จูเซี่ยงเหวินยังไม่รู้ว่าตัวเองถูกลู่เซิ่นจับตามองแล้ว ในขณะนี้เขายังคงกำลังมองดูความคิดเห็นและ Weibo ที่ได้รับการรีโพสต์ขึ้นมาไม่หยุดของตัวเองอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง แล้วมุมปากของเขาก็มีปรากฏรอยยิ้มที่ความพึงพอใจเล็กน้อยออกมาดูเหมือนว่าเขาจะมองเห็นอนาคตแล้วว่าข่าวที่ตัวเองเปิดเผยออกมาในครั้งนี้ จะต้องดังในชั่วข้ามคืน แล้วธุรกิจการโฆษณาต่างๆก็กรูเกรียวกันเข้ามาหาเขา และเขาก็เพียงแค่ต้องคอยนั่งนับเงินก็พอแล้ว……
เขาไม่ได้ลบรูปภาพที่ตัวเองโพสต์ลงไปเลย แต่กลับทำการยั่วยุแทน เขาอัพโหลดรูปถ่ายที่เขาเคยถ่ายไว้ก่อนหน้านี้ด้วยสองสามรูป จากนั้นก็แสดงรอยยิ้มที่หยาบช้ามากออกมา
พอWeiboนี้ได้โพสต์ออกมาก็เหมือนกับการเติมเชื้อเพลิงลงไปในกองไฟ ตอนนี้คนที่ต่อว่าเขาด้วยความไม่พอใจในตอนแรกก็นั่งไม่ติดกันแล้ว แล้วขู่ว่าจะเฉือนเอาเนื้อของเขาออกมา และคนที่เห็นความคึกคักแล้วยังคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรือคนที่ถือโอกาสฉกฉวยผลประโยชน์ในขณะที่เกิดความวุ่นวายก็กำลังถือโอกาสนี้เกาะกลุ่มกันอยู่ในคอมเมนต์นั้น
แสงจากโทรศัพท์มือถือได้แสดงให้เห็นสีหน้าของจูเซี่ยงเหวิน และก็ยังทำให้ความสบายใจที่บิดเบี้ยวไม่สามารถหลบซ่อนอยู่ภายในดวงตาของเขาได้อีกต่อไปด้วยเช่นกัน
“เนื้อคน……”เขาหัวเราะด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ “ถ้าสามารถหาผมเจอได้ ผมก็คงต้องขอบคุณพวกคุณเช่นกัน”
เพื่อที่จะสามารถหามุมที่ดีในการจับภาพของลู่เซิ่นกับฉินซีเจอแล้ว เขาจึงตั้งใจซ่อนตัวอยู่ในมุมที่ไม่สะดุดตามุมหนึ่ง บรรยากาศที่คึกคักของสวนสนุกไม่ได้แผ่มาจนถึงมุมนี้ที่เขาซ่อนตัวอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว แม้ว่าจะไม่มีแสงไฟ ไม่มีเสียงดนตรีที่ไพเราะ และความเงียบสงัดโดยรอบนั้นก็ไม่เข้ากันเล็กน้อยก็ตาม
ความเงียบนี้ก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงตั้งใจเลือกที่นี่
อยู่ในสถานที่แบบนี้ ไม่ว่าใครจะเดินเข้ามาใกล้ๆ เขาก็สามารถโต้ตอบกลับไปได้ในทันที
เขาไม่มีความคิดที่จะเปิดเผยตัวเองออกไปในตอนนี้
ดังนั้นจูเซี่ยงเหวินจึงจับจ้องไปที่โทรศัพท์เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของทุกคนตลอดเวลา พร้อมกับกำลังตั้งใจสังเกตสิ่งที่อยู่โดยรอบไปด้วย
แต่ทว่าความเงียบสงัดที่เสมอต้นเสมอปลายโดยรอบทำให้ความระแวดระวังของเขาผ่อนคลายลง
ดังนั้นเขาจึงยืนอยู่ที่เดิม แล้วรีเฟรช Weibo อีกสองสามครั้ง เมื่อเห็นว่ากระแสของการทะเลาะวิวาทในคอมเมนต์มีแนวโน้มลดลง เขาก็ตัดสินใจที่จะติดตามสองคนนั้นไปอีกครั้ง
ขอเพียงแค่ได้ถ่ายรูปอีกสักสองสามรูป ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องกระแสความนิยมแล้ว
มุมปากของเขามีรอยยิ้มที่พึงพอใจแขวนอยู่ แล้วเขาวางโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าเสื้อ แต่พอเงยหน้าขึ้นมากลับต้องตื่นตกใจจนสะดุ้งโหยง เนื่องจากเขาไม่รู้เลยว่าคนหนึ่งคนมายืนอยู่ตรงหน้าเขาโดยที่เขาไม่รู้เนื้อรู้ตัวตั้งแต่เมื่อไหร่
ผู้คนที่มากำลังหันหลังอยู่ ก็เลยไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้อย่างชัดเจน แต่เห็นเพียงว่าเขาตัวสูงมากเท่านั้น
เพื่อการสร้างกระแสความนิยมแล้วหลายปีมานี้จูเซี่ยงเหวินจึงได้ทำเรื่องที่ไร้คุณธรรมไม่น้อย คนที่ผู้พยาบาทกับเขาก็มีเพิ่มมากขึ้น ตอนแรกก็รู้สึกหวาดผวา คาดไม่ถึงว่าจะถูกขู่ให้ตกใจจนเกือบจะกระโดดขึ้นมาขนาดนี้ ทันใดนั้นเขาก็ก้าวถอยหลังก้าวใหญ่ๆไปหนึ่งก้าว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่า “แกเป็นใคร!”
แต่เขายังไม่ทันได้ยืนอย่างมั่นคง นัยน์ตาก็พบว่ามีคนสกัดอยู่ข้างหลังของตัวเองด้วยอีกหนึ่งคน
เขายังไม่ทันได้กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ ก็ถูกคนที่ยืนอยู่ข้างหลังคนนั้นเตะเข้าไปที่หลังหัวเข่าหนึ่งที ทำเขาคุกเข่าลงไปทั้งตัวอย่างควบคุมไม่อยู่
เขาจึงต้องยื่นมือออกไปค้ำยันพื้นเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองให้มั่นคงในทันที แต่เขากลับรู้สึกว่าไหล่ของตัวเองถูกชายร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างหน้าเหยียบเอาไว้แล้ว กำลังของคนคนนั้นมีเยอะมาก ทำให้เขาต้องนอนก้มหน้าลงกับพื้นในทันที และใบหน้าด้านข้างของเขาก็ถูไปกับพื้น จนรู้สึกปวดแสบปวดร้อนขึ้นมา
“พวกแกทำอะไร!” จูเซี่ยงเหวินพูดออกมาอย่างสั่นเทา “ช่วยด้วย!”
ก็ต้องโทษที่เขากินปูนร้อนท้องเอง ออกห่างจากพรรคพวกแล้วตัวเองก็มาซ้อนตัวอยู่ในมุมที่ไร้ผู้คนแบบนี้ จึงไม่มีใครให้ความสนใจกับการร้องขอความช่วยเหลือของเขาเลย
เห็นได้ชัดว่าสองคนนั้นไม่ได้สนใจการร้องของความช่วยเหลือของเขาเลย และเขาถึงกับได้ยินผู้ชายที่มีร่างสูงใหญ่คนนั้นหัวเราะเบาๆออกมาอีกด้วยทันใดนั้นเศษผ้าชิ้นหนึ่งก็ถูกยัดเข้าไปในปากของเขา ดวงตาก็ถูกปิดเอาไว้ด้วย มือทั้งสองข้างถูกมัดไขว้เอาไว้ด้านหลัง เท้าของชายคนนั้นยังเหยียบอยู่ข้าลำคอของเขา ทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
ในที่สุดจูเซี่ยงเหวินก็รู้สึกตื่นตระหนกตกใจเมื่อรู้สึกตัวอีกทีในภายหลัง แล้วพูดขอให้ไว้ชีวิตอย่างไม่ชัดเจนอยู่ในปาก
เมื่อสักครู่นี้เขาไม่ได้ยินการกระทำและคำพูดใดใดเลย แสดงให้เห็นว่าสองคนนี้มีฝีมือที่ยอดเยี่ยมมากเลยทีเดียว แม้แต่เสียงฝีเท้าเพียงนิดเดียวก็ไม่ได้ยิน ทว่า…แม้ว่าเขาจะมีศัตรูอยู่ไม่น้อย แต่ในเวลาชั่วขณะหนึ่งเขาก็นึกไม่ออกเลยว่าเขาเคยไปก่อเรื่องอะไรกับคนที่มีฝีมืออย่างนี้มาด้วย
……แล้วพวกเขาทำเพื่ออะไรล่ะ?
……ต้องการจะเอาชีวิตของฉันเหรอ?
จูเซี่ยงเหวินยิ่งคิดก็ยิ่งหวาดกลัว และร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านขึ้นมาทั้งตัวอย่างควบคุมไม่ได้
แต่ทว่าสองคนนั้นกลับไม่สนใจต่อการแสดงออกของเขาเลยซักนิด ทั้งสองร่วมกันถอดเสื้อคลุมของเขาออก แล้วก็มีคนเอื้อมมือไปล้วงเอาของที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของเขาออกมาจนหมดเกลี้ยง
จูเซี่ยงเหวินได้ยินแต่เสียงวุ่นวายดังขึ้นมา ราวกับว่าสิ่งของทั้งหมดของเขาถูกล้วงออกไปหมดแล้ว หลังจากนั้นเสื้อคลุมของเขาก็ถูกโยนลอยละลิ่วกลับมาบนใบหน้าของเขา
จูเซี่ยงเหวินยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา แรงที่เหยียบอยู่บนคอของเขาก็หายไปในทันใด และไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆอยู่รอบตัวเขาเลย
เขาตะลึงงัน เขาพยายามยกศีรษะขึ้นมา กลับพบว่าไม่มีใครอยู่รอบๆตัวเขาเลย
ถ้าไม่ใช่เพราะสภาพที่น่าสังเวชของเขา ทั้งหมดนี้ก็คงเป็นเหมือนกับเรื่องเหลวไหลและความฝันหนึ่งของเขา
เขาคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความงุนงงเป็นเวลานาน จึงมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา แล้วพยายามดิ้นรนที่จะยืนขึ้นมา และหยิบเสื้อคลุมของตัวเองขึ้น พอเขาลูบๆคลำๆดู …ก็ไม่มีอะไรแล้ว
จูเซี่ยงเหวินราวกับถูกฟ้าผ่า เขาคลำหาสักพักหนึ่งอย่างละเอียดถี่ถ้วนเหมือนคนบ้า
ไม่มีอะไรเลย
ทั้งโทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์ และกุญแจ
——เขาถูกปล้นแล้วงั้นเหรอ?
จูเซี่ยงเหวินรู้สึกปวดใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงคุกเข่าลงกับพื้นในทันที
กุญแจกระเป๋าสตางค์ล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อย หากไม่มีโทรศัพท์มือถือแล้ว การถ่ายทอดสดของเขาจะไม่สามารถดำเนินต่อไปได้อีกต่อไปแล้ว
แฟนคลับในWeiboที่กว่าจะสะสมมาอย่างยากลำบาก……
เขากำหมัดขึ้นมาอย่างโกรธเคืองด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วเดินโซเซและเดินออกไปจากมุมนี้
——ที่นี่จะต้องมีกล้องวงจรปิดอย่างแน่นอน เขาจะต้องหาคนที่ใจกล้ามาปล้นเขาอยู่ที่นี่โดยไม่กลัวแม้แต่เทวดาฟ้าดินให้เจอให้จงได้!
……
คนที่ใจกล้าพอที่จะปล้นคนตอนกลางวันแสกๆนั้นไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นลู่เซิ่นกับฉินซีนั่นเอง
ทั้งสองคนไม่ใช่ว่าจะไปปล้นเพื่อเอาเงินที่น่าเวทนานั้นของจูเซี่ยงเหวินเลย แต่เพื่อโทรศัพท์มือถือของเขาต่างหาก
นี่คือเรื่องที่ทั้งสองคนได้ปรึกษาหารือกันเรียบร้อยแล้ว
“ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดที่จะพิสูจน์ได้ว่าเขาเป็นผู้เปิดเผยที่อยู่ของเรา ดังนั้นเราต้องเอาโทรศัพท์ของเขามาให้ได้ก่อน แล้วค่อยเช็คให้แน่ใจสักหน่อยเพื่อความชัวร์” ฉินซีแนะนำ
ลู่เซิ่นพยักหน้า แล้วพูดว่า “ดี แต่ว่าเราก็ไม่สามารถตั้งใจไปเอาโทรศัพท์มาโดยตรงได้ ไม่อย่างนั้นมันจะง่ายต่อการถูกค้นพบตัวตน ไม่สู้เอาของทั้งหมดของเขามาให้หมดเลย จะได้ไม่ถูกเปิดเผย”
ฉินซีก็เห็นด้วย
ดังนั้นจึงมีฉากที่จูเซี่ยงเหวินคิดว่าตัวเองถูกปล้นขึ้นมา
ด้วยฝีมือของทั้งสองคนการจัดการกับจูเซี่ยงเหวินก็แค่เรื่องกล้วยๆเรื่องหนึ่งเท่านั้น ทั้งสองคนมาแล้วก็ไปอย่างเบาหวิว แม้แต่ จูเซี่ยงเหวินก็มองไม่เห็นร่างของพวกเขาทั้งสองคนอย่างชัดเจน
แน่นอนว่าโทรศัพท์มือถือของจูเซี่ยงเหวิน มีรหัสผ่าน แต่รหัสผ่านง่ายๆแค่นี้เป็นเพียงเรื่องกล้วยๆสำหรับลู่เซินกับฉินซีเท่านั้น
ภายในไม่กี่นาที โทรศัพท์ของจูเซี่ยงเหวินก็ถูกปลดล็อคออกมาแล้ว
“นี่เขา……ตามพวกเรามาตลอดทางเลยนี่นา” ฉินซีเพิ่งจะเปิดอัลบั้มรูปภาพออกมาดู ก็ต้องตกตะลึง
รูปภาพที่อยู่ด้านในเป็นภาพที่เริ่มตั้งแต่ตอนที่พวกเขาเข้ามาในสวนสนุกแรกๆ เรื่อยไปจนถึงตอนที่พวกเขาเข้าไปรับประทานอาหารในร้านอาหาร
เธอออกจากอัลบั้ม แล้วคลิกเข้าไปที่ Weibo
เมื่อได้เห็นIDที่คุ้นเคยนั้น เธอก็รู้ว่า พวกเขาไม่ได้ตามหาผิดคน
“เมื่อกี้ฉันเพียงแต่เตะเขาไปหนึ่งทีเท่านั้น มันเสียเปรียบเขาเกินไปแล้วจริงๆ” ในขณะที่ฉินซีกำลังดู Weibo เธอก็พูดขึ้นมาด้วยความโกรธแค้น
และหว่างคิ้วของลู่เซินก็มีความโกรธเกรี้ยวที่เย็นชาเช่นเดียวกัน
ไม่ง่ายเลยที่เขากับฉินซีจะได้มีโอกาสสักโอกาสออกมาพักผ่อนหย่อนใจอย่างนี้ แต่กลับถูกดวงตาของบล็อกเกอร์คนนี้ก่อกวนเข้าแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะอารมณ์ดีไปโดยปริยาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง……การที่เขาทำเช่นนี้ มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าเขาจะเปิดเผยที่อยู่ของพวกเขาให้จ้านเซินได้เห็นแล้ว
ถ้าถูกพวกเขาพบตัวแล้ว……คนที่ชื่อจูเซี่ยงเหวินคนนี้ ตายไปซะก็ไม่เสียดาย
แล้วความหมองหม่นก็ปรากฏขึ้นมาในดวงตาของลู่เซิ่น
“ตอนนี้อยากจะทำอะไร?” สีหน้าของฉินซีก็เคร่งขรึมขึ้นมาเล็กน้อยเช่นเดียวกัน