บทที่ 1448 พาตัวไป
ฉินซีสั่งเฉียบขาด ใบหน้าสวยงามเต็มไปด้วยความเย็นชา
เธอพูดอย่างนี้หมายถึงต้องการให้จั่วยีจั่วเอ้อ พาตัวไป
ฉินซีแสดงออกเป็นปกติ ประกอบกับไม่มีคนที่ดูผิดปกติในสถานที่นั้น เขาจึงคลายความระแวดระวัง
จั่วยีจั่วเอ้อ พยักหน้ารับคำพร้อมกัน “ครับ”
สองคนกดแขนผู้จัดการ ก้าวเท้ายาวออกไปข้างนอก
สายตาฉินซีเหมือนเปลวเพลิงมองตามหลังสองคนนั้น หายไปจากฮอลล์จัดงานเลี้ยง ในใจก็ถอนใจยาว
เธอเดาออกแล้วผู้ชายที่ดูหน้าตาธรรมดาอีกคนหนึ่งก็คือโจวเอ้อ
ไม่รู้ว่าจั่วยีจั่วเอ้อ จะกลับมาเมื่อไหร่ เธอเอียงศีรษะมองลู่เซิ่น ขอบตาแดงอย่างห้ามไม่ได้
“ลู่…”
ฉินซีทำตามความคิดถึงที่เก็บไว้ไม่อยู่ เดินเข้าไปอยากจะกอดลู่เซิ่น
ลู่เซิ่นส่งสายตาให้เธอ ห้ามเธอไว้เสียก่อน
เขาแกล้งทำท่าทางนอบน้อมพูดต่อ “เลขานุการฉิน อย่างนั้นให้ผมพาคุณชมสถานที่ต่อละกัน”
ใบหน้าของลู่เซิ่นมีรอยยิ้มเอาใจ เหมือนรอไม่ไหวที่จะมาแทนที่ตำแหน่งของผู้จัดการ
“ดีค่ะ”
ฉินซีหายใจเข้าลึก ฝืนความตื่นเต้นในใจ พยักหน้า
ลู่เซิ่นนำเธอ เดินตรงไปข้างหน้า
ลู่เซิ่นพาเธอไปยังที่ตรวจแล้วช่วงเช้า ที่นั่นไม่มีกล้องวงจรปิด
เขาชะลอฝีเท้า มองฉินซีอย่างมีความหมายลึกซึ้ง
“ฉินซี”
เสียงต่ำทุ้มเซ็กซี่ของลู่เซิ่นเต็มไปด้วยความรักความคิดถึง
ดวงตาดำสนิทจ้องมองใบหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มของฉินซีไม่วางตา เวลานี้ ลู่เซิ่นรู้สึกระคนปนเปกันไปหลายอย่าง
เสียงที่คุ้นหูดังขึ้น ฉินซีดีใจจนน้ำตาเกือบไหล
“ลู่เซิ่น”
ฉินซีทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอโผเข้ากอดลู่เซิ่นแน่น
ใบหน้าขาวเนียนซบในอ้อมกอดของลู่เซิ่น ฉินซีรู้สึกถึงความอบอุ่นจากตัวเขา ขอบตาแดงก่ำ
ลู่เซิ่นได้ยินเสียงเธอสะอื้น ดวงตามีแววของความปวดใจ
เขายกมือเรียวยาวขึ้น ตบหลังฉินซีเบาๆ กระซิบกับเธอ “ผมอยู่ตรงนี้แล้ว”
คำพูดสั้นๆ เท่านั้น แต่เวลาพูดออกมาช่างยากเหลือเกิน
ถ้าเป็นไปได้ ลู่เซิ่นอยากจะอยู่เคียงข้างฉินซีตลอดไป อยู่กับเธอทุกวินาที
แต่ทว่า เขาทำไม่ได้
ฉินซีหลับตา ฝืนไม่ให้หยดน้ำตาไหล “ลู่เซิ่น หน้าของคุณเกิดอะไรขึ้นคะ”
นิ้วเรียวของเธอยกขึ้น สัมผัสแก้มของลู่เซิ่นเบามือ สายตาฉายแววสงสัย
ลู่เซิ่นไม่ห้ามเธอ สายตาลึกซึ้งอ่อนโยน
ฉินซีสัมผัสหน้ากากที่นิ่มๆ เย็นๆ
เธออึ้งไป ขมวดคิ้ว “ลู่เซิ่น คุณสวมอะไรที่หน้าคะ”
ฉินซีแน่ใจ ลู่เซิ่นจะต้องใช้วิธีการอะไรสักอย่างแน่ ถึงเปลี่ยนหน้าตาตัวเองไปได้มากขนาดนี้
เพียงแต่เธอไม่รู้ ลู่เซิ่นใช้วิธีไหนกันแน่
ฉินซีในหัวมีความคิดเรื่อง “หน้ากากหนังคน” แวบเข้ามา แต่ก็ปัดความคิดนี้อย่างรวดเร็ว
เธอรู้สึกว่ามันเหลือเชื่อเกินไป น่าจะเป็นแค่ตำนาน
“คุณลองทายดูสิ”
ลู่เซิ่นยิ้มบางๆ มองเธอ น้ำเสียงลึกลับ
ฉินซีส่ายหน้า “ไม่รู้ค่ะ”
เธอทายไม่ถูกจริงๆ แต่ความรู้สึกบอกเธอ น่าจะเป็นของทำนองหน้ากาก
แต่ ของนี้ทำได้อย่างไรกัน
ลู่เซิ่นเห็นเธอประหลาดใจ กระซิบที่ข้างหูเธอ “หน้ากากหนังคน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินซีเบิกตาโต
เธอนึกไม่ถึงจะเป็นหน้ากากหนังคนจริงๆ
“จริงหรือคะ”
ฉินซีอ้าปากค้างไม่อยากเชื่อ เธอจ้องมองใบหน้าของลู่เซิ่นไม่กะพริบ ในใจตื่นตะลึง
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นของแบบนี้จริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะมีอยู่จริง
“อึม”
ลู่เซิ่นพยักหน้า
ฉินซียอมรับความคิดนี้อย่างรวดเร็ว อดไม่ได้ที่จะอุทานความมหัศจรรย์ของหน้ากากหนังคน “เหมือนของจริงมากค่ะ”
เธอสังเกตอย่างละเอียด พบว่ามันเหมือนใบหน้าคนเปี๊ยบ
แม้จะเป็นคนที่สนิทสนมกันก็ไม่น่าจะสังเกตเห็น จ้านเซินยิ่งไม่มีทาง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉินซีรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที
หลังจากนั้น ฉินซีก็พูดอย่างซาบซึ้ง “ลู่เซิ่น ขอบคุณค่ะ”
เธอนึกไม่ถึงลู่เซิ่นจะทำถึงขนาดนี้เพื่อเธอ
ต้องรู้ว่า ลู่เซิ่นเป็นคนหยิ่งทระนงมากขนาดไหน
คนที่เคยยืนบนยอดเขาสูงสุดอย่างเขา กลับทุ่มเทมากมาย เพื่อเธอแล้ว กระทั่งยอมเปลี่ยนหน้าตาของตัวเอง
“เด็กโง่ ระหว่างเรามีอะไรต้องขอบคุณ”
ลู่เซิ่นมองน้ำตาเอ่อที่ดวงตาของเธอ กระซิบกับเธอ
เขาขยี้หัวฉินซีเบาๆ สายตาเปี่ยมด้วยความรักลึกซึ้ง “คืนพรุ่งนี้ผมจะเป็นพนักงานเสิร์ฟที่นี่ต่อ รอเวลานั้นเรายังมีโอกาสเจอกัน คุณอยู่ที่องค์กรต้องดูแลตัวเองดีๆ รอผม ผมต้องช่วยคุณออกมาให้ได้”
ตอนนี้แม้บาดแผลภายนอกของลู่เซิ่นจะดีขึ้นจนแทบหายสนิท แต่บาดแผลภายในยังไม่หายสนิท
เขาจึงต้องจำใจพับแผนบุกไปองค์กรช่วยฉินซีออกมาชั่วคราว
เมื่อนึกถึงฉินซีต้องไม่มีความสุข ลู่เซิ่นก็ปวดใจเหลือเกิน
แต่ฉินซีคิดว่าเพื่อลู่เซิ่นแล้ว ไม่ว่าอะไรก็คู่ควรทั้งนั้น
เธอพยักหน้าหนักแน่น “คุณวางใจเถอะค่ะ ฉันจะดูแลตัวเองให้ดี แผลคุณเป็นยังไงบ้างคะ ให้ฉันดูหน่อย”
ฉินซีพูดพลาง เลิกเสื้อของลู่เซิ่น
ต้องเห็นกับตาตัวเอง เธอถึงจะวางใจ
แต่ เวลานี้เอง ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น
“เลขานุการฉิน!”
ฉินซีได้ยินเสียงของจั่วยีก็ขมวดคิ้ว
เธอรีบผละจากอ้อมกอดของลู่เซิ่น รีบยกมือปาดน้ำตา แกล้งทำตัวปกติเดินออกไป
“ฉันอยู่นี่”
ฉินซีขานรับอย่างเป็นธรรมชาติ ดูไม่ออกสักนิดว่าร้อนตัว
จั่วยีออกไปไม่ได้เท่าไร ก็รู้สึกไม่วางใจที่ฉินซีอยู่คนเดียว
เช่นนั้น เขาจึงให้ จั่วเอ้อรอข้างนอก ตัวเองเข้ามาข้างใน
จั่วยีเข้ามาแล้ว ไม่เห็นฉินซี ในใจร้อนรน รีบเรียกชื่อเธอ
เมื่อได้ยินเสียงฉินซีตอบรับ จั่วยีค่อยโล่งใจ
จั่วยีอ้าปาก อยากจะถามฉินซีไปไหนมา แต่ฉินซีชิงพูดก่อน “ฉันกับพนักงานตรวจดูสถานที่เสร็จแล้ว พวกเรากลับไปรายงานประธานหลูกันเถอะ”
เธอพูดพลาง เดินหน้าตรงไม่หันมามอง
ฉินซีไม่กล้ามองหน้าลู่เซิ่น กลัวว่าจะมีพิรุธ
เธอเดินตรงไป ไม่รู้ว่าลู่เซิ่นมองตามหลังของเธอ ในใจของเขาอาลัยอาวรณ์เพียงไหน
จั่วยีได้ยินเธอสั่งเช่นนี้ ก็พยักหน้ารับทราบ “ครับ”
ในเมื่อฉินซีจะสำรวจสถานที่เสร็จแล้ว เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อไปแล้ว
จั่วยีเดินตามหลังฉินซี ออกจากฮอลล์จัดเลี้ยง
ตลอดเหตุการณ์ พวกเขาไม่เห็นความผิดปกติของลู่เซิ่นกับโจวเอ้อสักนิด