บทที่ 1489 หยั่งเชิง
แม้ว่าฉินซีจะไม่เข้าใจว่าทำไมจ้านเซินถึงถามแบบนี้ แต่ตอนนี้เธอคิดแค่จะไปหาลู่เซิ่นที่โรงพยาบาล ดังนั้นจึงไม่ได้คิดอย่างลึกซึ้ง
“โอเค”
ฉินซีพยักหน้า หันตัวจากไป
เธอพึ่งจะออกไป จ้านเซินก็หยิบมือถือออกมา
เขาต่อสายโทรไปหาถังย่า
ถังย่าที่อยู่ปลายสาย ตอนที่ได้รับโทรศัพท์จากจ้านเซิน ใบหน้าก็เผยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ
ถังย่ารีบลุกขึ้นมานั่งจากบนเตียง กดปุ่มรับสาย “ฮัลโหล จ้านเซิน”
ในน้ำเสียงของเธอมีความสุขใจ น้ำเสียงมีชีวิตชีวา
แต่ในเสียงของจ้านเซินเต็มไปด้วยความหนักอึ้ง “ถังย่า ฉันต้องการให้เธอทำเรื่องเรื่องหนึ่ง”
เขาพูดสั่งโดยตรง “พรุ่งนี้ฉินซีจะออกไปทำภารกิจ ถึงตอนนั้น หล่อนจะถือโอกาสไปหาลู่เซิ่นที่โรงพยาบาล เธอพาคนไปกลุ่มนึง หยุดพวกเขาสองคนไว้”
จ้านเซินให้โอกาสฉินซีหลายครั้งมากแล้ว แต่เธอกลับไม่รักษาไว้
เขารู้สึกว่าความจริงใจของเขาถูกฉินซีกำไว้ในฝ่ามือ เหยียบย่ำตามอำเภอใจ
ความรู้สึกที่ทำร้ายความภูมิใจในตนเองแบบนี้ ทำให้จ้านเซินไม่อาจทนได้
เขารู้สึกว่า ตนเองให้อิสระและลุ่มหลงฉินซีมากเกินไป ดังนั้นถึงทำให้ตอนนี้เธอกลายเป็นแบบนี้
ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นเขาก็ต้องเด็ดปีกนี้ของฉินซีอย่างเด็ดขาด
ฆ่าลู่เซิ่นให้ตาย ต่อหน้าต่อตาฉินซี ให้ใจเธอตายด้านโดยสมบูรณ์
ได้ยินคำสั่งของจ้านเซิน รอยยิ้มบนใบหน้าของถังย่าก็ค่อยๆหายไป
ฉินซี ฉินซี ฉินซีอีกแล้ว!
ถ้าบอกว่าไม่ริษยาเลย งั้นก็เป็นเรื่องไม่จริง
แต่ว่า ถังย่าก็ทำอะไรไม่ได้ เธอไม่สามารถควบคุมความคิดของจ้านเซินได้
น้ำเสียงของถังย่าก็เย็นชาลงตาม “จ้านเซิน นายคิดดีแล้วหรอ? ถ้านายทำแบบนี้จริงๆ จะไม่มีโอกาสกู้คืนมาแล้วนะ”
เธอเตือนอย่างจริงจัง เป็นห่วงว่าถึงตอนนั้นจ้านเซินจะเสียใจ
ถังย่าไม่รู้ ว่านี่เป็นผลจากการพิจารณาอย่างลึกซึ้งของจ้านเซินแล้ว
จ้านเซินรู้สึกว่า เรื่องนี้มันถ่วงเวลาเกินไปแล้ว
เขาหรี่ตาลงอย่างอันตราย ค่อยๆเอ่ยปาก “ระหว่างฉันกับฉินซี มันควรจะตัดไปได้ตั้งนานแล้ว”
จ้านเซินเอ่ยปากพูดอย่างมีความนัยลึกๆ ทำให้ถังย่ารู้สึกทำอะไรไม่ถูก
เธอไม่รู้ว่า คำว่าตัดขาดจากปากของจ้านเซิน ที่แท้คือเตรียมที่จะยอมแพ้ในตัวฉินซี ให้หล่อนสมหวังกับลู่เซิ่น
หรือว่า จะฆ่าลู่เซิ่นให้ตาย แล้วขังฉินซีไว้ในองค์กร
แต่ไม่ว่าจะเป็นผลลัพธ์แบบไหน ถังย่าก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะคัดค้าน
เธอเป็นเพียงแค่ลูกน้องของจ้านเซินเท่านั้น เธอได้แต่เลือกที่จะเชื่อฟัง
ถังย่าระงับความขมขื่นในใจ พยักหน้า “โอเค ฉันเข้าใจแล้ว งั้นพรุ่งนี้นายจะมาไหม?”
เธอเอ่ยถามอย่างคาดหวัง เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จ้านเซินจะไม่อยู่ในเหตุการณ์
ถังย่าไม่ได้เจอจ้านเซินมาหลายเดือนแล้ว ในใจเต็มไปด้วยความคิดถึง
“ไป”
จ้านเซินในฐานะคู่กรณี ถ้าเขาไม่อยู่ในเหตุการณ์ ถังย่าควบคุมตัวสองคนนั้นไว้ก็ไม่มีความหมายอะไร
อีกอย่าง ตอนนี้ฝีมือของฉินซีฟื้นตัวกลับมาเหมือนเดิมแล้ว สามารถประมือกับถังย่าได้อย่างสูสี บวกกับลู่เซิ่น โจวเอ้อ ถังย่าเพียงคนเดียว ไม่แน่ว่าจะเอาชนะในสถานการณ์ที่เสียเปรียบได้
“พรุ่งนี้หลังจากฉินซีออกไปปฏิบัติภารกิจ ฉันจะออกเดินทางไปหาเธอ เธอปักหลักอยู่ตรงนั้นให้ดี รอฉัน”
จ้านเซินคิดไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เพียงแค่ต้องรอการมาถึงของวันพรุ่งนี้
ถังย่าคิดว่าอีกเดี๋ยวก็จะได้เจอจ้านเซินแล้ว ในที่สุดในใจก็โล่งใจขึ้นเล็กน้อย
เธอพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “โอเค ฉันจะสั่งการไป”
แม้ว่าถังย่าจะรู้สึกเสียดายความรักระหว่างฉินซีกับลู่เซิ่น แต่ภายในใจของเธอ จ้านเซินยังคงสำคัญกว่าหน่อย เธอจะไม่ไปส่งข่าวล่วงหน้า ไม่อย่างนั้นจะเป็นการทรยศ
……
เรื่องทางด้านจ้านเซิน ฉินซีไม่รู้เลย
เธอตื่นแต่เช้า เตรียมตัวสำหรับการเดินทางครั้งใหม่
ตอนแรกเพราะจ้านเซินกังวลว่าฉินซีจะแอบหนีไปตอนไม่มีคน ดังนั้นตอนที่ฉินซีออกไปปฏิบัติภารกิจจะส่งบอดี้การ์ดสองสามคน ให้ไปกับฉินซี เรียกอย่างดิบดีว่าเป็นการปกป้อง แต่อันที่จริงก็เพื่อเฝ้าดูฉินซีเท่านั้น
ตอนนี้ จ้านเซินยอมแพ้โดยสมบูรณ์แล้ว
เรื่องระหว่างพวกเขาสองคน วันนี้ก็จะได้เห็นผลลัพธ์ และไม่มีความจำเป็นที่จะเฝ้าดูอีกต่อไปแล้ว
เมื่อฉินซีรู้ว่าวันนี้ออกไป ได้ออกไปคนเดียว ใบหน้าก็เผยความประหลาดใจ “จ้านเซิน นายแน่ใจว่าจะไม่ให้จั่วยีจั่วเอ้อไปกับฉันหรอ?”
ช่วงที่ผ่านมา ฉินซีคุ้นชินกับการมีจั่วยีและจั่วเอ้อหางน้อยๆสองอันนี้แล้ว
ความผิดปกติอย่างกะทันหันของจ้านเซิน ทำให้ฉินซียอมรับได้ยาก
เผชิญหน้ากับคำถามของเธอ จ้านเซินพูดอย่างเฉยเมย “แน่ใจ”
เขาเงยหน้าเล็กน้อย มองไปที่ฉินซี “ทำไม? เธอไม่ยินยอมหรอ? ถ้าเธอยังอยากให้จั่วยีกับจั่วเอ้อไปกับเธอ ฉันก็ไม่ถือสา ตอนนี้ฉันสามารถโทรศัพท์ไป เรียกให้สองคนนั้นกลับมาจากข้างนอก”
คำพูดของจ้านเซิน ฉินซีฟังเรารู้สึกแปลกๆอยู่ตลอด
แต่ว่า ฉินซีก็ฟังออก ว่าจั่วยีจั่วเอ้อกำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ข้างนอก
นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่จ้านเซินไม่ได้ส่งทั้งสองคนมาหรือเปล่า
คิดมาถึงตรงนี้ ในใจของฉินซีก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก
ดูเหมือนว่าเธอจะสงสัยเกินไป เรื่องราวไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น
ฉินซีขยับริบฝีปากแดง พูดพลางยิ้มบางๆ “ไม่ต้องหรอก ถ้านายไม่วางใจ จะจัดแจงให้สองคนไปกับฉันใหม่ก็ได้”
เธอส่ายหน้า ดูแล้วสงบมาก
ได้ยินเธอพูดแบบนี้ ดวงตาของจ้านเซินก็มีความอันตรายแวบผ่าน
ในใจจ้านเซินเต็มไปด้วยการถากถาง ทั้งสองที่เคยสนิทกันขนาดนั้น ตอนนี้เวลาพูดคุย กลับเต็มไปด้วยการหยั่งเชิงและหลอกลวง
ถ้าฉินซีซื่อสัตย์เหมือนอย่างที่เธอแสดงออกมาจริงๆ พวกเขาก็ไม่อาจเดินมาถึงจุดที่เป็นอยู่ตอนนี้
จ้านเซินส่งกระเป๋าเดินทางให้เธอ “ไม่เป็นไร ฉันเชื่อใจเธอ ถ้าเธออยากจะไปจริงๆ ฉันก็หยุดเธอไม่ได้ ไม่ใช่หรอ?”
เขามองตรงไปที่ฉินซี น้ำเสียงมีความหมายลึกซึ้ง
ฉินซีเอาแต่รู้สึกว่าในคำพูดของเขามีบางอย่าง
เธอแสร้งทำทีเป็นฟังไม่เข้าใจ ยิ้มเบาๆ “ฮิฮิ ฉันจะไปไหนได้ล่ะ!”
ฉินซีรับกระเป๋าเดินทางมา ไม่เตรียมที่จะพัวพันต่อ
เธอเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ “โอเค ใกล้ได้เวลาแล้ว ฉันไปล่ะ อีกสองวันปฏิบัติภารกิจเสร็จก็กลับมา พวกนายรอฉันอยู่ที่องค์กรนะ”
พูดจบ ฉินซีก็โบกมือ หันตัวเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
จ้านเซินยืนตัวตรงอยู่ที่เดิม มองแผ่นหลังของเธอ ดวงตาสีดำเข้มประกายแสงมืดมนไม่ชัดเจน
หัวใจของเหยาจ้าวไม่สงบ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขาเอาแต่รู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะสม
แต่ว่า ตอนนี้เขาไม่สามารถหยุดยั้งได้แล้ว
พอร่างของฉินซีหายไปอย่างสมบูรณ์ จ้านเซินก็หันตัวทันที “กลับเถอะ”
เขาก้าวขาคู่เรียวยาว กลับไปถึงห้องหนังสือ
ทุกอย่างล้วนแต่เป็นปกติขนาดนั้น ทำให้เหยาจ้าวไม่พบความน่าสงสัยใดๆ
เหยาจ้าวกับฉินซีต่างก็ไม่รู้
พอฉินซีจากไปได้ไม่นาน จ้านเซินก็หาตัวแทน แล้วออกจากองค์กรไปอย่างเงียบๆ
เวลานี้ เหยาจ้าวยังคงจดจ่ออยู่ภายในห้องทดลอง ทำผลงานของเขา รู้สึกอย่างเรียบง่ายว่าจ้านเซินไม่ได้รู้เรื่องอะไรเข้า