บทที่1424 การฝึกศักยภาพร่างกาย
ระยะห่างของทั้งสองใกล้มาก ฉินซีมองใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ในจากอยากที่จะถอยโดยไม่รู้ตัว แต่ก็ยังอดทนไว้
ภายใต้ท่าทีที่แข็งกร้าวของจ้านเซิน ฉินซีค่อยๆลดแขนที่ชูขึ้นสูงเหนือศีรษะลง
เห็นฉินซีใจเย็นลง จ้านเซินก็คลายมือออก
จ้านเซินเดินถอยไปครึ่งก้าว รักษาระยะห่างกับฉินซี “สมรรถภาพร่างกายของเธอตอนนี้ ไม่สามารถออกไปทำภารกิจได้ ให้ร่างกายตัวเองฟื้นฟูกลับสู่สภาพเดิมก่อนค่อยว่ากัน”
เขาพูดด้วยใบหน้าจริงจัง น้ำเสียงแข็งกร้าว
แม้ว่าจ้านเซินจะเป็นหัวหน้าขององค์กร ดูเย็นชาไร้อารมณ์
แต่เขาก็ไม่เคยบ้าบิ่นส่งลูกน้องไปตาย
แม้ว่าแต่ก่อนฉินซีจะสุดยอดมาก แต่ตอนนี้ไม่ได้ฝึกฝนมาปีนึงแล้ว การทำงานของร่างกายอาจเสื่อมโทรมไปนานแล้ว
เธอในตอนนี้ออกไป ก็เหมือนไปหาที่ตาย
แม้ว่าจะขอออกไปไม่สำเร็จ แต่ได้ฝึกฝนใหม่อีกครั้ง ฉินซีก็ยังดีใจ
เธอพยักหน้า ปากแดงโค้งขึ้นเล็กน้อย เผยรอยยิ้มแห่งความยินดี “โอเค ฉันจะรีบฟื้นฟู กลับไปเป็นแนวหน้าเพื่อรับใช้คุณกับองค์กร”
ฉินซีในตอนนี้ ราวกับกลับไปสู่ช่วงเวลาที่ไร้เดียงสาในตอนนั้น
จ้านเซินยังจำได้ มีครั้งหนึ่งฉินซีบาดเจ็บหนัก ก็พูดกับตนแบบนี้เหมือนกัน
พริบตาเดียว เวลาก็ผ่านมาหลายปีแล้ว
“ไม่รีบร้อน”
จ้านเซินรู้ว่าเรื่องแบบนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป เร่งไม่ได้ “ฉันจะให้เหยาจ้าวจัดการฝึกฝนที่เป็นระบบที่สุดให้เธอ แล้วให้คนในห้องวิจัยกำหนดแผนที่เป็นระบบให้เธอ รวมถึงอาการการกินของเธอ ให้เธอฟื้นตัวได้โดยเร็วในเวลาที่สั้นที่สุด”
เขากังวลว่าฉินซีจะฝึกฝนเต็มที่อย่างสุดชีวิต เพื่อจะกลับไปมีสภาพเหมือนแต่ก่อน
เมื่อก่อนฉินซีก็เคยทำแบบนี้มาก่อน ทำให้ตัวเองเหนื่อยจนแทบเป็นลม
“ขอบคุณนะ จ้านเซิน”
ฉินซีได้ยินเขาพูดแบบนี้ รอยยิ้มแห่งความสุขก็เผยขึ้นในดวงตาสีอำพัน “นายวางใจเถอะ ครั้งนี้ฉันจะไม่ทำให้นายผิดหวังเด็ดขาด”
ทำหน้าที่ในองค์กรให้สำเร็จลุล่วง นั่นหมายถึงการตอบแทนน้ำใจของจ้านเซิน
ฉินซีหวังว่าก่อนจะออกจากองค์กร จะช่วยจ้านเซินได้บ้าง
แบบนี้ในอนาคตเมื่อเธอคิดย้อนกลับมา ก็จะไม่รู้สึกผิด
“เธอเข้าใจก็ดีแล้ว ลู่เซิ่นไม่เหมาะสมกับเธอ”
แววตาของจ้านเซินเผยลมหายใจที่ทอดยาว เขาเอ่ยปากพูดออกมาตรงๆ
นี่เป็นครั้งแรก ที่เขาพูดชื่อของลู่เซิ่นต่อหน้าฉินซี หลังจากผ่านมาเนิ่นนาน
“ลู่เซิ่นเป็นแค่คนขี้ขลาด แม้แต่กำลังที่จะปกป้องเธอยังไม่มี”
จ้านเซินพูดต่อทันที แววตาของเขาฉายความดูถูก
ได้ยินเขาวิจารณ์ลู่เซิ่นแบบนี้ ในใจของฉินซีก็โมโหขึ้นมา
เธอสูดหายใจลึก หลับตาลง บังคับให้ตัวเองใจเย็นลง
ฉินซีรู้สึกว่า คำพูดเหล่านี้ของจ้านเซินนั้นจงใจพูดให้เธอฟัง อยากที่จะกระตุ้นเธอ ให้เธอเผยพิรุธออกมา
เคล็ดลับนี้คงใช้ได้กับฉินซีที่พึ่งถูกจับกลับมาที่องค์กร แต่สำหรับเธอในตอนนี้ ไม่มีมีผลอะไรแล้ว
ฉินซีเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่ให้จ้านเซินพบความน่าสงสัยใดๆ
เธอพูดพลางยิ้มน้อยๆ “เอาเถอะ ไม่ต้องพูดถึงเขาแล้ว หลังจากนี้ฉันไม่อยากได้ยินชื่อเขาอีกแล้ว”
รอยยิ้มของฉินซีเปล่งลมหายใจเย็นออกมา
ราวกับว่าเธอเจ็บปวดกับลู่เซิ่นมาก กระทั่งชื่อของเขายังรังเกียจที่จะพูดถึง
จ้านเซินสังเกตการแสดงออกของเธอ ริมฝีปากบางขยับ “โอเค”
ในเมื่อครั้งนี้ฉินซีกระตือรือร้นที่จะเริ่มแสดงออกเอง งั้นเขาก็จะรอดูว่าเธอจะก่อเรื่องอะไร
การปฏิบัติการของจ้านเซินรวดเร็วมาก
เพียงแค่ช่วงบ่ายสั้นๆ แผนการฝึกฝนก็ออกมาแล้ว
ถัดมาไม่กี่วัน ฉินซีก็ปฏิบัติตามเนื้อหาบนตารางแผนการอย่างจริงจัง
ภายในห้องฝึก ฉินซีเหงื่อท่วมเต็มหลัง
เธอทำการเคลื่อนไหวซ้ำๆไม่หยุด ใบหน้าแดงก่ำ หน้าอกกระเพื่อมอย่างแรง
ภายนอกห้องฝึก
จ้านเซินดูกล้องวงจรปิด มองดูการโจมตีที่ไม่หยุดหย่อนของฉินซี แสงที่มีความนัยแวบผ่านในแววตา
เขาเห็นฉินซีล้มครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นก็ลุกขึ้นมา
เนื้อตัวของเธอเขียวม่วงแล้ว แต่ก็ไม่ยอมหยุดตั้งแต่ต้นจนจบ
เหยาจ้าวยืนอยู่ข้างจ้านเซิน มองฉินซีที่ทรมานตัวเองอยู่ในห้องฝึก ก็ขมวดคิ้ว
ไม่มีคำสั่งของจ้านเซิน เหยาจ้าวก็ไม่กล้าไปรบกวนฉินซี ถึงอย่างไรฉินซีก็กำลังทำตามเนื้อหาบนตารางแผนการอย่างเคร่งครัด
จ้านเซินมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ พูดขึ้นเบาๆ “หมอเหยา นายเข้าไปเรียกฉินซีมาพักสักครู่”
เขาควบคุมเวลาอย่างเคร่งครัด
“ครับ”
ที่เหยาจ้าวรออยู่ก็คือคำนี้ หลังจากรับคำสั่งจากจ้านเซิน เขาก็รีบเดินเข้าไปในห้องฝึก
“ฉินซี จ้านเซินให้เธอพักผ่อนครู่นึง”
ฉินซีดูเหมือนไม่ได้ยินเสียงของเขา เตะขาต่อไป
เธอพูดอย่างหอบๆ “ฉันไม่เป็นไร ฉันยังไปต่อได้ นายออกไปก่อนเถอะ”
ฉินซีทำเหมือนนี่เป็นการหนีออกไป การตัดสินใจของเธอมีมากแค่ไหน ความอดทนก็แข็งแกร่งมากเท่านั้น
ผ่านการฝึกฝนมามากมาย สำหรับฉินซีแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรเลย กลับจะทำให้ร่างกายของเธอแย่ลง
เหยาจ้าวยืนขวางหน้าเธอ พูดด้วยท่าทีแข็งกร้าว “ฉินซี เธอออกไปก่อนเถอะ จ้านเซินรอเธออยู่ข้างนอกนะ”
การเคลื่อนไหวเตะขาของฉินซี หยุดอยู่กลางอากาศ
เธอชะงักเล็กน้อย ค่อยๆเงยหน้า มองไปที่อีกฝั่งของกล้องวงจรปิด
ฉินซีสบตากับจ้านเซินผ่านกล้องวีดีโอ
เธอเม้มปาก วางขาลง “ฉันรู้แล้ว ไปกันเถอะ”
ฉินซีหยิบผ้าขนหนูที่คอ มาเช็ดใบหน้ามั่วๆ
ฉินซีหลังออกกำลังกาย ใบหน้าจะขาวและโปร่งแสงยิ่งขึ้น ยังเผยให้เห็นสีชมพูที่ดูสุขภาพดีด้วย
ฉินซีเดินมาถึงห้องพักผ่อน เห็นจ้านเซินนั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีเกียจคร้าน “นายมาทำไม?”
เธอเดินไปนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามจ้านเซิน
จ้านเซินส่งน้ำตรงหน้าของตน ให้ฉินซี “ดื่มเสร็จค่อยคุย”
เขายกมือขึ้นช่วยเปิดฝาให้ฉินซี ฉินซีมองการเคลื่อนไหวของเขา แววตาเผยแสงที่ดูซับซ้อน
ฉินซีหยิบน้ำบริสุทธิ์ขึ้นมา ดื่มไปสองอึก
กลิ่นอายที่หวานสดชื่น ทำให้ทั้งตัวฉินซีสดชื่นขึ้นไม่น้อย
อึดใจเดียวฉินซีดื่มไปกว่าครึ่ง จากนั้นก็วางขวดลงบนโต๊ะ
เธอเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติโดยใช้หลังมือเช็ดหยดน้ำจากมุมปาก แววตาของจ้านเซินมืดมนลง
“ถ้าเกิดฉันไม่ให้หมอเหยาเข้าไปเรียกเธอ เธอคิดจะฝึกไปถึงเมื่อไหร่?”
ขาซ้ายงอขึ้น พับลงไปที่ขาขวา จ้านเซินค่อยๆเปิดปาก มีกลิ่นอายคำถามในน้ำเสียงของเขา
เขามองไปที่ฉินซีด้วยแววตาแผดเผา ราวกับกำลังมองเด็กที่ไม่เชื่อฟัง
ฉินซีเข้าใจความหมายของเขา “ฉันรู้สึกว่าร่างกายของฉันยังไม่ถึงขีดจำกัด สามารถออกกำลังกายได้นานหน่อย”
เธอคิดถึงลู่เซิ่นมากเกินไปแล้ว จึงอยากทำให้ตัวเองเหนื่อยล้า จนถึงจุดที่หัวถึงหมอนก็หลับได้ แบบนี้พอกลับไปแล้วก็ไม่มีใจที่จะคิดเรื่องอื่นแล้ว
จ้านเซินจ้องเธอย่างโกรธเคืองเล็กน้อย เอ่ยปากพูดขึ้น “นั่นก็แค่สิ่งที่เธอรู้สึก”