บทที่1456 พรหมลิขิต
หลูจื๋อหลินกระแอมในลำคอ พูดด้วยน้ำเสียงที่เขาคิดว่าตัวเองเซ็กซี่มาก
เสียงที่ดังขึ้นฉับพลัน ดูเหมือนจะทำให้ฉินซีตกใจ
ปลายนิ้วของเธอสั่นเล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้นกะทันหัน และเผชิญหน้ากับดวงตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาของหลูจื๋อหลิน
ไม่พูดไม่ได้ว่า ถึงแม้ หลูจื๋อหลินจะอายุห้าสิบแล้วก็ตาม ทว่าเขายังคงรักษารูปร่างอย่างดี หน้าตาของเขาดูเหมือนคนวัยสามสิบต้นๆ ไม่แปลกใจเลยที่จะมีสาวน้อยใหญ่มาหลงใหลในตัวเขา
ฉินซีกะพริบตา เผยให้เห็นท่าทางที่ไม่มีอันตรายใด “คุณคือ… …”
ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยความสงสัย ดวงตาที่สว่างไสวคู่นั้นดูราวกับจะพูดได้
เป็นเวลานานแล้วที่หลูจื๋อหลินไม่ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองที่เต้น เขาจัดการแขนเสื้อ “ดูเหมือนคุณผู้หญิงจะไม่ใช่คนเมืองไห่สินะครับ?”
เขาจงใจพูดอ้อมไปมา ไม่ได้บอกฉินซีไปตรงๆ
ฉินซีส่ายหัว “ไม่ใช่ค่ะ”
ความงุนงงเมื่อสักครู่หายไปแล้ว ก่อนเธอจะกลับมาใช้ท่าทางเย็นชาอีกครั้ง
หลูจื๋อหลินเดินเข้ามาหาเธอ “ถ้าอย่างนั้นผมขอนั่งตรงนี้ เพื่อพูดคุยกับคุณได้ไหมครับ?”
เขาแสร้งทำเป็นสุภาพบุรุษที่แสนสุภาพ แต่เขากลับไม่รู้ว่าภายในสายตาฉินซีแล้วมันดูเสแสร้ง
ฉินซีขมวดคิ้วราวกับไม่เต็มใจนัก
นี่เป็นครั้งแรกที่ หลูจื๋อหลินถูกขับไล่ เขามองลงไปยังชุดที่สวมใส่ของตัวเองวันนี้
ไม่มีปัญหานี่! หล่อเหมือนเดิม ทำไมฉินซีถึงไม่ชอบล่ะ?
ฉินซีมองเขาตรงๆ “คุณผู้ชายท่านนี้ พวกเราไม่ได้มีความสนิทสนมกันขนาดนั้น ฉันไม่ชอบร่วมโต๊ะทานอาหารกับคนแปลกหน้า”
เธอพูดอย่างตรงไปตรงมา และปฏิเสธคำขอของหลูจื๋อหลิน
ทันทีที่พูดจบ ใบหน้าของหลูจื๋อหลิน ก็แสดงความประหลาดใจ
เขาถูกปฏิเสธ?
นี่เขาถูกปฏิเสธจริงหรือ?
นี่เป็นสิ่งที่ หลูจื๋อหลินไม่เคยคิด
เมื่อก่อนมีแต่เหล่าผู้หญิงเข้ามาติดพันเขาสับสนปนเปกันยุ่ง ใครเล่าจะรู้ว่าฉินซีที่อยู่ที่นี่ เขาเริ่มก่อนอย่างนี้ คาดไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามจะไม่แยแส
น่าสนใจ
มุมปากของ หลูจื๋อหลินยกขึ้นเล็กน้อย ความปรารถนาที่ทำให้สิ้นฤทธิ์อยู่ในกมลสำนึกของผู้ชาย
หากสามารถทำให้ผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบและเย็นชาเช่นนี้เชื่องได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเอาเรื่องที่เกี่ยวกับศักดิ์ศรีออกไป
หลูจื๋อหลินครุ่นคิดอย่างฝันหวาน จินตนาการถึงสายตาที่มองมาอย่างอิจฉาของผู้คน
เขาพูดต่อไปอย่างไม่ลดละ “ใครๆก็เริ่มมาจากไม่รู้จักจนรู้จักนั้นแหละครับ คุณผู้หญิง ได้มาพบเจอกันที่นี่ ต้องเป็นพรหมลิขิตระหว่างเราสองแน่ มันจะดีกว่าถ้าจะให้โอกาสกันและกัน”
หลังจากพูดจบ หลูจื๋อหลินก็ไม่สนใจว่าเธอจะเต็มใจหรือไม่ นั่งลงไปตรงข้ามเธอ
เมื่อเห็นการกระทำที่ไม่มีเหตุผลของเขา ใบหน้าของฉินซีพลันครึ้มลง
การอบรมที่ดี ทำให้เธอไม่พูดจาทำร้ายใคร แค่ใช้สายตาตำหนิพฤติกรรมของเขาเท่านั้น
หลูจื๋อหลิน รู้สึกตลกเล็กน้อยภายในใจ แต่ภายนอกกลับแสดงเป็นไม่รู้เรื่องอะไร
เขาหยิบเมนูที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาดู “สเต็ก พาสต้าและฟัวกราส์ของที่นี่ไม่เลวเลยครับ ผมสั่งบ่อย สั่งมาให้คุณลองชิมดีกว่า”
หลูจื๋อหลินถาม แต่ฉินซีไม่ตอบอะไร
แต่เขากลับไม่รู้สึกเก้อเขิน และยังคงถามต่อ “สาวๆชอบทานสลัด สลัดของที่นี่ถึงจะไม่ค่อยอร่อยเป็นพิเศษ แต่ก็ถือว่าทานได้ สั่งมาสักจานก็ได้ครับ ถ้าหากคุณไม่ชอบละก็ ผมจะพาไปอีกร้านหนึ่ง รสชาติของร้านนั้นน่าจะถูกปากผู้หญิงมากกว่า”
หลูจื๋อหลินพอมองออกว่า ฉินซีอายุไม่มาก
เขาไม่อยากรู้ว่าทำไมฉินซีถึงร่ำรวยตั้งแต่อายุยังน้อย เขาเพียงแต่ลุ่มหลงอยู่กับความงดงามของฉินซี และอยากได้เธอ
ฉินซีมองสบไปยังเขา ก่อนพูด “ดูเหมือนคุณจะเข้าใจรสนิยมของผู้หญิงดีนะคะ ดูเหมือนว่าเมื่อก่อนคุณคงคบหาผู้หญิงมาไม่น้อย น่าเสียดายที่รสนิยมของฉันกับผู้หญิงพวกนั้นไม่เหมือนกัน ของที่คนส่วนใหญ่ชอบ ฉันไม่นิยมหรอกค่ะ”
เธอพูดอย่างเย็นชา คำพูดที่สื่อถึงมีความหมายเชิงลึก
สิ่งที่ฉินซีต้องการบอกก็คือ ไม่ต้องมาทำพะเน้าพะนอเอาใจต่อหน้าเธอ เธอดูออก
และความหมายที่ลึกกว่านั้นก็คือ ให้หลูจื๋อหลินเก็บอาการหน่อย
เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นที่นิยมมาก แต่ในสายตาของเธอที่มองมา เขาไม่ค่อยดีนัก
ทันทีที่พูดจบ พลันรอยยิ้มมุมปากของหลูจื๋อหลินกลับดูแข็งขึ้น
หลูจื๋อหลินไม่คิดเลยว่า ฉินซีที่ดูอายุยังน้อย คาดไม่ถึงว่าจะมีไหวพริบดีอย่างนี้
ทันใดนั้นเขาก็ยิ่งรู้สึกสนใจฉินซีขึ้นมามากกว่าเดิม
หลูจื๋อหลินโน้มตัวลงไปข้างหน้าเล็กน้อย ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ “คุณผู้หญิง คำถามเมื่อครู่ คือกำลังหึงหวงหรือเปล่า?”
รอยยิ้มขี้เล่นปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา ฉินซีอดไม่ได้ที่จะกลอกตาขึ้นภายในใจของเธอ
เธอรู้สึกว่าหลูจื๋อหลินเป็นคนคนหลงตัวเองจริงๆ
เขาไปได้ยินมาจากไหนหรือ ว่าเธอกำลังหึง
ฉินซีพิงพนักเก้าอี้ เขยิบเข้าไปใกล้หลูจื๋อหลิน “คุณคะ ฉันรู้สึกว่าสิ่งที่คุณมองตัวเองคือปัญหาใหญ่ คุณไม่ใช่สไตล์ที่ฉันชอบ”
เธอกระแทกกลับอย่างไร้ความปราณี
ฉินซีพอมองเห็นได้ว่า หลูจื๋อหลิน ต้องการที่จะเอาชนะเธอในตอนนี้
ถ้าตอนนี้เธอยอมง่ายๆหลูจื๋อหลินจะคิดว่าเธอได้มาง่ายๆ และหมดความสนใจในตัวเธอ
ดังนั้นแล้ว เธอต้องคงความรู้สึกแปลกใหม่นี้เอาไว้
“โอ้? ถ้าอย่างนั้นคุณชอบสไตล์ไหนครับ?”
หลูจื๋อหลินไม่ได้โกรธ เขากลับยังคงถามต่อ
ริมฝีปากสีแดงของฉินซีเปิดขึ้นเบาๆ ดวงตาสีเข้มเต็มไปด้วยความเย็นชา “ฉันชอบผู้ชายแบบไหนเหรอคะ ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ หรือคุณเปลี่ยนเป็นสไตล์ที่ฉันชอบได้?”
เธอสร้างกำแพงเหล็กขึ้นมาระหว่างตัวเธอเองกับหลูจื๋อหลิน
“ลองพูดมาสิครับ ไม่แน่อาจจะได้ แค่มีเงิน อะไรก็ทำได้ทุกอย่างไม่ใช่หรือ?”
หลูจื๋อหลินยิ้ม คล้ายกับไม่เปลี่ยนใจและยังมุ่งมั่นแต่กับเธอ
ฉินซีเม้มปาก คล้ายกับไม่ต้องการตอบกลับคำถามนี้
“คุณผู้หญิง คุณผู้ชาย สเต็กของพวกคุณพร้อมแล้วครับ”
เมื่อหลูจื๋อหลินต้องการพูดอีกครั้ง บริกรก็มาพร้อมกับสเต็ก
หลูจื๋อหลินที่ถูกขัดจังหวะ ทำได้เพียงเลือกที่จะหยุดชั่วคราวเท่านั้น
บริกรช่วยพวกเขาปูเสื่อโต๊ะ ก่อนวางจานสเต็กลง “ทานให้อร่อยนะครับ”
หลูจื๋อหลินรู้ ถ้าอยากเข้าหาผู้หญิงแบบฉินซี ไม่ต้องรีบร้อน ต้องไปเป็นลำดับขั้นตอน
เขาจึงทำท่าทางถามว่า “ต้องการให้ผมหั่นสเต็กให้ไหม?”
ฉินซีหยิบมีดและส้อมขึ้น พลางส่ายหน้า “ไม่ต้องค่ะ”
เธอหั่นสเต็กอย่างชำนาญ เคลื่อนไหวอย่างสง่าและดูชำนาญ แค่มองก็รู้ว่าไม่ได้กินน้อย
“ผมชื่อหลูจื๋อหลิน ทำงานบริษัทมหาชน นี่นามบัตรของผม ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงจะกรุณาบอกชื่อของคุณให้ผมทราบได้ไหมครับ”
ยิ่งหลูจื๋อหลิน มองเขาก็ยิ่งใจเต้น เขาหยิบนามบัตรสีดำทองออกมาจากกระเป๋า ก่อนยื่นให้ฉินซี
ด้วยความสุภาพ ฉินซีทำเพียงยื่นมือไปรับ
หลังจากดูแล้วเธอก็วางมันลงบนโต๊ะ “ฉันชื่อ ฉินซี เพิ่งกลับมาจากไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ ไม่มีนามบัตร คงแลกกับคุณไม่ได้”
หลังจากรู้ว่าฉินซีเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ หลูจื๋อหลินก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงไม่รู้จักตัวเอง
เขาโล่งใจ นัยน์ตามีรอยยิ้ม