บทที่ 1403 การโจมตีด้วยคลื่นมนุษย์
ฉินซีเพิ่งจะออกมาจากประตูก็โดนบอดี้การ์ดสังเกตเห็นแล้ว บอดี้การ์ดรีบใช้วิทยุสื่อสารบอกจ้านเซิน : “พี่ใหญ่ คุณฉินซีวิ่งไปทางคุณแล้ว”
ได้ยินว่าฉินซีกำลังพุ่งมาทางนี้ ใบหน้าหล่อเหลาของจ้านเซินปรากฏความประหลาดใจ
เขาคิดไม่ถึงว่าฉินซีจะได้สติตื่นขึ้นมาเร็วขนาดนี้
ถังย่าที่ขัดขวางเธอไปไหนเสียแล้ว?
ในใจจ้านเซินรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย อยากจะไปตรวจสอบดู แต่ตรงนี้ลู่เซิ่นกำลังจะมาแล้ว เขาไม่สามารถละความสนใจได้
เขาพูดอย่างเย็นชา : “จับฉินซีไว้ จำไว้อย่าให้บาดเจ็บถึงชีวิต”
ความหมายประโยคนี้ของจ้านเซินคือ ใช้วิธีไหนก็ได้ แค่ไม่ทำให้ฉินซีตายก็พอ
หลังจากบอดี้การ์ดได้รับคำสั่ง พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม : “ได้ พี่ใหญ่”
ฉินซีไม่ใช่คนทั่วไป อยากจะจับตัวเธอไว้ต้องใช้ความสามารถมากหน่อย
ถึงความสามารถของบอดี้การ์ดพวกนั้นจะไม่เลว แต่ฉินซีในฐานะที่เป็นอันดับต้นๆ ขององค์กร แน่นอนว่าต้องแข็งแกร่งว่าพวกเขาไม่รู้กี่เท่า
ถึงแม้ฉินซีจะร้างรามาเป็นปีแล้ว แต่บางอย่างก็ยังฝังลึกอยู่ในกระดูก
แม้แต่เวลาก็ไม่สามารถลบมันออกไปได้
“เร็วเข้า เร็วขึ้นอีก!”
ฉินซีรีบวิ่งไปบนทางเดิน หายใจหอบหนัก
ในตอนนั้นเอง มีเงาดำมืดสองเงาปรากฏขึ้นด้านหน้าอย่างกะทันหัน
เครื่องแต่งกายที่เป็นสัญลักษณ์นั้น ทำให้ฉินซีรู้ได้ในแวบแรกทันทีว่าเป็นลูกน้องจ้านเซิน
ฉินซีค่อยหยุดก้าวขาลงช้าๆ มองบอดี้การ์ดที่ขวางอยู่ตรงหน้า : “หลบไป!”
เธอพูดอย่างเย็นชา แววตาดำสนิทเปล่งประกายบรรยากาศการสังหารออกมา
บอดี้การ์ดทำเหมือนไม่ได้ยินอะไร และใช้ร่างกายที่แข็งแกร่งขวางทางเดินทั้งหมดไว้
“คุณฉิน พี่ใหญ่ให้หยุดลงมือ”
บอดี้การ์ดคนแรกอยากจะเกลี้ยกล่อมดีๆ เขาเป็นคนเก่าคนแก่ในองค์กร ปกติเจอหน้ากันกับฉินซีเป็นประจำ
ความจริงแล้ว เขาไม่เข้าเลยว่าทำไมฉินซีถึงได้พยายามหนีออกจากองค์กรได้มากขนาดนี้
การออกจากองค์กร สำหรับฉินซีแล้วมีข้อดีอะไร
ตอนนั้นที่ฉินซีอยู่ในช่วงเวลาตกอับ เพราะองค์กรยื่นมือเข้าไปช่วย หรือเธอจะไม่คิดถึงเรื่องราวเก่าเลยสักนิด ไม่รู้สึกขอบคุณเลยหรือไง?
ได้ยินเขาพูดถึงจ้านเซิน ใบหน้าของฉินซีก็ปรากฏรอยยิ้มเย็นชา : “ทำไมฉันต้องฟังเขา ตอนนี้ฉันสั่งให้พวกคุณหลีกทาง!”
เธอเดินไปด้านหน้าหนึ่งก้าว มองตรงไปที่กำแพงมนุษย์สองคนที่ขวางทางไว้
ถึงแม้ว่าทักษะของฉินซีตอนนี้จะไม่ดีเท่าเมื่อก่อน แต่รับมือกับพวกเขาสองคนก็เพียงพอแล้ว
“ฉันไม่อยากทำร้ายคนบริสุทธิ์ พวกคุณปล่อยฉันไป ฉันจะไว้ชีวิตพวกคุณ”
ถ้าเป็นไปได้ ฉินซีหวังว่าจะแก้ไขได้อย่างสันติ
แต่คนในองค์กรทุกคนฟังคำสั่งจากจ้านเซินเท่านั้น ต่อให้เป็นฉินซี ก็อย่าคิดจะออกคำสั่งพวกเขา
ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับองค์กรแล้ว ตอนนี้ฉินซีคือคนทรยศคนหนึ่ง
หลายคนคิดว่า จ้านเซินไม่ได้สั่งให้ฆ่าฉินซีโดยตรง เป็นความเมตตาอย่างยิ่งเรื่องหนึ่งแล้ว
ขณะที่ฉินซีกำลังพูดอยู่ ด้านหลังของเธอก็มีบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นอีกสองคน
ทางด้านหน้าและด้านหลังถูกปิดตายสนิท ฉินซีไม่มีทางให้หนีอีกแล้ว
ฉินซีหรี่ตาลงอย่างอันตราย มองบอดี้การ์ดที่พุ่งมาทางนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
เธอเผยยิ้มริมฝีปากเย็นชา สายตาเต็มไปด้วยการถากถาง : “หึหึ…ทุกคนช่างใช้เกียรติฉันจริงๆ เพื่อจับฉันคนเดียว ส่งคนมาตั้งมากมายขนาดนี้”
มือที่อยู่ข้างตัวกำหมัดแน่น ฉินซีรู้สึกถึงความพลุ่งพล่านของเลือดในตัว
เธอไม่มีความรู้สึกอย่างนี้มานานแล้ว
ดวงตาเรียวของฉินซีเปล่งประกายความเด็ดขาด : “งั้นให้ฉันดูหน่อย ว่าฝีมือของพวกคุณเป็นยังไง!”
พูดจบ ฉินซีก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว โจมตีในทันทีทันใด
ในกำมือของเธอซ่อนเข็มเงินเล่มนั้นไว้ พุ่งตรงไปทางบอดี้การ์ด
จัดการกับหัวหน้าก่อน
จุดนี้ ฉินซีใช้ทักษะความเชี่ยวชาญ
แค่จัดการกับผู้นำที่สูงที่สุดให้ได้ก่อน พวกลูกล้อที่เหลือทั้งหมดจะเชื่อฟังเอง
แต่ครั้งนี้ฉินซีพลาดแล้ว
บอดี้การ์ดรู้ว่าฉินซีไปใช่คนธรรมดา จึงเตรียมการป้องกันไว้แต่แรก
คนที่จะเป็นผู้นำได้นั้น จะต้องไม่เทียบเท่ากับคนธรรมดาอย่างแน่นอน
ถึงแม้เขาจะด้อยกว่าฉินซี แต่ก็มีความสามารถในการป้องกันตัว
ในที่แคบๆ และภายใต้สถานการณ์ที่มีคลื่นมนุษย์มากมาย ฉินซีไม่สามารถโจมตีได้สำเร็จในครั้งเดียว ยิ่งต้องฟังคำสั่งคนอื่น
ฉินซีรู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นจึงระมัดระวังเป็นพิเศษ
น่าเสียดายที่เข็มเงินในมือเธอผ่านคอของหัวหน้าหน่วยไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น
ความรำคาญปรากฏบนใบหน้าของฉินซี
ช้าเกินไป การเคลื่อนไหวทั้งหมดเมื่อกี้ของเธอมีช่องโหว่
ฉินซีรู้สึกเสียใจภายหลังมาก ทำไมปีนี้เธอถึงไม่ได้ฝึก
สมองทำงานได้ แต่การเคลื่อนไหวเฉื่อยชา
ทุกคนเห็นการถดถอยของฉินซีด้วยตาของตัวเอง
หัวหน้าบอดี้การ์ดก็ตกใจลนลานในใจกับการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันของฉินซีเหมือนกัน แต่ดีที่เขาหลบได้เร็ว ถึงแม้ว่าเข็มเงินจะเฉียดปกเสื้อเขาไป แต่เขากลับไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
ในขณะที่เขากำลังดีใจว่าตัวเองไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรอยู่นั่นเอง ลำคอก็รู้สึกเจ็บปวดบริเวณกล้ามเนื้อส่วนนั้นขึ้นมาทันที
เขายื่นมือไปจับอย่างตั้งสักครู่ กลับสัมผัสเจอส่วนที่เปียกชื้น
เขาก้มลงมอง ในมือเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด
“หัวหน้า!”
ทุกคนตื่นตกใจ มองไปในดวงตาที่น่ากลัวของฉินซี
หัวหน้าบอดี้การ์ดรีบฉีกริมเสื้อออก และใช้เศษผ้าพันรอบคอไว้
ดีที่แค่ถลอกผิวหนัง ไม่ลึกมาก ไม่อย่างนั้น ชีวิตของเขาก็คงรักษาไว้ไม่ได้แล้ว
เลือดสดๆ ทำให้ทุกคนตกใจ
ทุกคนรวมตัวกันลงมือ ฉินซีและพวกเขาต่อสู้กันอยู่ในทางเดินแคบๆ
คนเดียวยากที่สู้กับหลายคน ในตอนแรกเธอยังรู้สึกลำบาก เธอใช้จุดเด่นของตัวเอง เธอกระโดดแตะขึ้นในแนวนอน กวาดทุกคนลงไปนอนกับพื้น
แต่หลายวันมานี้ฉินซีนอนอยู่แต่บนเตียงผู้ป่วย ปล่อยปละละเลยมานาน
ตอนนี้มาต่อสู้ กระดูกทุกส่วนในร่างกายกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
ฉินซีพยายามอดทน พละกำลังค่อยๆ ลดลง
ในที่สุด หัวหน้าบอดี้การ์ดที่รอโอกาสอยู่ก็หาโอกาสได้ รีบเสริมเข้ามาในทันที
เขากดฉินซีลงกับพื้น และรีบตะโกนอย่างรุนแรงว่า : “รีบมาใส่กุญแจมือ”
เดิมทีฉินซีไม่ค่อยมีแรง ถูกเขาที่มีน้ำหนักเป็นร้อยกิโลทับไว้ รู้สึกหน้ามืดตาลายขึ้นมาในพริบตา
เมื่อกี้ตอนที่ถูกสะกดจิต ฉินซีไม่ได้แกล้งทำ
เธอเห็นสายน้ำไหลเป็นเลือด ตกใจเป็นอย่างยิ่ง
แต่ในใจของฉินซีท่องชื่อของลู่เซิ่นไว้ตลอด ถึงช่วงเวลาสำคัญ ฉินซีได้สติขึ้นมาทันที
แค่เธอยังคงแกล้งทำต่อไป ไม่ได้แสดงออกมา ดึงดูดให้ถังย่าเข้ามาใกล้ รอจังหวะที่เธอไม่ทันระวังและควบคุมเธอไว้
เพื่อต่อสู้กับภาพความฝันและถังย่า ฉินซีใช้พลังจิตไปมาก
ตอนนี้จ้านเซินเล่นเอาคลื่นมนุษย์มามากมาย ฉินซีจะไปสู้ไหวได้ยังไง
ฉินซียังไม่ทันได้ต่อต้าน บนข้อมือก็มีกุญแจมือเย็นๆ เพิ่มขึ้นอีกอัน
เธอมองบอดี้การ์ดที่กดข้อมือเธอไว้อย่างโกรธแค้น และตะโกนรุนแรงว่า : “ปล่อยฉัน!”
ในใจของฉินซีกังวลอย่างยิ่ง ถ้าเธอถูกจับไว้ งั้นลู่เซิ่นต้องเผชิญหน้ากับจ้านเซินเพียงลำพัง