บทที่ 1417 ฉันกับเธอไม่สนิทกัน
เมื่อกี้ถังย่าไม่ได้คิดอะไรจริงๆ เธอแค่พูดความรู้สึกของตัวเองตามความจริงเท่านั้นเอง
“เป็นอย่างนี้หรือ?”
ถังย่ามองเขาอย่างไม่เข้าใจ ไม่เข้าว่าทำไมความรู้สึกระหว่างคนเราซับซ้อนได้อย่างนี้
“ใช่สิ ไม่งั้นเธอจะถามคุณแบบนี้ทำไม”
ซิวหน่ายซิงเห็นถังย่ายังไม่เข้าใจ เอ่ยปากอย่างทนไม่ไหว
ในเมื่อสติปัญญาถังย่าสูงมาก พละกำลังด้านการต่อสู้ก็แข็งแรง แต่ด้านความสัมพันธ์กับคนอื่นกลับด้อยมาก
“อืม…”
หลังจากถังย่าผ่านการเตือนของซิวหน่ายซิง ก็เข้าใจเรื่องนี้ในภายหลัง
“ช่างเถอะ ฉันไม่สนิทกับเธอ”
ถังย่าคิดแล้วคิดอีก แต่ก็ไม่รู้สึกอึดอัดอะไร
ยังไงคิดว่าครั้งนี้คงเจอหน้ากันครั้งสุดท้ายอยู่แล้ว เมืองนี้กว้างใหญ่ขนาดนี้ จะเจอกันได้ทุกวันได้ยังไง
ทว่า ถังย่ายังไม่ทันพูดจบ
พนักงานพาหลิวซีหางและหลอจี่หอางเดินเข้ามาอีกครั้ง
เธอมองถังย่าอย่างเกรงใจ และยิ้มอย่างเกรงใจ : “คุณผู้หญิงคนสวย ขอปรึกษาอะไรกับคุณหน่อยได้ไหม?”
พนักงานยิ้มประจบทำให้ถังย่าสงสัย
“เรื่องอะไร?”
ถังย่าวางตะเกียบในมือลงและมองตรงไปที่เธอ
เธอแผ่กระจายบรรยากาศความเป็นผู้นำอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้พนักงานหน้าชาไปชั่วขณะ
แต่เมื่อคิดถึงคำสั่งของผู้จัดการ พนักงานก็ยังพยายามเอ่ยปากอย่างใจกล้า : “คุณผู้หญิง เมื่อกี้ฉันสังเกตเห็นว่าคุณกับเพื่อนหลายคนนี้รู้จักกัน คิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนกัน”
“คืนนี้โต๊ะใหญ่ทุกโต๊ะนั่งเต็มหมดแล้ว มีแค่โต๊ะนี้ของคุณเท่านั้นที่ยังมีที่ว่างอยู่ ในเมื่อทุกท่านรู้จักกัน ไม่ทราบว่าจะร่วมโต๊ะกันได้ไหม กินหม้อไฟกินหลายๆ คนถึงจะสนุก คุณคิดว่าพอจะเป็นไปได้ไหม?”
พนักงานถามอย่างระมัดระวัง กลัวว่าจะใช้คำผิดหรือน้ำเสียงไม่ดี ทำให้ถังย่าร้องเรียน
ถังย่ามองหลิวซีหางและหลอจี่หอางที่ยืนรออยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง
คิดว่าเมื่อกี้ตัวเองปฏิเสธไปแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าหากปฏิเสธไปอีกครั้งคงไม่ค่อยเหมาะ
และแล้ว ถังย่าทำได้แค่ตกลง
“ได้”
ถังย่าเม้มริมฝากและพูดอย่างนิ่งเฉย
หลิวซีหางที่อยู่ด้านข้างหลังจากได้ยินคำตอบของถังย่า ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มออกมา
แต่ ใบหน้าของหลอจี่หอางยังคงดูไม่ดีเหมือนเดิม
ถ้าไม่ใช่เพราะหลิวซีหางและสมาชิกคนอื่นๆ ในทีมยืนยันจะกินร้านนี้ หลอจี่หอางคงจะกลับออกไปนานแล้ว
พนักงานเห็นถังย่าตอบตกลง รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้า : “คุณใจดีจริงๆ ขอบคุณความช่วยเหลือของคุณมากๆ ขอให้คุณและทุกท่านมีความสุขกับอาหารมื้อนี้”
เธอรีบบอกข่าวดีให้กับหลอจี่หอางและหลิวซีหาง และรีบจัดหาที่นั่งให้
หลิวซีหางรีบนั่งลงทางซ้ายมือของถังย่า และเว้นที่นั่งว่างทางขวามือไว้ให้หลอจี่หอาง
ใครจะรู้ หลอจี่หอางไม่นั่งข้างเธอ แต่กลับไปนั่งตรงข้ามกับถังย่า
นี้ทำให้หลิวซีหางผิดหวังนิดหน่อย แต่เธอรีบปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ว
“คุณถัง พวกเราช่างมีพรหมลิขิตกันจริงๆ”
เดิมทีเธอคิดว่าวันนี้คงไม่ได้นั่งร่วมโต๊ะกับถังย่าแล้ว คิดไม่ถึงว่าในร้านอาหารโต๊ะจะเต็มหมดพอดี
แต่เพราะ หลิวซีหางพูดถึงการร่วมโต๊ะ ถึงได้เหตุการณ์เมื่อกี้เกิดขึ้น
“ใช่”
เห็นหน้ายิ้มของหลิวซีหาง ก็ไม่อยากเอ่ยปากปฏิเสธเธอ
ซิวหน่ายซิงมองหลอจี่หอางที่นั่งอยู่ข้างตัวเอง แววตาส่องประกายความหม่นหมอง
เดิมทีถังย่าไม่ใช่คนพูดเยอะ และซิวหน่ายซิงเองจะพูดจุบจิบไปเรื่อยไม่หยุดก็ต่อเมื่ออยู่ต่อหน้าถังย่าเท่านั้น
ตอนนี้คนเยอะขนาดนี้ ยิ่งปิดปากอย่างงว่าง่าย
สักพักหนึ่ง บรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็อึดอัดขึ้นมานิดหน่อย
หลิวซีหางคิดแล้วคิดอีก ยิ้มบางๆ และพูดว่า : “วันนี้ต้องขอบคุณคุณถังมากที่แบ่งที่นั่งกับพวกเรา เพื่อขอบคุณคุณถัง คืนนี้ให้หัวหน้าหลอของพวกเราเลี้ยงข้าวเถอะ”
เธออยากจะดึงความสัมพันธ์ระหว่างถังย่ากับหลอจี่หอางให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น การกินข้าวด้วยกันถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีมาก
“นี่เป็นความตั้งใจของหัวหน้าหลอหรือไง?”
ถังย่าเงยหน้ามองตรงไปที่หลอจี่หอาง
หลอจี่หอางที่โดนกล่าวถึงเม้มปากและกล่าวอย่างนิ่งเฉยว่า : “ใช่”
เรื่องเล็กน้อยอย่างนี้ เขาไม่ทำให้หลิวซีหางเสียหน้าอับอายอย่างแน่นอน
“งั้นขอบคุณหัวหน้าหลอมาก”
ในเมื่อมีคนยินดีจ่ายเงินให้ ถังย่าย่อมไม่ปฏิเสธเป็นธรรมดา
ถังย่าเห็นอาหารบนโต๊ะหายไปแล้วเกินครึ่ง เรียกหลิวซีหาง : “ในเมื่อหัวหน้าหลอของพวกคุณเลี้ยง งั้นอยากกินอะไร ก็สั่งมากหน่อย”
“ได้”
หลิวซีหางเห็นเธอยอมรับตัวเอง รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า
เมื่อเธอกำลังหยิบเมนูกำลังจะสั่งอาหารเพิ่ม
เสียงกระดิ่งดังขึ้นกะทันหัน
ถังย่ามองโทรศัพท์ตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะ ตอนเห็นชื่อคนที่โทรมาตกใจไปชั่วครู่
เธอมองทุกคน : “ขออภัย ของฉันเอง”
ถังย่าพูดจบ ลุกขึ้นเดินไปในมุมด้านข้าง
“ฮัลโหล”
เธอคิดไม่ถึงว่าจ้านเซินจะโทรหาตัวเองในเวลานี้
ฉินซีสลบยังไม่ฟื้น เขาไม่ควรจะอยู่ใกล้ฉินซีหรือไงกัน?
“คุณอยู่ไหน?”
น้ำเสียงเย็นชาของจ้านเซินส่งผ่านมาทางโทรศัพท์
ริมฝีปากแดงของถังย่าขยับเบาๆ : “ฉันกลับมาแล้ว กำลังเฝ้ามองลู่เซิ่นทางนี้อยู่”
แต่ จ้านเซินกลับได้ยินเสียงคึกคักผ่านทางโทรศัพท์
“คุณกำลังกินข้าวอยู่?”
จ้านสังเกตได้อย่างชัดเจนว่าถังย่ากำลังอยู่ในร้านอาหาร
“ใช่”
ถังย่าพยักหน้า : “เร่งเดินทางมาสองวันแล้ว เหนื่อยจริงๆ ก็เลยพาซิวหน่ายซิงมากินหม้อไฟ”
เธอรายงานจ้านเซินอย่างละเอียด ไม่ปิดบังอะไร
จ้านเซินได้ยินเธอพูดอย่างนั้น คิ้วที่ขมวดอยู่ค่อยๆ คลายลง : “ดี ทางนั้นไม่ว่าลู่เซิ่นเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นก็ตามรายงานฉันในทันที”
เพื่อลู่เซิ่นแล้ว ฉินซีถึงขนาดหลอกเขาอย่างไม่ลังเล
นี้ทำให้ในใจจ้านเซินโกรธมาก
“ได้”
ถังย่ากล่าวอย่างเคารพ พูดจบจ้านเซินก็วางสายไป
“ตู๊ดตู๊ดตู๊ด…”
ได้ยินเสียงตัดสายจากฝั่งนั้น ใบหน้าถังย่าปรากฏความเหงาขึ้น
ถังย่าเอาโทรศัพท์ใส่ในกระเป๋าเสื้อ แววตาเป็นกังวล
“เป็นอะไรไป?”
ซิวหน่ายซิงถามอย่างอดไม่ได้
ถังย่าส่ายหน้า : “ไม่มีอะไร คุณกินอิ่มรึยัง?”
เพราะโทรศัพท์จากจ้านเซิน ทำให้ถังย่าไม่อยากอาหารแล้ว
ซิวหน่ายซิงที่เดิมที่กินไปพอสมควรแล้ว ได้ยินเธอพูดอย่างนี้ จึงวางตะเกียบในมือลง : “กินอิ่มแล้ว พวกเราจะออกไปเลยไหม?”
เขาเดาสายที่โทรมาเมื่อกี้ต้องเป็นจ้านเซินแน่นอน
เพราะคนที่มีผลกระทบกับอารมณ์ของฉินซี ก็มีแค่จ้านเซินคนเดียว
“อืม ควรจะกลับกันแล้ว”
เดิมทีถังย่าไม่ชอบสังสรรค์กับคนเยอะ รวมกับจ้านเซินที่โทรมา จึงทำให้ไม่มีอารมณ์จะอยู่ต่อ
หลิวซีหางได้ยินสองคนคุยกัน เธอกะพริบตาปริบๆ สีหน้าดูไม่สบายใจ : “คุณถัง พวกคุณจะกลับกันแล้วหรือไง?”
เธอยังอยากให้ถังย่ากับหลอจี่หอางได้คุยกันอีกสักหน่อย