บทที่ 1372 เย็นถึงกระดูก
ลูกเศรษฐีไม่คิดว่า เธอคิดอยากจะฆ่าตนเองจริงๆ เขาก้มลงมองเสื้อตัวเองที่มีรอยเลือดสีแดงสด
“เลือด! เลือด! เลือด!”
ลูกเศรษฐีตัวสั่นมากยิ่งขึ้น ถังย่าขมวดคิ้ว
เธอจำเป็นต้องเอากริชห่างออกมาอีกหน่อย เพื่อป้องกันการที่เธอยังไม่ลงมือ แต่ลูกเศรษฐีกลับชนกริชเข้าเอง จนทำให้เส้นเลือกใหญ่เสียหาย
ถึงตอนนั้น เธอจะตายอย่างไม่คุ้มค่า
วินาทีต่อมา ลูกเศรษฐีตาเหลือก เป็นลมไปแล้ว
กลิ่นปัสสาวะกระจายมา สีหน้าถังย่าเคร่งขรึมขึ้นมาชั่วขณะ
ลูกเศรษฐีคนนี้ ถึงขนาดฉี่ใส่กางเกง ขี้ขลาดขนาดนี้ ยังกล้าออกมาจีบสาวเลียนแบบคนอื่นอีก ไม่รู้จริงๆ ว่าเขาโตมาขนาดนี้ได้ยังไง
ถังย่าเก็บกริชเข้าไปไว้ในรองเท้าหนังอย่างเบื่อหน่าย
“อย่าขยับ! ยกมือขึ้น!”
ในขณะที่ถังย่ากำลังเตรียมตัวจะจากไป ก็มีเสียงเคร่งขรึมดังขึ้น
เธอหยุดฝีเท้าและหันไปมองคนที่กำลังเดินมา
หลังจากเห็นคนที่สวมเครื่องแบบตำรวจทั้งตัว ถังย่าก็ยิ้มน้อยๆ ออกมา
เธอคิดว่าใครมาเสียอีก ที่แท้คนเมื่อกี้ไปแจ้งตำรวจ
ถังย่าขยับตัวหันกลับมาอย่างสง่างาม มองตำรวจที่อยู่ตรงหน้า
มากันสามคน คนหนึ่งอ้วนๆ กลมๆ ดูๆ ไปใกล้จะหนึ่งร้อยกิโลกรัมแล้ว ถังย่าสงสัยเล็กน้อย ทั้งตัวเขามีไขมันมากขนาดนั้นยังวิ่งได้อีกไหม
อีกคนก็ตัวเตี้ยมาก ดูๆ ไปเหมือนแค่หนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรเท่านั้น ใบหน้ายังเต็มไปด้วยสิว
ถังย่าไม่มีความสนใจสองคนนี้เลยแม้แต่น้อย
สายตาของเธอตกอยู่ที่ร่างกายผู้ชายอีกคนที่เป็นหัวหน้า ดวงตาสวยงามส่องประกายประหลาดใจ
ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าทีมของหน่วยเล็กๆ หน่วยนี้ คิ้วหนาตาโต ดูเป็นคนมีความสามารถ
สีผิวของเขาอาจจะเป็นเพราะออกแดดบ่อยๆ มานานหลายปี เป็นสีคล้ำสุขภาพดี ตัดผมเกรียนสั้นดูสะอาดสะอ้าน เพิ่มกลิ่นอายความเป็นผู้ใหญ่ให้เขาได้อีกไม่น้อย
ถึงแม้ถังย่าจะมีผู้ชายหล่อเหล่ารายล้อมข้างตัว แต่ตอนที่เธอเห็นตำรวจที่อยู่ตรงหน้า ก็ยังประทับใจกับรูปร่างหน้าตาเขา แต่ก็แค่ชั่ววินาทีเท่านั้น
เขาไม่ใช่คนประเภทเดียวกันกับจ้านเซินเลยแม้แต่น้อย
ถ้าบอกว่าจ้านเซินเป็นก้อนน้ำแข็งพันปีที่ไม่ละลาย หนาวเย็นจนเข้ากระดูก
งั้นเขาคงเป็นเหล็กร้อนที่ถูกเผาร้อน จนน่าตกใจ
“เจ้านายหลอ! ใช่เธอ เป็นเธอที่เพิ่งใช้กริชฆ่าคนไปเมื่อกี้”
เห็นลูกเศรษฐีเป็นลงล้มไป ตำรวจคิดว่าเขาตายไปเสียแล้ว รีบตะโกนเรียกเสียงอย่างร้อนใจ
เขาหลบอยู่ที่ไกลๆ กลัวว่าถ้าถังย่าลงมือ แม้แต่ตัวเขาเองก็จะไม่ปล่อยไป
“เจ้านายหลอ…”
ถังย่าเอ่ยชื่อนี้ในใจอย่างเงียบๆ หนึ่งครั้ง ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มลึกซึ้ง
เห็นท่าทางถังย่ายังคงมีสีหน้าสบายอกสบายใจทั้งที่ลงมือฆ่าคนกลางถนน เจ้านายหลอแสดงความโกรธออกทางสีหน้า : “ยกมือขึ้น!”
เขาพูดอีกครั้งเม้มริมฝีปากแน่น
ริมฝีปากแดงของถังย่าขยับ : “เจ้านายหลอ ใช่ไหม”
เธอมองตรงไปที่เจ้านายหลอ รอเขาตอบกลับมา
ในมือเจ้านายหลอถือปืนอยู่ และเล็งไปที่ถังย่าเรียบร้อยแล้ว ถ้าเธอกล้ามีพฤติกรรมที่ไม่สมควร เขาจะลงมือจับตายถังย่าในทันที
มองท่าทางเข้มแข็งตรงไปตรงมาของเขา รอยยิ้มตรงมุมปากของถังย่ายิ่งลึกลงไปอีก
“เจ้านายหลอ สมาธิคุณดีมาก น้อยคนมากที่หลังจากเห็นฉันแล้วจะไม่หวั่นไหว คุณเป็นคนแรกที่ถือปืนได้มั่นคงมากคนหนึ่ง”
ถังย่าพูดหยอกล้อ ดวงตาดำสนิทส่องประกายความขี้เล่น
เธอไม่ได้พูดเล่น ตั้งแต่เมื่อก่อนเวลาที่ออกปฏิบัติภารกิจ คนพวกนั้นถ้าใครเห็นหน้าเธอ ไม่แสดงท่าทีโลภออกมา สุดท้ายก็ถูกเธอฆ่าได้สำเร็จ
ความงามก็เป็นอีกหนึ่งเทคนิคในการฆ่าคนของถังย่า
หลังจากเจ้านายหลอได้ยินคำพูดของเธอ มือที่ถือปืนไว้สั่นเล็กน้อย
เขารีบสงบสติหายใจเข้าลึกๆ กดความหวั่นไหวในใจไว้ : “ไม่ต้องพูดจาไร้สาระ ยกมือขึ้น!”
แน่นอนเขาบอกถังย่าไม่ได้ว่าเขาถูกทำให้ตื่นตกใจแค่ไหน แต่เพราะจรรยาบรรณของอาชีพ เขาต้องไม่หลงใหลไปกับถังย่า ด้านหลังเขามีกลุ่มประชาชนที่อ่อนแออยู่มากมาย
เขาไม่สามารถทนดูถังย่าทำผิดต่อไปได้อีกแน่นอน
“เจ้านายหลอ ขอถามหน่อยว่าทำไมฉันต้องยกมือขึ้น ฉันทำเรื่องอะไรผิดไปหรือ?”
ถังย่ายืนอยู่ที่เดิม สีหน้าไม่รู้สึกผิดมองไปที่ผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหล่ากล้าหาญและเคร่งขรึม
ดวงตาส่องประกายไร้เดียงสาบนใบหน้าที่สวยงาม
เธอดูช่างบริสุทธิ์ ถ้าคนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่เห็นกับตาว่าเธอเอากริชออกมา ทำให้ลูกเศรษฐีคนนั้นตกใจจนเป็นลมไป ก็คงจะถูกท่าทีอย่างนี้ของเธอหลอกไปแล้ว
เจ้านายหลอเห็นเธอไม่มีเหตุผล จึงอดที่จะส่งเสียงที่หนักแน่นยิ่งขึ้นออกไปไม่ได้ : “ทำไมคุณต้องฆ่าคนกลางถนน!”
เขามองถังย่าด้วยใบหน้าหวาดระแวง ราวกับว่าเธอเป็นคนเลวที่ทำบาปอย่างร้ายแรงจนไม่น่าให้อภัย
เห็นท่าทางระมัดระวังของเขา ถังย่าจึงพูดอย่างเฉยเมยว่า : “เจ้านายหลอ คุณพูดอย่างนี้ก็ไม่ถูก ฉันลงมือฆ่าคนบนถนนตอนไหน ฉันพลเมืองดีคนหนึ่งที่เคารพกฎหมายมาโดยตลอด หวังว่าคุณจะมองดูอย่างชัดเจนว่าจริงแล้วใครผิด อย่าโทษคนที่ทำดี”
ถังย่ากล่าวอย่างมีเหตุผล คำพูดเหล่านี้ของเธอทำให้ไม่สามารถหาเหตุผลมาโต้แย้งได้
โดยอย่างยิ่งเธอแสดงได้ดีมาก ทำให้คนเกือบจะเข้าใจว่าเธอพูดจริง
ตำรวจสองนายด้านหลังเจ้านายหลอเริ่มลังเลแล้ว เดาว่าหรือถังย่าอาจจะไม่ได้ทำจริงๆ ละ?
ดีที่เจ้านายหลอยังมีสติอยู่บ้าง : “งั้นผู้ชายที่อยู่ข้างคุณเป็นอะไรไป รอยเลือดบนคอเขา ไม่ใช่เพราะคุณลงหรือไง?”
เขาจ้องถังย่า เหมือนจะรอดูว่าเธอจะอธิบายยังไงได้อีก
มีทั้งพยานบุคคลพยานหลักฐาน วันนี้ถังย่าหนีไม่รอดแน่
แต่ทว่า ถังย่ากลับทำสีหน้าไร้เดียงสากะพริบตาปริบๆ ตามเดิม : “นี่เพราะตัวเขาเองมาชนเข้ากับกริชของฉัน จะมาโทษฉันได้ยังไง”
เธอพูดอย่างสบายใจ โดยไม่รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิดมา
เมื่อพูดแบบนี้ออกมา สีหน้าของเจ้านายหลอก็เคร่งขรึมขึ้นชั่วขณะ
“คุณ!”
เจ้านายหลอสุดหายใจเข้าลึกๆ : “คุณรีบดูชีพจรของผู้โดนทำร้ายปกติไหม”
เขามองตำรวจตัวเตี้ยที่อยู่ด้านหลังคนนั้น และออกคำสั่งเสียงทุ้มต่ำ
“คุณไปสถานีตำรวจกับฉัน ไปรับการตรวจสอบ!”
เจ้านายหลอมองถังย่า ไม่ฟังเธออธิบาย
“งั้นก็ได้ ฉันไปกับคุณ…”
ถังย่ายืนอยู่ที่เดิมอย่างว่าง่ายและพยักหน้า
ในขณะที่ทุกคนคิดว่าในที่สุดถังย่าก็ยอมหยุดแล้ว เธอก็อ้าปากถามขึ้นมาอีกครั้งอย่างกะทันหัน : “เจ้านายหลอ ฉันไม่ใส่กุญแจมือได้ไหม ของเล่นชิ้นนี้น่าเกลียด แถมยังทำให้มือฉันเจ็บ ฉันไม่อยากใส่”
ประโยคนี้พูดออกมา สีหน้าของเจ้านายหลอเปลี่ยนไปชั่วขณะ
เขาไม่เคยเห็นผู้ต้องสงสัยคนไหนกล้าขนาดนี้มาก่อน ยังกล้าต่อรองกับตำรวจ หรือว่าเห็นว่าตัวเองสวย เลยกล้าหยิ่งขนาดนี้
ปกติแล้วเวลาที่ผู้ต้องสงสัยถูกจับ จะตื่นกลัวกระวนกระวาย
แต่ถังย่ากลับไม่แม้แต่จะคิดหนี คุ้นเคยจนทำให้คนตกใจ
เจ้านายหลอกัดฟันพูด มองแววตาถังย่าด้วยความระมัดระวัง : “ได้ยินคุณพูดแบบนี้ ก่อนหน้านี้คงใส่มาไม่น้อยสินะ?”