ยังไงซะเธอก็มีลู่เซิ่นอยู่ เธอจึงไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น
ในขณะที่ลู่เซิ่นกำลังมองไปที่ใบหน้าด้านข้างที่อ่อนช้อยและสวยงาม ก็สาบานอยู่ในใจว่าจะต้องปกป้องเธอให้ดีอย่างแน่นอน
ตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าจูเซี่ยงเหวินเป็นคนยังไงกันแน่ ถึงได้เอาแต่อยากรู้อยากเห็นเรื่องของพวกเขาอย่างเดียวเลย และยังสั่งให้จ้านเซินมาอีก
ลู่เซิ่นกำลังคาดเดาว่า เขากับฉินซีสวมหน้ากากหนังคนแล้ว จ้านเซินน่าจะไม่สามารถหาพวกเขาเจอได้โดยเร็ว
แต่เพื่อความปลอดภัย เขาไปจับตัวจูเซี่ยงเหวินมาสอบถามดูจะดีกว่า
แต่ทว่า ด้านนี้มีผู้คนพลุกพล่านเยอะโอกาสที่จะถูกพบเห็นก็มาก ถ้าคิดจะลงมือก็ต้องเปลี่ยนสถานที่ใหม่
ทันใดนั้นสถานที่หนึ่งก็ได้ลอยขึ้นมาในหัวสมองของลู่เซิ่น
“บ้านผีสิง!” ที่นั่นมีแสงสลัวและมืดครึ้ม ถึงแม้ว่าจูเซี่ยงเหวินจะถูกลักพาตัวไป ก็ไม่มีใครพบเห็น
พอคิดถึงตรงนี้ มุมปากของลู่เซิ่นก็ปรากฏรอยยิ้มแห่งความกระหายเลือดออกมา
……
อีกด้านหนึ่ง
ภายในองค์กร
เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้จ้านเซินทำเรื่องผิดๆอีก หลายวันมานี้ถังย่าจึงอยู่ที่ฐานตลอดเวลา โดยไม่จากไปไหน
เธอเปิดดูแท็บเล็ตด้วยความเบื่อหน่าย ก็พบคำค้นหายอดนิยมบน Weibo
และคำว่ากลุ่มสาววายสองสามคำนี้ก็ได้ดึงดูดสายตาของถังย่าเข้าพอดี
ถังย่าได้สัมผัสกับด้านนี้น้อยมาก เธอมัวแต่ยุ่งอยู่กับงานทุกวัน จึงไม่รู้เลยว่ายังมีกลุ่มสาววายแบบนี้ด้วย
เมื่อเธอคลิกเข้าไปในคำค้นหายอดนิยมด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก็พบภาพเงาด้านหลังของคนสองคน
จากนั้นดวงตาของถังย่าก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
ต้องบอกเลยว่า ภาพเงาด้านหลังนี้มันช่างเหมือนฉินซีกับลู่เซิ่นมากจริงๆ แต่ว่าฉินซีเป็นผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชายนี่นา ในรูปถ่ายรูปนี้เป็นผู้ชายสองคน และพวกเขากำลังสวมใส่เสื้อผ้าสไตล์แฟชั่นที่เป็นที่นิยมที่สุดในขณะนี้
แต่เมื่อถังย่าเปิดดูรูปที่พวกเขาประสานมือกันรูปนั้น ในใจก็รู้สึกตื่นตระหนกจนถึงที่สุด
นี่…คือฉินซีจริงๆด้วย!
ถังย่ากับฉินซีรู้จักกันมาหลายปีแล้ว เธอจึงจำไฝสีแดงเม็ดเล็กๆที่อยู่บนนิ้วก้อยของฉินซีได้อย่างชัดเจน
เธอไม่ได้เห็นใบหน้าของฉินซี เพราะว่าเพื่อรักษาความรู้สึกที่ดูลึกลับซับซ้อนเอาไว้ จูเซี่ยงเหวินจึงยังไม่เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของฉินซีกับลู่เซิ่นออกมา
ถังย่าได้ตัดสินชี้ขาดออกมาว่านี่ก็คือฉินซีกับลู่เซิ่นจากมือและภาพเงาด้านหลังนั้น
เธอคาดเดาอยู่ภายในใจว่า ฉินซีน่าจะเลือกที่จะปลอมตัวเป็นผู้ชายเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกจ้านเซินเจอตัว
ในขณะที่กำลังมองดูรูปที่อยู่ในมือ ในใจของถังย่าก็รู้สึกสับสนวุ่นวายเป็นอย่างมาก
เธอไม่รู้ว่า จะต้องพูดเรื่องนี้กับจ้านเซินหรือไม่
ถังย่ากล้ารับประกันว่า ถ้าเธอบอกจ้านเซิน จ้านเซินจะต้องออกคำสั่งให้ไปนำตัวฉินซีกับลู่เซิ่นกลับมาอย่างแน่นอน
ถ้าเป็นอย่างนั้น การหลบหนีของฉินซีในครั้งนี้ก็จะต้องล้มเหลวอีกครั้ง
ถ้าไม่บอกจ้านเซิน สถานภาพของจ้านเซินในตอนนี้จะดีขึ้นมาอีกครั้งได้อย่างไร
ถ้าวันหนึ่งจ้านเซินรู้ว่าเธอหาลู่เซิ่นกับฉินซีพบแล้ว แต่กลับไม่ได้บอกความจริง เช่นนั้นจ้านเซินจะต้องตำหนิเธออย่างแน่นอนเลยน่ะสิ
พอคิดถึงตรงนี้ ในใจของถังย่าก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกลำบากใจขึ้นมา
ตอนนี้ภายในหัวสมองของเธอสับสนเป็นอย่างมาก และเธอไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไรดี
ถังย่าครุ่นคิดอยู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้นมาจากโซฟา
เธอถือโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายถึงซิวหน่ายซิงแล้วพูดว่า “นายเตรียมไว้รถเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันจะออกไปข้างนอกสักหน่อย”
พูดจบ ถังย่าก็วางสายโทรศัพท์ไปเลย
เธอเดินไปด้วย ขณะที่กำลังขยับโทรศัพท์ไปมา
ไม่นานถังย่าก็หาสถานที่ที่ถ่ายรูปเจอผ่านรูปถ่ายรูปนี้
สวนสนุกColorful
ถังย่าอ่านเงียบๆหนึ่งรอบ แล้วท่องจำที่อยู่ของสวนสนุกเอาไว้ในใจ จากนั้นก็ปิดโทรศัพท์ลง
เมื่อเธอเดินไปถึงประตู ซิวหน่ายซิงก็ขับรถมาแล้ว
ถังย่าเดินอ้อมไปถึงที่นั่งคนขับแล้วพูดว่า “ลงมา”
ซิวหน่ายซิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงขมวดคิ้วแน่นและพูดว่า “ลูกพี่ ลูกพี่จะไม่พาผมไปด้วยเหรอครับ?”
ตอนที่ออกไปข้างนอกก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะไปที่ไหน ถังย่าก็จะพาเขาไปด้วยทุกที่ แต่ทำไมวันนี้เธอถึงได้ดุมากขนาดนี้ล่ะ
ถังย่าเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “นายอยู่เฝ้าฐานเถอะ ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับจ้านเซิน ให้รีบรายงานฉันมาทันที”
พูดจบ เธอก็เปิดประตูรถออกมาเลย
“ลงมา อย่าให้ฉันพูดอีกเป็นครั้งที่สามนะ”
ตอนนี้ถังย่าอารมณ์ไม่ดีมาก น้ำเสียงของเธอจึงไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่ ท่าทางก็แข็งกร้าวเป็นอย่างมาก
และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่ซิวหน่ายซิงได้เห็นท่าทางที่ฉุนเฉียวเช่นนี้ของเธอ เขายังไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองใดใดกลับมาเลย ทันใดนั้นเขาก็ถูกถังย่าลากลงมาจากรถเสียแล้ว เขาจึงพูดว่า “ลูกพี่ ลูกพี่ไปเองได้จริงๆเหรอครับ? ถ้าไม่อย่างนั้นผมจะให้คนอื่นไปกับลูกพี่ด้วยนะครับ”
เขามีความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกว่าอารมณ์ของถังย่าเกือบจะสูญเสียการควบคุมไปแล้ว ในใจของเขาจึงกลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก
ถังย่าเข้าไปนั่งในรถ แล้วปิดประตูรถและพูดว่า “ไม่ต้อง นายรอฉันกลับมาอย่างว่านอนสอนง่ายอยู่ที่นี่เถอะ จำไว้ว่าถ้าทุกคนถามถึงฉัน นายก็แค่บอกไปว่าฉันออกไปปฏิบัติภารกิจข้างนอก และไม่ต้องพูดอะไรอีก”
เธอไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้
ซิวหน่ายซิงทำหน้างุนงง ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้น ถึงได้ทำให้ถังย่าที่ยิ้มระรื่นอยู่ตลอดเวลาตึงเครียดได้ขนาดนี้ “ลูกพี่……”
เขาอยากจะพูดออกไป แต่ทว่า ยังไม่ทันได้อ้าปาก ถังย่าก็เหยียบคันเร่งแล้ว พอเสียงรถที่สะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้นเธอก็ขับรถออกไปเลย
ฝุ่นตลบฟุ้งไปทั่วบริเวณ ซิวหน่ายซิงที่กำลังอ้าปากกว้างอยู่ ก็ได้กินฝุ่นเข้าไปมากมาย
“แค่กๆๆ……”
ซิวหน่ายซิงไออย่างรุนแรง และหลับตาแน่นทั้งสองข้าง
เมื่อเขาลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมาอีกครั้ง รถก็ได้หายไปแล้วเรียบร้อย
ในขณะที่ซิวหน่ายซิงกำลังมองไปยังท้องฟ้ามืดครึ้ม เขาก็สังหรณ์ใจไม่ดี
เขาถอนหายใจ แล้วภาวนาอยู่ในใจอย่างเงียบๆ หวังว่าถังย่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย
และในเวลาเดียวกันนี้
จั่วยีเดินเข้าไปในห้องของถังย่า
เดิมทีตัวเขาเองอยากจะบอกถังย่าว่า ระยะนี้อารมณ์ของจ้านเซินมั่นคงไม่น้อยเลย แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าถังย่าจะไม่อยู่แล้ว
“คุณหนูถัง?”
จั่วยีเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องของเธอ เมื่อไม่พบใคร เขาก็เลยเตรียมที่จะออกไปแล้ว
แต่ทว่า ในขณะนี้ แท็บเล็ตที่ถังย่าวางทิ้งไว้บนโต๊ะกลับสว่างขึ้นในทันใด
ก่อนที่จะเดินออกไปเมื่อสักครู่นี้ ถังย่ารีบร้อนมากเกินไป จึงไม่ได้ปิดให้เรียบร้อย ในเวลานี้ไม่รู้ว่าข่าวจากที่ไหนเด้งออกมา ดังนั้นหน้าจอจึงสว่างขึ้นมาอีกครั้ง
จั่วยีหยุดฝีเท้าชั่วขณะ แล้วกวดสายตามองดูด้วยความสงสัยใคร่รู้
รักร่วมเพศกับรักต่างเพศ แบบไหนคือความรักที่แท้จริงกันแน่!
หัวข้อนี้ช่างดึงดูดสายตาของผู้คนมากจริงๆ จั่วยีพูดไม่ออกเล็กน้อย
เขาจึงยื่นมือออกไปถือแท็บเล็ตขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หลังจากที่จั่วยีเปิดเข้าไปดู ก็เห็นว่าหน้าจอได้แสดงข่าวที่ถังย่ากำลังดูอยู่
เขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเลื่อนขึ้นเลื่อนลงดู
สำหรับเรื่องที่ฉินซีมีไฝสีแดงอยู่บนมือนั้น จั่วยีไม่เคยรู้มาก่อนเลย ดังนั้นตอนที่เห็นรูปภาพ เขาจึงไม่ได้คิดอะไรมาก
หลังจากนั้น จั่วยีก็รู้สึกว่าการที่ตัวเองเปิดดูของของคนอื่นมันไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เขาก็เลยวางมันคืนกลับไปไกลๆ
ซิวหน่ายซิงกลับมาอย่างโดดเดี่ยวเดียวดายพอดี เมื่อเขาเห็นจั่วยีอยู่ในห้องของถังย่า เขาก็ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ใครให้นายบุกรุกเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตแบบนี้”
ซิวหน่ายซิงพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมและน้ำเสียงที่ดุดัน
จั่วยีนึกถึงเรื่องเมื่อสักครู่นี้ขึ้นมาได้ จึงเอ่ยปากพูด อย่างร้อนตัวเล็กน้อยว่า “คือว่า….เมื่อกี้ผมนึกว่าคุณหนูถังจะอยู่ในห้องน่ะครับ พอเห็นประตูไม่ได้ล็อค ผมก็เลยเข้ามา ต้องขอโทษจริงๆครับ ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้”
พอพูดจบ เขาก็รีบเดินออกไป
ในวันธรรมดาจั่วยีกับซิวหน่ายซิงก็ไม่คบค้าสมาคมกันมากนัก อันที่จริงแล้วพวกเขาไม่ได้อยู่ในสังกัดผู้นำเดียวกัน
ดังนั้นเมื่อทั้งสองคนเจอหน้ากัน ก็เลยไม่ค่อยสนิทกันสักเท่าไหร่
ในขณะที่ซิวหน่ายซิงกำลังมองดูท่าทางลับๆล่อๆของจั่วยี เขาก็ขมวดคิ้วลึกขึ้น และในใจก็มีความรู้สึกหงุดหงิดลอยขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย