บทที่ 1389 ข้อห้าม
โจวซิงส่ายหน้าให้ฉินซีนิดนึงเพื่อบอกว่าตอนนี้เธออย่าเพิ่งรีบทำอะไรไม่ยั้งคิด ดูก่อนว่าจ้านเซินจะทำอะไรกันแน่ค่อยว่ากัน
ฉินซีได้รับสาส์นแล้ว สะกดความแปลกใจไว้ ยิ้มบางๆ พูดขึ้น “ก็ดีค่ะ”
เธอลุกขึ้นยืน เดินไปหาจ้านเซิน
ฉินซีคิดแล้วพูดว่า “งั้นเราไปเดินเล่นที่สวนสักสองรอบมั้ยคะ ฉันเห็นดอกไม้ที่นั่นจากทางหน้าต่าง คิดว่าน่าจะสวยมากค่ะ”
เธอพูดกับจ้านเซินอย่างเป็นธรรมชาติ และสนิทสนม
จ้านเซินชอบที่เธอเชื่อฟังอย่างนี้ ก็พยักหน้า ไม่ปฏิเสธ “ดี”
ทั้งสองคนเดินเคียงไหล่กันออกไป
ฉินซีหัวไว แสร้งทำเป็นถามอย่างแปลกใจ ”จริงสิ เมื่อครู่ไปไหนมาคะ รีบร้อนจัง องค์กรเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ ต้องรีบกลับไปหรือเปล่าคะ”
เธอเลียบเคียงถาม
จ้านเซินไม่ปิดบังเธอตอบเรียบๆ “ ไม่ใช่ ถังย่าโทรมา”
ความสัมพันธ์ของถังย่ากับฉินซียังดีอยู่ ตั้งแต่ครั้งนั้นสองคนก็ไม่ได้เจอกันนานแล้ว
ฉินซียิ้มมุมปากบางๆ “ฉันไม่ได้เจอถังย่านานแล้ว เมื่อกี้ตอนเธอโทรมา ทำไมคุณไม่ให้เธอมาเป็นเพื่อนฉันคะ ตอนนี้ฉันได้แต่อยู่ในห้องพักผู้ป่วยทั้งวัน ไม่มีคนอยู่เป็นเพื่อนสักคน คุณเองก็ยุ่งมาก”
เธอพูดตลอดไม่หยุด ก็เพราะกลัวว่าถ้าบรรยากาศเงียบแล้ว ฉินซีจะทำหน้าไม่ถูก ถ้าเกิดจ้านเซินจับสังเกตได้ ก็จะน่าเสียดายที่ทุกอย่างเกือบสำเร็จแล้ว
“คุณอยากให้ถังย่ามาเป็นเพื่อนหรือ”
จ้านเซินพลันหยุดอยู่ที่เดิม จ้องมองฉินซี
น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึมมาก ทำให้ฉินซีใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ
ฉินซีเองก็ไม่รู้ว่าทำไม เพราะตัวเองรู้สึกผิดเกินไป คิดมากไป หรือว่ามีเรื่องอะไร
เธอรู้สึก คำพูดของจ้านเซินมีนัยบางอย่างซ่อนอยู่
อันที่จริง ฉินซีคิดมากไปแล้ว
เวลานี้ ถังย่ายังอยู่ระหว่างเดินทางกลับ และยังไม่ได้บอกอะไรกับจ้านเซิน
ฉินซีพยายามฝืนยิ้ม แกล้งทำเป็นคิดถึงอดีต “แน่นอนค่ะ ตอนฉันอยู่ในองค์กร มีแค่ฉันกับถังย่าผู้หญิงสองคนอายุใกล้กัน ถึงแม้เราสองคนจะยุ่งมาก ปกติไม่ค่อยได้ติดต่อกัน แต่ยังผูกพันกัน”
เธอพูดถึงผูกพันสองคำนี้อย่างสบายใจ
“ผูกพัน…”
จ้านเซินพูดพึมพำซ้ำอีกรอบ
เมื่อสองคำนี้ออกจากปากของจ้านเซิน ฉินซีทันใดนั้นตกใจ
ซวยแล้ว!
เธอลืมได้อย่างไร สิ่งที่องค์กรเกลียดที่สุดคือผูกพัน
พวกเขาเป็นเพียงอาวุธที่องค์กรฝึกฝนขึ้นมา ความหมายการมีอยู่ของพวกเขาเพื่อรับใช้องค์กรเท่านั้น
พวกเขาไม่เหมาะที่จะมีความผูกพันที่ซับซ้อน และแต่งงานไม่ได้
นี่คือข้อห้ามขององค์กร แต่ ฉินซีกลับพูดออกมาอย่างสบายใจ
เสียงทุ้มของจ้านเซิน เหมือนมีดยังไงยังงั้น กรีดบนหัวฉินซี “เอ๊ะ ถังย่าตอนนี้อยู่ที่ไหนคะ รีบเรียกให้เธอมาเร็วๆ”
ฉินซีรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
เธอพูดจาออดอ้อน หวังให้จ้านเซินเลิกสนใจปัญหาเมื่อครู่
จ้านเซินรู้ว่าฉินซีไม่อยากอยู่กับองค์กร ตอนนี้เขารั้งตัวฉินซีไว้ได้ แต่ไม่อาจรั้งใจเธอไว้ได้ “ถังย่าเมื่อกี้อยู่โรงพัก น่าจะเพิ่งกลับไปได้ไม่นาน รอเธอเก็บของเรียบร้อย ผมจะให้เธอมาหาคุณ”
ฟังจากที่ฉินซีพูดเมื่อครู่ จ้านเซินก็รู้ได้ว่า ฉินซีอยากจะออกไปอยู่ตลอด เพียงแต่เธอควบคุมตัวเองไว้ก็เท่านั้น
เมื่อคิดอย่างนี้ สีหน้าของจ้านเซินก็เคร่งขรึมขึ้นทีเดียว
บางทีเขาควรจะให้ถังย่ามาที่นี่ ให้ฉินซีคิดเรื่องงาน
ถ้ายังไม่ได้ผลอีก อย่างนั้นเขาก็จะบังคับพาฉินซีไป
ไม่สนว่าเธอจะได้รับความกระทบกระเทือนหรือไม่ ต่อให้ฉินซีปัญญาอ่อนแล้ว ไม่รู้ตัวแล้ว จะเป็นคนขององค์กรเท่านั้น จะเป็นจะตายอย่างไร ก็ต้องอยู่กับเขา
ความอยากครอบครองของจ้านเซินรุนแรงมาก เกินกว่าขอบเขตที่ฉินซีจะรับได้
ฉินซีไม่รู้ความคิดของเขา ยังคงเร่งให้เขารีบเรียกถังย่ามา
ถ้าหากถังย่าอยู่ด้วย เธอก็ไม่ต้องอยู่กับจ้านเซินสองต่อสอง
เธอรู้ว่าถังย่าชอบจ้านเซิน แต่ถังย่าเหมือนกับเธอ คืออาวุธที่องค์กรฝึกฝนมา ไม่เคยรู้ว่าความรักคืออะไร
ตอนนี้ฉินซีรู้จักกับความรักแล้ว แต่ถังย่ายังคงไม่รู้
ฉินซีรู้สึกว่า ตัวเองจำเป็นต้องทำให้ถังย่าเข้าใจ
เธอเรียกถังย่ามา หวังว่าถังย่าจะเห็นแก่ที่ทั้งสองคนเคยมีมิตรภาพดีๆ ต่อกันในองค์กร ช่วยเหลือเธอ ให้เธอหนีไปพบกับลู่เซิ่น
“โอเค”
จ้านเซินหยิบมือถือออกมา โทรออกไปหาถังย่า
ฝ่ายถังย่ากำลังรีบไปโรงพยาบาล เมื่อรับสายของจ้านเซินสีหน้าประหลาดใจ แต่ในใจรู้สึกอบอุ่น “ฮัลโหล”
เธอกำลังจะถามจ้านเซินมีเรื่องอะไร ปลายสายก็มีเสียงทุ้มต่ำเย็นชาของชายหนุ่มดังมา ”ฉินซีบอกว่าอยากเจอคุณ ตอนนี้คุณรีบมาโรงพยาบาลก่อน”
เดิมทีถังย่าควรจะทำตามคำสั่งของจ้านเซิน ไปเฝ้าจับตาลู่เซิ่น
ทว่า ตอนนี้เพราะคำพูดของฉินซี จ้านเซินเรียกเธอกลับมา
ถังย่าหัวใจเหมือนดำดิ่งลงก้นเหว เหมือนมีหินก้อนใหญ่จุกอก หายใจไม่ออก ความรู้สึกนี้ยากจะแบกรับไหว
การแสดงออกทางสีหน้าของเธอ จากปีติยินดี กลายเป็นหมอกอึมครึม
ซิวหน่ายซิงขับรถ พลางมองกระจกหลังสังเกตอากัปกริยาของถังย่า แอบถอนหายใจอยู่ในใจ
แต่เมื่อครู่ตอนคุยโทรศัพท์ ถังย่าไม่ได้แอบพูดไม่ให้เขาได้ยิน
เนื้อหาบทสนทนานั้นซิวหน่ายซิงจึงได้ยินหมดแล้ว
ที่จริง ลู่เซิ่นก็พูดไม่ผิด
ถังย่าชอบจ้านเซิน รักมากขนาดนั้น แต่เธอไม่กล้ายอมรับ
ถังย่ากังวลว่าเมื่อตัวเองยอมรับ ความรู้สึกจะกลายเป็นเมื่อปล่อยออกไปแล้วไม่อาจเรียกกลับมาได้ ถึงตอนนั้นก็ควบคุมไม่ได้แล้ว ถูกจ้านเซินและคนในองค์กรรู้ขึ้นมา ก็จะยุ่งยากแน่
เธอไม่อยากถูกขับไล่ออกไป และยิ่งไม่อยากถูกล้างสมองแบบที่ฉินซีเคยโดน ถูกบังคับให้ลืมความรู้สึกช่วงนั้น
ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม สถานะใดก็ตาม ขอแค่ได้อยู่เคียงข้างจ้านเซินต่อไป ถังย่ายอมทั้งนั้น
ความรักของถังย่ายิ่งใหญ่ขนาดนั้น และต่ำต้อยในขณะเดียวกัน
ซิวหน่ายซิง เข้าใจความรู้สึกของเธอ แต่ไม่รู้จะเริ่มพูดอย่างไรดี
ความรู้สึกนี้ ไม่ควรมีอยู่แต่แรก
ทีแรกซิวหน่ายซิงคิดว่า ด้วยความมุ่งมั่นของถังย่า จะต้องควบคุมความรู้สึกได้แน่ ไม่น่าใช่ปัญหา
แต่ขณะนี้ โดยเฉพาะหลังกลับมาจากปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ อารมณ์ของถังย่าก็เริ่มชัดเจนขึ้นแล้ว
ซิวหน่ายซิงเป็นห่วงถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป ไม่นานถังย่าจะต้องทำให้ตัวเองตกที่นั่งลำบากเป็นแน่
ตอนนั้นเมื่อจ้านเซินรู้แล้ว ด้วยนิสัยเย็นชาไร้หัวใจของเขา ถังย่าจะต้องปวดหัวหนักแน่