บทที่ 1313 ผู้ดูแลในเมืองหนาน
ในความทรงจำของฉินซี ตัวเองนั้นเคยมาที่สาขาในเมืองหนาน เพียงแต่หลังจากที่ความจำฟื้นคืนแล้ว ก็ไม่เคยมาที่นี่ด้วยตัวเองอีก
เธอมองสำรวจไปรอบๆ จนแน่ใจว่าไม่มีความแตกต่างไปจากความทรงจำ ถึงได้เดินเข้าไป
ไม่ต้องรอให้เธอผลักประตู ประตูก็ได้เปิดออกเองโดยอัตโนมัติ
ผู้ดูแลในเมืองหนานยืนอยู่ในนั้นส่งยิ้มมาให้เธอ
ฉินซีที่ไม่รู้จะทำตัวอย่างไร แต่ใบหน้ากลับนิ่งสงบ หันไปทางผู้ดูแลแล้วพยักหน้าทักทาย แล้วก็ค่อยๆเดินเข้าไป
ประตูที่อยู่ด้านหลังได้ปิดลง
ฉินซีเดินตามผู้ดูแลเข้าไป ดีที่พวกเขาไม่ได้เดินไปไกลมาก และเดินมาหยุดอยู่ที่ห้องรับแขก
คนรอบข้างจึงได้เดินออกไป ในห้องรับแขกจึงเหลือเพียงผู้ดูแลกับฉินซีสองคนเท่านั้น
…..การต่อสู้ครั้งนี้ มีอะไรอยากจะพูดไหม
ฉินซีงุนงงในใจ แต่ก็นั่งลงอย่างสงบ
ผู้ดูแลที่อยู่ตรงหน้านี้แซ่หวาง ให้ฉินซีเรียกเขาว่าเหล่าหวาง
“ลูกพี่บอกว่า ครั้งนี้คุณจากมาอย่างรีบร้อน ทำให้ไม่ทันได้กำชับอะไรกับคุณ” เหล่าหวางพลางพูดพลางล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าแล้วทำการโทรหาหมายเลขหนึ่ง แล้วหันหน้ามามองฉินซีพร้อมกับอธิบายว่า “แต่ผมรู้สึกว่าให้เขาได้เป็นคนบอกกับคุณเองจะดีที่สุด”
เมื่อคำพูดของเหล่าหวางจบลง คู่สายโทรศัพท์ก็มีการรับสายขึ้น
ใบหน้าของจ้านเซินโผล่ขึ้นที่หน้าจอโทรศัพท์
“ฉินซี” เสียงของเขาดังออกมาจากลำโพงโทรศัพท์ ยิ่งทำให้เดาไม่ออกถึงอารมณ์ของเขา แต่ว่าลักษณะการพูดการจายังคงพูดตรงไปตรงมาเหมือนอย่างเคย “คุณไม่ต้องรีบร้อนกลับมานะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณรับตำแหน่งแทนเหล่าหวาง เป็นผู้ดูแลในเขตเมืองหนาน”
ฉินซีตกใจ
จ้านเซินกำลังพูดอะไรอยู่
ผู้ดูแล…..เมืองหนานเหรอ
อาจเป็นเพราะเห็นอาการตกใจของฉินซี จ้านเซินจึงยิ้มขึ้นเบาๆแล้วพูดต่อว่า : “เดิมทีผมอยากจะบอกกับคุณก่อนที่คุณจะไป แต่ว่าวันนั้นคุณจากไปอย่างรีบร้อน ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสบอก ข่าวนี้สำหรับคุณอาจจะกะทันหันเล็กน้อย แต่ผมเชื่อว่าคุณสามารถทำได้และทำได้ดี”
ฉินซีไม่ได้ตอบตกลงในทันที ในหัวสมองของเธอมีเรื่องมากมายแวบเข้ามา จึงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
จากองค์กรใหญ่มาเป็นผู้ดูแลเมืองหนาน สำหรับระดับของฉินซีที่อยู่ภายในองค์กรแล้ว ก็ไม่ถือเป็นเรื่องที่แปลก ภายในองค์กรที่มีคนอยู่ในระดับเดียวกันกับเธอ มีประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกับถังย่า ก็ไปเป็นผู้ดูแลในเขตอื่นอยู่ชั่วคราวก่อน หลังจากที่สั่งสมประสบการณ์แล้ว ก็สามารถกลับมาที่สาขาเพื่อไปสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น
แต่ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวของฉินซี ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างมาก
ฉินซีอยู่ที่นี่มาเป็นเวลาหลายปี ทุกอย่างล้วนอยู่ในกำมือของจ้านเซิน จะทำภารกิจอันใด ติดต่อผู้คนในองค์กร สามารถพูดได้ว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับภายใต้การควบคุมของเขาทั้งนั้น
เพราะฉะนั้นเมื่อมาถึงระดับนี้แล้ว ฉินซียังคงเป็นหน่วยข่าวกรองที่ไร้เดียงสาคนหนึ่ง
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสถานการณ์หลังกลับไปที่องค์กรอีกครั้ง จ้านเซินแทบจะคอยจับตาดูเธอตลอดเวลา ควบคุมการเคลื่อนไหวข้อมูลทั้งหมดที่เธอมี
และการเป็นผู้ดูแลสำหรับฉินซี ก็เหมือนกับการถูกไขกุญแจมือ แล้วถูกปล่อยออกมาจากเรือนจำ
เมืองหนานถือว่าอยู่ไม่ไกลจากสาขา แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็น ยิ่งไปกว่านั้นการเป็นผู้ดูแล ฉินซีจะสามารถมีอิสระมากขึ้น จ้านเซินก็ไม่สามารถกระทำต่อเธอเหมือนดังแต่ก่อน ที่คอยแทรกแซงทุกเรื่องได้อีก
เมื่อก่อนฉินซีรู้สึกมาโดยตลอดว่าตัวเองเหมือนเป็นปลาทองที่ถูกจ้านเซินเลี้ยงไว้ในตู้ปลา ที่ดูโปร่งใสทั้งสี่ด้าน ไม่ว่าตัวเองจะทำอะไรก็จะสังเกตเห็นได้ตลอดเวลา
แต่เวลานี้ ปลาทองตัวนี้ได้รับแจ้งว่า เธอได้ถูกปล่อยคืนสู่ธรรมชาติแล้ว
เรื่องแบบนี้…..เป็นเรื่องที่เป็นได้หรือ
หรือว่าเบื้องหลังนี้มีแผนการซุกซ่อนอยู่
ความไม่เชื่อใจที่ฉินซีมีต่อจ้านเซินได้ถูกฝังรากลงลึกไปแล้ว ดังนั้นปฏิกิริยาแรกกลับไม่ใช่ความดีใจ แต่เป็นความสงสัย
แต่แน่นอนว่าเธอไม่สามารถพูดความสงสัยนี้ออกมาได้ จึงครุ่นคิดอยู่สักพัก แล้วพูดขึ้น: “เป็นเรื่องที่กะทันหันจริงๆ ฉัน…..ไม่เคยสัมผัสเจอกับเรื่องแบบนี้มาก่อน มันไม่ง่ายเหมือนกับการทำภารกิจ ฉันอาจจะทำได้ไม่ดี”
น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยการปฏิเสธ แต่จ้านเซินกลับยิ้ม : “ไม่ต้องห่วงเหล่าหวางจะคอยอยู่ช่วยคุณจนกว่าคุณจะปรับตัวได้ในที่สุด”
ฉินซีหันไปมองเหล่าหวางที่ยืนอยู่ข้างๆตามคำพูดของเขา เขายิ้มให้พร้อมพยักหน้า
ก็ยิ่งทวีความสงสัยที่อยู่ภายในใจของฉินซี เดิมทีเธอคิดว่า ถ้าหากเธอได้เป็นผู้ดูแลแล้ว อย่างนั้นเหล่าหวางคนนี้ ก็คงเหมือนเช่นแต่ก่อน ที่ควรรับตำแหน่งใหม่ถึงจะถูก
แต่เท่าที่ฟังจากความหมายของจ้านเซินคือ ดูเหมือนว่าตำแหน่งของเขาถูกลดระดับลงไปหนึ่งขั้น ลดมาเป็น…..ผู้ช่วยของตัวเองเหรอ
แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเหล่าหวางยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สา ฉินซีจึงเดาว่า จ้านเซินคงใช้สิ่งอื่นเพื่อใช้เป็นการแลกเปลี่ยน
ดูแล้ว จ้านเซินคงจะวางแผนการไว้ทุกอย่างแล้ว เห็นได้ชัดว่ามีความคิดที่อยากให้ฉินซีมาเมืองหนาน และที่พูดเรื่องนี้กับเธอ ก็เป็นการบอกกล่าวให้ทราบ ไม่ใช่เป็นการขอความคิดเห็นจากเธอ
ฉินซีรู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถปฏิเสธได้
ถึงแม้ยังไม่รู้เจตนาของจ้านเซินคืออะไร แต่เธอทำได้เพียงแค่หน้า : “อย่างนั้น…..ฉันจะพยายาม”
มีรอยยิ้มที่ไม่สามารถอธิบายได้ปรากฏอยู่บนใบหน้าของจ้านเซิน เขาพยักหน้าแล้วก็ปิดวิดีโอสนทนาลง
ฉินซีมองดูหน้าจอโทรศัพท์ที่ดับลง แล้วก็เหม่อลอย
ไม่ว่าจ้านเซินตัดสินใจแบบนี้จะมีแผนการอะไรในเบื้องหลัง แต่ว่าอย่างน้อยๆตอนนี้ เธอรู้สึกว่าเพียงว่าเหมือนตัวเองได้รับขนมเปี๊ยะที่ประทานมาจากฟ้าหล่นลงมาใส่หัวตัวเอง
เธอได้รับอิสรภาพที่ช่วงนี้เธอใฝ่ฝันมาตลอดเวลา
แม้ว่าเหล่าหวางที่อยู่ข้างๆคนนี้ที่เห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่จ้านเซินส่งมาเพื่อสอดส่องเธอ แม้ว่าอิสรภาพของเธอยังคงมีความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง แต่แค่นี้ฉินซีก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมากแล้ว
“ฉินซี” เสียงเรียกของเหล่าหวางได้ดึงความสนใจของเธอ “ผมจะพาคุณไปคุ้นเคยกับสถานที่นี้ก่อน แล้วค่อยพาไปดูสถานที่พักอาศัยของคุณ หากคุณมีสิ่งของที่ต้องการนำมา สามารถลิสต์เป็นรายการ เมื่อมีคนออกจากสาขา ก็จะช่วยขนไปให้คุณ”
ฉินซีพยักหน้ารับ
ความจริงแล้วสิ่งของที่เหลืออยู่ในสาขา ก็ไม่มีอะไรที่อยากจะนำมาด้วย มีเพียงแต่กล้องถ่ายรูปที่เธอนั้นคิดถึงมาก แต่เธอรู้ดีว่าต่อให้นำมาด้วย ก็คงไม่น่าจะได้ใช้
ทั้งคู่ได้เดินไปวนดูสาขารอบๆ
องค์กรสาขาเมืองหนานอยู่ในบ้านสไตล์ตะวันตกหลังหนึ่ง ตั้งอยู่ในเมืองที่คึกคัก แต่สภาพแวดล้อมกลับเงียบสงบ ราคาคงน่าจะไม่เบา
บ้านมีหลังขนาดใหญ่มาก นอกจากห้องประชุมและพื้นที่ห้องสำนักงานแล้ว ยังมีอีกสองชั้นที่ทำเป็นห้องๆ ชั้นบนสุดที่ออกแบบเพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยของผู้ดูแล
เพียงแต่เหล่าหวางที่อยู่ตรงหน้าคนนี้มีครอบครัวลูกเด็กเล็กแดง จึงไม่ได้พักอาศัยอยู่ที่นี่ แต่ฉินซีที่ไม่มีที่จะไป จึงได้ถูกจัดให้พักอาศัยอยู่ที่นี่
“น่าจะประมาณนี้” เหล่าหวางได้พาเดินวนครบรอบ จึงได้หยุดชะงักเท้าขึ้น แล้วก็ยื่นกุญแจที่อยู่ในมือให้กับฉินซี “หากยังต้องการสิ่งใด ให้ติดต่อผมได้เลย”
เมื่อเห็นฉินซีรับกุญแจไปแล้ว เขาก็ยิ้มให้แล้วหันหลังเดินออกไปจากห้อง
ฉินซียืนอยู่ที่เดิม แล้วมองไปรอบๆ เหมือนกับว่าตัวเองนั้นกำลังฝันไป
อีกทั้งยังเป็นฝันที่ดีด้วย