน้านายอีก ส่วนบริษัทของนายก็ไล่นายออกแล้วเพราะข่าวลือเช่นเดียวกัน” ผู้ชายตัวเตี้ยนั่งย่อตัวลงห่างจากจูเซี่ยงเหวิน เพียงไม่กี่ก้าว แล้วจ้องมองตรงเข้าไปในดวงตาของเขา เขาพูดด้วยน้ำเสียงสงบนุ่มนวล และไม่มีความรู้สึกใดๆมากไปกว่านี้อีกแม้แต่น้อย “แต่หลังจากที่นายทิ้งทุกอย่างแล้วออกไปจากบ้านแฟนหนุ่มของนายในตอนนั้นกลับทรยศหักหลังนาย นายก็เลยเกลียดชังกลุ่มรักร่วมเพศตั้งแต่นั้นมา ตั้งแต่นั้นมานายก็พยายามเปิดเผยเรื่องเพศของดาราทุกวันเป็นอาชีพ และมีลุ่มหลงในการดูพวกรักร่วมเพศที่คุณแฉออกมาโดนด่าทางอินเทอร์เน็ต เหมือนที่คุณโดนในตอนแรก”
จูเซี่ยงเหวินไม่พูดอะไรสักคำ สายตาของเขากำลังจ้องมองไปที่ผู้ชายคนนั้น แต่ในใจกลับรู้สึกอ้างว้างเป็นระยะๆ
เขาพบกับพวกเขาในช่วงเวลาสั้นๆเพียงไม่กี่ชั่วโมง คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องในอดีตที่ถูกเขาฝังเอาไว้ลึกๆเหล่านี้ จะถูกขุดขึ้นมาจนหมดอย่างง่ายดายขนาดนี้
ในที่สุดเขาก็เข้าใจอย่างชัดเจนแล้วว่า คราวนี้ ตัวเองคือคนที่ถูกบีบให้ยอมรับความพ่ายแพ้เสียแล้ว
“พวกแก….เป็นใครกันแน่?” เขาบีบเค้นคำไม่กี่คำนี้ออกจากซอกฟันของเขา
ผู้ชายตัวเตี้ยคนนั้นยิ้มเบาๆ แล้วยืนขึ้นมา “พวกเราเป็นใครไม่สำคัญ และนายก็ไม่จำเป็นต้องรู้ สาเหตุที่พวกเรามาหานาย จริงๆแล้วอยากให้นายทำเรื่องบางอย่าง”
จูเซี่ยงเหวินไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร ณ เวลานี้เขารู้ว่าภูมิหลังของสองคนนี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เขาจะไม่ยอมหลับหูหลับตาไปช่วยพวกเขาทำเรื่องอะไรอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าในขณะนี้เขายังถูกผู้ชายที่ตัวสูงๆเหยียบอยู่ใต้เท้าอย่างแน่นหนา เขามีอำนาจในการตัดสินชะตาชีวิตแต่ฉันเป็นเพียงแค่เหยื่อที่อยู่ในกำมือของเขา และไม่มีช่องทางที่จะเจรจาต่อรองใดๆเลย
“เราไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณลำบากใจหรอกนะ จริงๆแล้วเรื่องที่เราอยากให้คุณทำนั้นง่ายมากๆ” เขาก้มตัวลง แล้วยัดโทรศัพท์กลับเข้าไปในมือของจูเซี่ยงเหวิน “นายไม่ได้ชอบใช้โทรศัพท์มือถือของคุณมากที่สุดเหรอ เราแค่ต้องการให้นายโพสต์ข่าวในโทรศัพท์มือถือของนายก็เท่านั้น”
จูเซี่ยงเหวินพูดด้วยน้ำเสียงที่ยังคงสั่นอยู่ว่า “ข่าว….ข่าวอะไร”
ผู้ชายคนนั้นหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “นายลุกขึ้นมา แล้วทำตามที่ฉันบอก”
……
ถังย่าที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ยังคงขับรถไปสวนสนุก
ช่วงเวลาว่างที่รอสัญญาณไฟจราจร เขาก็หยุดรถ แล้วรีเฟรช Weiboไม่หยุด เพราะกลัวว่าจะพลาดข่าวของพวกเขา
แต่ทว่าคนที่กำลังติดตามพวกเขาสองคนมาโดยตลอด ไม่ได้อัพเดท Weibo มาเกือบชั่วโมงแล้ว
“ตกลงว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น……” เธอบ่นพึมพำ
ในคอมเมนต์ก็กำลังพูดคุยกันอย่างไม่ขาดสาย แต่ทว่าแท้จริงแล้วทุกคนเพียงแค่มามุงดูความคึกคัก เมื่อไม่มีใครอัพเดทแล้ว ก็ค่อยๆทยอยกันหายไป มีเพียงถังย่าคนเดียวที่ยังเฝ้ารออย่างกระวนกระวายใจและมืดแปดด้าน
เธอจะต้องเจอสองคนนี้ให้ได้!
ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าคิดว่า ถ้าพวกเขาทั้งสองคนออกไปจากสวนสนุกแล้ว จะไปไหนได้อีก…
ไฟแดงที่อยู่ตรงหน้าได้กระโดดเป็นไฟเขียวแล้ว ถังย่ารีเฟรชไปเรื่อยๆอย่าไม่มีความหวังอะไร พอเหลือบมองไปเห็นไฟเขียวก็คิดที่จะสตาร์ทรถ แต่เมื่อเห็นเนื้อหาในโทรศัพท์ เธอกลับเกือบจะหมุนพวงมาลัยไปเสียแล้ว
“ต้องให้ทุกคนรอนานเลย เมื่อกี้ผมกำลังตามทั้งสองคนออกไปจากสวนสนุกแล้ว ดังนั้นก็เลยไม่ได้อัพเดทอะไรเพิ่มเลย ตอนนี้สองคนนี้ออกจากสวนสนุกแล้วนะครับ สำหรับจะไปที่ไหน….ผมจะไม่พูดดีกว่า ให้ทุกคนดูรูปเอาเองก็แล้วกันนะครับ”
เขายังคงพูดด้วยโทนเสียงที่คุ้นเคย และคุณภาพของรูปภาพที่แนบมาด้านล่างก็เหมือนเดิมทุกประการ
ในที่สุดหัวใจที่ล่องลอยอยู่ของถังย่าก็ค่อยๆสงบนิ่งลง และเธอก็ไม่สนใจเลยว่าเสียงแตรของรถที่อยู่ข้างหลังจะดังเลื่อนลั่นแค่ไหน จึงได้หมุนพวงมาลัยไปจอดรถอยู่ข้างทางตามสะดวก แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูรูปถ่ายรูปนั้นอย่างละเอียด
แม้ว่าคนคนนี้จะไม่ได้ระบุตำแหน่งของลู่เซิ่นกับฉินซี แต่ภาพถ่ายของเขากลับชัดเจนกว่านี้ไม่ได้แล้ว แค่ถังย่ามองปราดเดียวก็รู้แล้วว่า พวกเขาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำก็อยู่ข้างๆสวนสนุก พวกเขาจะไปที่นั่นก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่เหมือนกัน
ถังย่าไม่คิดอะไรมากแล้ว จึงวางโทรศัพท์กลับไป แล้วใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบคันเร่งให้สุด เพื่อที่จะมุ่งหน้าไปที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ
เธอ…จะต้องพบสองคนนี้ให้ได้!
……
จูเซี่ยงเหวินที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ภายใต้การจ้องมองของชายทั้งสองคน เขาได้โพสต์ Weibo นี้เสร็จแล้วอย่างตัวสั่นงกๆ
“แบบนี้……ก็โอเคแล้วใช่ไหม?”
ผู้ชายที่ตัวเตี้ยๆคนนั้นยิ้มแล้วพูดว่า “ยังมีเรื่องเล็กๆอีกเรื่องหนึ่ง”