บทที่1428 การลงโทษ
เหยาจ้าวเบิกตากว้างตาความกลัว ส่ายหัวอย่างบ้าคลั่ง “ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้จริงๆว่าคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาแล้ว ฉินซีเธอต้องเชื่อฉันนะ ฉันจะไปหลอกเธอตั้งสองครั้งได้ยังไง!”
ในใจเขารู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างมาก เหยาจ้าวเงยหน้ามองไปที่จ้านเซิน “บอส คุณอย่าใส่ร้ายผม ทำไมผมถึงไม่เคยได้ยินเลยว่าผลิตภัณฑ์ใหม่คิดค้นออกมาแล้ว”
เขารู้สึกว่า นี่เป็นเพียงวิธีการเอาคืนตนของจ้านเซินเท่านั้น
คิดจะยืมมือของฉินซี มาลงโทษเขา
“หุบปาก!”
เหยาจ้าวพูดพล่าม โวยวายจนฉินซีปวดหัว
ฉินซีขมวดคิ้ว กระโกนเสียงดัง
แววตาของเธอเฉียบคมมาก ทำเอาเหยาจ้าวปิดปากทันที
เมื่อกี้เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงกลิ่นอายฆ่าฟันจากแววตาของฉินซี น่ากลัวเกินไปแล้ว
“คือ ฉัน…..”
เหยาจ้าวยังอยากพูดต่อ แต่ก็กลัวถูกฉินซีกับจ้านเซินร่วมมือกันจัดการ
จ้านเซินมองดูฉากนี้ มุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อย
ดวงตาสีเข้มมีแสงแวบผ่าน ในเมื่อเหยาจ้าวใช้ชื่อเขาไปสร้างเรื่อง ไม่บอกเขาก่อน งั้นเขาก็ต้องคิดดอกเบี้ยเสียหน่อย
ไม่อย่างนั้น ถ้าหากครั้งต่อไปเหยาจ้าวเอาชื่อเขาไปทำเรื่องอะไรไม่ดี ถึงตอนนั้นคนอื่นจะมาตำหนิเขา
เห็นเหยาจ้าวถูกฉินซีรังแกพอสมควรแล้ว จ้านเซินถึงค่อยๆพูดขึ้น “พอแล้ว”
เขายื่นมือ ไปจับข้อมือของฉินซี
จ้านเซินพูดไป พลางดึงข้อมือฉินซีออกจากคอของเหยาจ้าว “เรื่องยาน้ำชนิดใหม่นั้นไม่จริง แต่ฉันไม่ได้ให้เหยาจ้าวเอาไปให้เธอดื่มแน่นอน”
เขาใช้เสียงสงบนิ่งช่วยพูดเรื่องดีๆให้เหยาจ้าว “แต่สาเหตุที่หมอเหยาทำแบบนั้น ก็เพราะอยากให้ร่างกายของเธอแข็งแรง แม้จะไม่ถูกต้อง แต่ก็เป็นความหวังดี เรื่องในครั้งนี้ช่างมันไปเถอะ เอาตามที่เขาพูด ให้เขาคิดค้นยาเสริมสมรรถภาพรสหวานแบบใหม่ภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์ ถือเป็นการชดใช้ให้เธอ และเพื่อลงโทษเขาด้วย”
ถัดจากนี้แน่นอนว่าฉินซีต้องฝึกต่อไป แล้วฤดูร้อนพึ่งเริ่มต้น
ตั้งแต่ตอนนี้เธอก็เริ่มกินข้าวไม่ลงแล้ว จำเป็นต้องพึ่งยาเสริมกำลังมาส่งเสริมสมรรถนะที่ร่างกายต้องการ คิดจะผ่านช่วงหน้าร้อนนี้มันยังเร็วไป
หลังจานี้ฉินซีเองก็ไม่อยากดื่มยาน้ำขมๆไปตลอด ดังนั้นจึงพยักหน้า ปล่อยมือของเหยาจ้าว “ครั้งนี้เป็นเพราะจ้านเซินช่วยนายไว้ ถ้าครั้งหน้านายยังกล้าหลอกฉันอีก ฉันจะโกนหน้านายให้เกลี้ยง!”
เธอขยับมีดในมือข่มขู่อย่างเยือกเย็น แววตาฉายความขี้เล่น
เหยาจ้าวมองท่าทางของฉินซี รู้สึกอย่างอธิบายไม่ได้ว่าเหมือนเธอจะเคลื่อนไหว แทบรอไม่ไหวที่จะช่วยเขา “ทำศัลยกรรม” ให้ใหม่
แม้ว่าเหยาจ้าวเป็นผู้ชาย แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่สนใจใบหน้า
กลับกัน เหยาจ้าวพิถีพิถันและทะนุถนอมยิ่งกว่าผู้หญิงทั่วไปเสียอีก
มือเรียวยาวคู่นั้น บอบบางและเนียนยิ่งกว่าผู้หญิง
แต่มือของฉินซี เนื่องจากการฝึกฝน ต้องทำภารกิจที่ยากลำบากหลายอย่าง บนมือมีแต่รอยปูด แข็งด้าน สีเหลือง น่าเกลียด
“ครับครับครับ!”
ตอนนี้ชีวิตน้อยๆของเหยาจ้าวอยู่ในกำมือฉินซีแล้ว จะกล้าโต้แย้งได้ยังไง
เขาพยักหน้าอย่างว่าง่าย ใบหน้าเผยรอยยิ้มประจบประแจง
จ้านเซินมองท่าทางหมาน้อยของเขา แววตาก็เผยรอยยิ้ม “หมอเหยา ครั้งหน้าก่อนที่จะเอาชื่อฉันไปใช้ทำอะไร จำไว้ว่าต้องบอกฉันก่อน ไม่งั้นถูกเปิดโปงอย่างวันนี้ คนที่ต้องเป็นทุกข์ก็คือนาย”
เขาพูดอย่างเย็นชา ในน้ำเสียงมีความข่มขู่
แม้ว่าจ้านเซินจะไม่ได้ลงโทษเหยาจ้าว และไม่ได้สั่งสอนเขา
แต่เหยาจ้าวกลับฟังออกถึงความไม่พอใจของจ้านเซิน จ้านเซินจะต้องรู้สึกว่าเขาละเมิดกฎแน่ๆ
เหยาจ้าวเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า ยืนตัวตรง ก้มหัวลงอย่างเคารพ “ครับ ผมจะจำไว้ ครั้งหน้าไม่มีอีกแล้ว”
สถานการณ์ค่อยๆสงบลง
ฉินซีที่ฝึกฝนมาตลอดช่วงเช้า ท้องก็ร้อง “จ๊อกจ๊อก” ขึ้นมา
ฉินซีลูบท้องน้อยๆที่หิวโหย พูดอย่างเร่งรัด “เอาล่ะ เอาล่ะ คุยกันจบหรือยัง คุยจบแล้วไปกินข้าวก่อนได้ไหม ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว”
ใบหน้าของเธอเผยความไม่อดทนออกมา
มันทำให้เหยาจ้าวและจ้านเซินรู้สึกพูดไม่ออกพร้อมกัน
เรื่องนี้ เห็นชัดๆว่าฉินซีเริ่มก่อน เป็นเธอที่เอาแต่จับไม่ปล่อย ตอนนี้มาปัดความรับผิดชอบให้คนอื่น นี่เป็นเคล็ดลับที่กลับกลอกและไร้ประโยชน์จริงๆ
เหยาจ้าวยกนิ้วให้ฉินซีในใจ ในองค์กรก็มีแค่ฉินซีที่กล้าพูดแบบนี้กับจ้านเซิน จ้านเซินก็ไม่โกรธ
“คุยจบแล้ว”
เหยาจ้าวพูดพึมพำ ไม่กล้าโต้แย้งฉินซี
ใครปล่อยให้ฉินซีได้รับการสนับสนุนจากจ้านเซิน เขาจำเป็นต้องปล่อยเธอไป
ฉินซีเหลือบมองเขา “งั้นไปกินข้าวเถอะ”
เธอกำลังจะเดินไป เห็นจ้านเซินยังยืนอยู่ที่เดิม จึงเอ่ยปากถาม “จ้านเซิน นายไม่เข้ามากินด้วยกันหน่อยหรอ? นายกินหรือยัง?”
ฉินซีทักจ้านเซิน ทำให้จ้านเซินแปลกใจเล็กน้อย
จ้านเซินนึกว่าเธอไม่อยากคบค้ากับตน จึงไม่ได้เดินตามไป
แต่ตอนนี้ฉินซีพูดแบบนี้แล้ว เขาก็ไม่มีอะไรต้องกังวล
“ยังไม่ได้กิน”
อันที่จริงเมื่อกี้จ้านเซินกินไปแล้ว แต่ในตอนที่ฉินซีเอ่ยถามเขา ก็ยังโกหกไปโดยไม่กระพริบตา
ฉินซีได้ยินเขาพูดแบบนี้ เลยกวักมือ “งั้นยังไม่รีบเข้ามากินข้าวด้วยกันอีก ฉันหิวแล้วจริงๆ พวกนายสองคนเลิกอ้อยอิ่งซักทีได้ไหม?”
เธอพูดจบ ก็เดินเข้าไปเลย
เหยาจ้าวมองไปที่จ้านเซินอย่างระแวดระวัง “บอส เชิญคุณก่อน”
ทุกครั้งที่เหยาจ้าวทำเรื่องผิดพลาดมักจะเรียกเขาว่าบอส ปกติจะเรียกจ้านเซิน
จ้านเซินเหล่มองเขาเบาๆ ไม่ได้พูดอะไร
เขาเดินตามฉินซีไปโดยไม่พูดอะไร ก้าวขาใหญ่มาก ไม่นานก็มายืนข้างตัวฉินซี
ฉินซีสั่งซุปซี่โครงข้าวโพดที่ตนเองเองชอบอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เธอกินอย่างอื่นไม่ลง ได้แต่ดื่มซุปที่มีโภชนาการมาทดแทน
จ้านเซินเมื่อกี้กินไปแล้ว ตอนนี้ไม่หิวเลยซักนิด
เขายืนอยู่ตรงหน้าต่าง พนักงานเห็นการกลับมาของจ้านเซิน ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย “บอส คุณกินข้าวไปแล้วไม่ใช่หรอ? ทำไมถึง….”
เขาเอ่ยปากพูด แต่ถูกจ้านเซินถลึงตาใส่
จ้านเซินมองไปที่ฉินซีอย่างมีความผิด พบว่าเธอกำลังหาที่นั่ง ไม่ได้สนใจเรื่องของตนตรงนี้
“ทำซุกซี่โครงให้ฉันอีกชาม ไม่ต้องเยอะมาก”
จ้านเซินเพียงแค่อยากนั่งอยู่กับฉินซีซักพัก ไม่ได้อยากกินข้าว
“ครับผม”
พนักงานโรงอาหารแม้จะไม่รู้ว่าจ้านเซินกำลังทำอะไรอยู่ แต่เมื่อเผชิญกับคำสั่งของเขาก็ยังพยักหน้า
เขาเสิร์ฟซุปซี่โครงให้จ้านเซินอย่างว่องไว ยังนึกว่าเมื่อกี้จ้านเซินกินไม่อิ่ม
ครั้งนี้ พนักงานตักให้จ้านเซินเต็มที่ ลืมไปโดยสิ้นเชิงเรื่องที่เมื่อกี้จ้านเซินบอกว่าเอาน้อยๆ