บทที่1437 ลักลอบ
หลังฟังคำพูดของโจวเอ้อจบ ในใจของโจวซิงก็คิดอะไรได้ไม่น้อย
“เวลาเร่งรัด นายรีบไปทำธุระเถอะ ทางฝั่งลู่เซิ่นฉันดูแลเอง นายวางใจเถอะ”
เห็นโจวซิงใจเย็นลงแล้ว โจวเอ้อก็ถอนหายใจยาวในใจ
“โอเค”
โจวเอ้อหันตัวออกจากโรงพยาบาลไป
เขาหาผู้ชายที่หน้าตาคล้ายคลึงและรูปร่างใกล้เคียงกันกับลู่เซิ่น จากในบรรดาลูกน้องของเขาอย่างเงียบๆ
อาศัยความเงียบในตอนกลางคืน พาเขาเข้ามาในโรงพยาบาล
ในช่วงที่ผ่านมา ลู่เซิ่นอยู่อย่างเงียบๆมาตลอด ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
มันทำให้ถังย่าผ่อนคลายความระแวดระวังต่อลู่เซิ่นไปไม่น้อย
จ้านเซินเองก็ไม่ได้บอกเธอเรื่องที่ให้ฉินซีออกไปทำภารกิจ ดังนั้นถังย่าจึงไม่ได้ระมัดระวังลู่เซิ่นมากขึ้น
ถ้าถังย่ารู้ว่าฉินซีจะออกมาล่ะก็ จะต้องไม่หลับไม่นอนแน่ คอยอยู่ข้างโรงพยาบาล จ้องมองลู่เซิ่น
ดังนั้น ครั้งนี้โจวเอ้อจึงพาคนเข้ามาได้อย่างง่ายดาย
แม้จะรู้ว่าตอนนี้ถังย่าไม่อยู่ที่โรงพยาบาล แต่โจวเอ้อก็ระมัดระวังอย่างมาก
เขามองไปรอบด้าน หลังตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่ ก็พูดกระตุ้น “นายเข้าไปก่อน”
ตัวแทนคนนั้นผลักประตูเปิด เดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย
ลู่เซิ่นได้ยินเสียงเคลื่อนไหวอยู่นานแล้ว
เขาเงยหน้าขึ้น เห็นตัวแทนเดินเข้ามา
“ถอดเสื้อผ้าออก”
ลู่เซิ่นพูดขึ้นทันที
เขาพูดไป พลางถอดเสื้อผ้าผู้ป่วยบนตัวออก
ตอนนี้เวลาเร่งรัด ลู่เซิ่นจำเป็นต้องออกไปภายในเวลาที่สั้นที่สุด
“ครับ”
ตัวแทนพยักหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้าบนตัว สวมชุดผู้ป่วยของลู่เซิ่น
แล้วลู่เซิ่นก็แต่งตัวเป็นหมอ
การเคลื่อนไหวของทั้งสองรวดเร็วมาก แค่ห้านาทีสั้นๆก็เสร็จสิ้นทั้งหมดแล้ว
ลู่เซิ่นไม่ได้ออกไปโดยประมาท แต่มองไปที่โจวเอ้อที่เข้ามาทีหลัง “ตอนนอกข้างนอกสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”
มีบทเรียนจากครั้งก่อน ตอนนี้เขาระมัดระวังมากขึ้น
“ทุกอย่างจัดเตรียมเรียบร้อยหมดแล้ว นายออกไปได้เลย ไปที่ห้องทำงานของโจวซิง เขาจะไปสมทบนายที่นั่น”
โจวเอ้อพูดเสียงเบา ใบหน้าจริงจัง
ในเวลานี้ ไม่มีใครกล้าผ่อนคลาย
“อืม”
ลู่เซิ่นพยักหน้า ก้มหน้าเดินออกไป
เขาจงใจเลี่ยงกล้องวงจรปิด เดินไปทางห้องทำงานของโจวซิงโดยไม่พูดอะไร
มองจากด้านหลัง รูปร่างของลู่เซิ่นกับโจวซิงคล้ายกันมาก
การเคลื่อนไหวของลู่เซิ่นเร็วมาก ผลักประตูของโจวซิงเดินเข้าไปทันที
การแสดงออกของเขาไม่แยแส เวลานี้เป็นกลางดึกพอดี ตรงทางเดินไม่ได้มีคนเดินผ่านไปมามากนัก ทำให้การกระทำของลู่เซิ่นสะดวกยิ่งขึ้น
“นายมาแล้ว”
ในตอนที่ลู่เซิ่นผลักประตูเข้ามา โจวซิงก็รออยู่นานแล้ว
ตรงหน้าของโจวซิงมีกล่องกำจัดขยะทางการแพทย์สีน้ำเงินขนาดใหญ่อยู่ เขาโบกมือให้ลู่เซิ่น “รีบเข้าไปเถอะ ฉันเตรียมการไว้หมดแล้ว”
ตอนนั้นพวกเขาคิดไว้แล้ว ว่าจะส่งลู่เซิ่นออกไปยังไง
ถ้าให้ลู่เซิ่นแต่งเป็นโจวซิง ก็กลัวว่ากล้องวงจรปิดจะบังเอิญถ่ายหน้าของลู่เซิ่นไว้ได้
หรือว่าไปเจอคนอื่นเข้า ถูกจับได้
ระยะทางจากห้องผู้ป่วยมาถึงห้องทำงานนั้นสั้นมาก ดังนั้นพวกเขาจึงกล้าทำแบบนี้ สถานที่ที่ไกลกว่านี้ทำไม่ได้
สมองของโจวซิงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว คิดได้ว่าจะซ่อนลู่เซิ่นไว้ แล้วแอบส่งเขาออกไป
โรงพยาบาลในเวลาตอนเย็นของทุกวัน จะมีพยาบาลออกไปทิ้งขยะทางการแพทย์
โจวซิงคุ้นเคยกับเรื่องเหล่านี้ของโรงพยาบาลเป็นอย่างดี เขารู้สึกว่านี่เป็นโอกาส
“อืม”
ลู่เซิ่นมองไปที่ถังขยะทางการแพทย์ตรงหน้าก็ขมวดคิ้ว
ปกติเขาเป็นคนอนามัย ไม่มีทางสร้างความอัปยศให้ตนเองแบบนี้เด็ดขาด
แต่ว่าครั้งนี้เพื่อจะได้ออกไปเจอฉินซี เขาไม่พูดอะไรเลย มุดเข้าไปทันที
ถังขยะทางการแพทย์เล็กมาก ขายาวของลู่เซิ่นไม่สามารถวางได้ ได้แต่ขดตัว
ผลักออกไปโดยตรงแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด
โจวซิงครุ่นคิด เห็นด้านข้างมีกล่องกระดาษใบหนึ่ง
เขาวางไว้บนหัวของลู่เซิ่น “นายถือไอนี้ไว้ ฉันจะวางของเสียไว้ข้างบนชั้นนึง ปกปิดมัน”
ลู่เซิ่นทำตามที่โจวซิงบอก มือทั้งคู่ถือกล่องกระดาษไว้
กล่องกระดาษใหญ่มาก สามารถคลุมลู่เซิ่นได้พอดี
หลีกเลี่ยงไม่ให้ของเสียทางการแพทย์นั้นโดนตัวของลู่เซิ่น มันทำให้เขารู้สึกดีขึ้นไม่น้อย
เพื่อสร้างความรู้สึกที่เป็นจริง โจวซิงเทสิ่งของมั่วซั่วลงไปโครมคราม
มองไปที่ถังขยะที่เละเทะ ใบหน้าของโจวซิงก็เผยรอยยิ้มที่พอใจ “โอเคแล้ว”
โจวซิงปัดมือ เอาฝาสีน้ำเงินมาปิด
เข็มสองสามเล่มยังโผล่ออกมาตามช่องว่าง ลู่เซิ่นซ่อนอยู่ในนั้นอย่างสมบูรณ์แบบ ตราบใดที่ไม่มีใครหยุดเขา งั้นก็ไม่มีใครพบเจอได้
มองไปที่ผลงานชิ้นเอกของตน ในใจโจวซิงก็รู้สึกมีชัย
เขารู้สึกว่าตนเองฉลาดเกินไปแล้ว แม้แต่วิธีแบบนี้ยังคิดออกมาได้
หลังทำทั้งหมดเสร็จแล้ว โจวซิงก็เอ่ยปาก “ลู่เซิ่น นายทนหน่อยนะ ตอนนี้ฉันจะออกไปแล้ว จำไว้ว่าไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็อย่าส่งเสียงเด็ดขาด แล้วก็อย่าออกมาเด็ดขาด”
โจวซิงกำชับด้วยสีหน้าจริงจัง
“ฉันรู้”
ลู่เซิ่นรู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้อยู่แล้ว
เสียงเนือยๆของลู่เซิ่นดังออกมาจากในถังขยะ ดีที่ยังมีช่องว่าง ไม่งั้นก็ขาดอากาศหายใจตาย
โจวซิงไม่กล้าทำเวลาล่าช้า ผลักลู่เซิ่นเดินไปทางด้านนอก
เพราะว่าข้างในมีคนเพิ่มมา ถังขยะจึงหนักมากผิดปกติ
โจวซิงออกแรงผลัก โชคดีที่ถังขยะมีล้อ ไม่อย่างนั้น เขาต้องเหนื่อยตายแน่
กลางคืนที่เงียบงัน ทางเดินว่างเปล่าไร้คน โจวซิงเดินไปข้างหน้าไม่หยุด
เขาเดินอย่างไม่จริงจังรวดเดียวไปถึงที่ทิ้งของเสีย
ที่นี่เป็นที่เดียวในโรงพยาบาลที่ไม่มีกล้องวงจรปิด
โจวซิงสังเกตดูรอบด้าน หลังจากตรวจสอบแน่ชัดแล้วว่าไม่มีคน ก็พูดเสียงเบา “โอเค นายออกมาได้แล้ว”
ขณะที่เขาพูด ยังไม่ลืมที่จะสังเกตบรรยากาศรอบข้าง เลี่ยงไม่ให้มีคนมา
หลังลู่เซิ่นได้ยินคำพูดของเขา ก็ปีนออกมาจากถังขยะอย่างระมัดระวัง
การเคลื่อนไหวของเขาเบามาก เลี่ยงไม่ให้เกิดการเคลื่อนไหวเสียงดัง ถูกคนอื่นได้ยิน
ลู่เซิ่นในตอนนี้ ชุดดำทั้งตัว กลมกลืนไปกับค่ำคืน
บังเอิญคืนนี้เมฆปกคลุมท้องฟ้า ถ้าไม่มีใครถือไฟฉายมา ดูอย่างละเอียดล่ะก็ ไม่มีทางพบเห็นร่องรอยของลู่เซิ่นได้
“โจวซิง นายกลับไปก่อนเถอะ ฉันหาวิธีออกไปเองก็พอ”
ลู่เซิ่นยืนอยู่ด้านหนึ่ง เอ่ยปากด้วยเสียงแหบแห้ง
คนสองคนเป็นเป้าหมายใหญ่เกินไป กลับจะทำให้ยิ่งไม่ปลอดภัย
แต่ปล่อยให้ลู่เซิ่นอยู่เพียงลำพังที่นี่ โจวซิงยังคงมีความกังวล “ฉันอยู่ช่วยนายดีกว่า”
โจวซิงเอ่ยปากอย่างห่วงใย แต่กลับถูกลู่เซิ่นปฏิเสธ
“ไม่ต้อง นายรีบกลับไปเถอะ อย่าให้คนรู้ว่านายหายไป ถ้าจู่ๆออกมาตามหานายมันจะลำบาก”
ลู่เซิ่นส่ายหัว น้ำเสียงหนักแน่น
โรงพยาบาลในตอนกลางคืนแม้ว่าจะไม่ได้วุ่นวายเหมือนตอนกลางวัน แต่ก็ยังมีผู้ป่วยฉุกเฉินที่ส่งตัวมากะทันหัน โจวซิงในฐานะแพทย์เข้าเวรจำเป็นต้องอยู่ประจำที่
โจวซิงได้ยินเขาพูดแบบนี้ ก็พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “งั้นก็ได้”