บทที่ 1295 ภายหลัง
หนึ่งปีต่อมา
เมื่อฉินซีตื่นขึ้นมา หน้าจอโทรศัพท์ข้างเตียงก็สว่างวาบขึ้น
เธอลุกขึ้นหยิบมันมาเปิดดู เป็นข้อความจากจ้านเซิน ส่งมาว่า “มาที่นี่” เพียงสองคำ
ข้อความของเขาสั้นและกระชับมาโดยตลอด ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาดูจะโดดเด่นมากขึ้น ดูเหมือนว่าเขาไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไร ฉินซีก็จะเข้าใจเองได้
ฉินซีถอนหายใจเบาๆ ลุกจากเตียงไปล้างหน้าล้างตา ก่อนจะเดินออกจากห้อง
ที่ทางเดินเธอได้พบกับคนหน้าใหม่ที่ปีนี้เพิ่งได้เข้าร่วมในองค์กร
มีเพียงไม่กี่คนที่กระซิบคุยกัน พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองฉินซีจากนั้นก็เงียบลง ก่อนค้อมศีรษะเพื่อทักทายฉินซี
สีหน้าของฉินซีไม่แสดงอารมณ์ใด เธอเพียงพยักหน้าตอบรับโดยไม่หยุดเดิน ทำเป็นมองไม่เห็นสายตาที่จ้องมองมายังเธอจากข้างหลัง
“เธอเจ๋งมาก” หญิงสาวเพียงคนเดียวในผู้มาใหม่พึมพำ
เด็กผู้ชายสองคนข้างๆเขาก็พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ …เหมือนใครกันนะที่ฉันเห็นเมื่อวาน!”
หญิงสาวทำหน้างงเป็นครั้งที่สอง ก่อนหันไปถามว่า “ถังย่าเหรอ?”
เสียงของเธอเบามากราวกับว่ากลัวคนอื่นจะได้ยิน
เด็กชายพยักเป็นพัลวัน “ใช่แล้ว คือเธอ”
ถังย่าพยายามอย่างสุดกำลังในปีนี้ ตำแหน่งของเธอก็ยิ่งจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ภายในองค์กรก็คงเป็นแค่จ้านเซินเท่านั้นที่เธอยังเป็นรองอยู่
ดวงตาของเธอเย็นชาทว่ารอยยิ้มของเธอสุภาพ ทั้งเฉียบขาดและดุดัน แค่เพียงสายตาของเธอเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนที่มองมาหวาดกลัว
ทว่าฉินซีกลับมองเห็นแค่ความไร้พลังในตัวเธอ
เธอเดาได้ว่าทำไมถังย่าถึงทำเช่นนี้
ถ้าไม่สามารถเป็นคนที่ถูกเขารักได้ ก็จงเป็นคนที่เขาขาดไม่ได้
เมื่อเห็นถังย่าเป็นแบบนี้ ในฐานะคนเดียวที่รู้ความจริง ฉินซีไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก
แต่เธอก็รู้ ว่าหลังจากใช้เวลาทั้งปีในองค์กร จากสายตาของคนอื่นๆที่มองมา ฉินซีกับถังย่าก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่
ไม่ต้องบอกว่าเธอผิดหวังแค่ไหน ความเฉยเมยที่เธอแสดงออกมันก็แค่เปลือกนอก เธอก็คล้ายกับถังย่า บางครั้งฉินซีก็ไม่รู้ ว่าจริงๆแล้วเธอเป็นแบบนั้นหรือไม่
เพราะว่าจริงๆแล้วเธอก็ไม่ใช่คนของในองค์กร หัวใจเธอ อยู่กับใครบางคนที่อยู่ไกลออกไป
เธอก็แค่แสร้งทำตัวกลมกลืนเท่านั้น
โชคดีที่ไม่มีใครสังเกตเห็น …กระทั่งจ้านเซินก็ไม่
ฉินซีหยุดอยู่ตรงหน้าห้องทำงานของจ้านเซิน เธอเคาะประตู
เสียงของจ้านเซินดังมาจากข้างใน “เข้ามา”
ฉินซีผลักประตูเข้าไป เธอเดินเข้าไปหาจ้านเซินที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงาน เธอนั่งลง หลังจากจ้านเซินทำท่าทางให้เธอนั่งตรงข้ามเขา “นี่คือข้อมูลของภารกิจนี้ ลองอ่านดู”
ฉินซีไม่ได้มีท่าทีประหลาดใจ เธอแค่ก้มลงไปอ่าน
ข้อมูลนั้นเรียบง่าย มีรายละเอียดมากมายที่เธอต้องไปอ่านเพิ่ม เธอแค่ดูผ่านๆก่อนเงยหน้า
“เข้าใจไหม?” จ้านเซินถาม
ฉินซีพยักหน้า “อืม”
จ้านเซินดูท่าอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่โทรศัพท์มือถือของเขากลับดังขึ้นก่อน
เขาขมวดคิ้ว ถ้าไม่สำคัญพอเขาจะตัดสายทิ้ง แต่เมื่อก้มลงมองไปที่โทรศัพท์ เขาก็ทำไม่ได้ แค่เม้มปากก่อนมองไปทางฉินซี “ถ้าอย่างนั้นเธอไปเตรียมตัวเถอะ ถ้ามีคำสั่งอะไรอีกฉันจะบอกเธออีกที ”
ฉินซีพยักหน้าเบาๆ ก่อนลุกขึ้นเดินจากไป
ถ้าเธอดูไม่ผิด คนที่เธอมาคือพ่อของจ้านเซิน
ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จ้านเซินควรจะยึดอำนาจการควบคุมทั้งหมดขององค์กรมาจากพ่อของเขา แล้วทำไมถึงเห็นโทรศัพท์จากพ่อของเขา ทำไมจะต้องติดต่อกันอีก
ฉินซีได้แต่สงสัยในใจ ก่อนจะเก็บมันไว้ ไม่ได้ใส่ใจอีก
พอถึงห้องเธอก็เปิดเอกสารขึ้นมาอ่านอย่างจริงจัง
จริงๆแล้วข้อมูลมีเพียงแต่สองแผ่นบางๆเท่านั้น ในห้องทำงานของจ้านเซินเธอดูแค่ผ่านๆเท่านั้น มีเพียงเหตุผลเดียวที่เธอจะต้องศึกษาอย่างรอบคอบ –
งานนี้สามารถเปิดโอกาสให้เธอได้พบกับลู่เซิ่น
ครั้งนี้เป้าหมายคือ เจ้าของบริษัทสำรวจแหล่งแร่ เขามีเอกสารลับอยู่ในมือ เอกสารลับนั้นมีผลต่อการสำรวจแหล่งน้ำมัน นี่คือสิ่งที่ฉินซีจะต้องหาวิธีการเพื่อที่จะได้มันมา เอกสารพวกนี้โดยทั่วไปจะได้รับการป้องกันอย่างแน่นหนาและถูกเก็บไว้ในตู้นิรภัยหรือห้องนิรภัยของธนาคาร ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้มันมาง่ายๆ
แต่เมื่อเจ้าของจำเป็นต้องเอาเอกสารนี้ออกไปทำธุรกรรม โอกาสนี้ก็มาถึง
ในเอกสารระบุไว้อย่างชัดเจนว่า “อีกห้าวัน เรือสำราญในท่าเรือเมืองหนานจะจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำ เขาคนนั้นจะนำเอกสารไปทำธุรกรรม”
ฉินซีมองไปที่คำหลักสองคำ “เมืองหนาน” และ “ฐานขุดเจาะน้ำมัน” พลันดวงตากลับเป็นประกาย
ตระกูลลู่ร่ำรวยจากเมืองหนาน เมื่อมาจับธุรกิจค้าขายน้ำมัน
มันเกี่ยวข้องกันหรือไม่?
คู่ค้าที่เป้าหมายต้องการร่วมลงมือ จะเป็นลู่เซิ่นหรือเปล่า?
ใบหน้าของฉินซีสงบ แต่หัวใจยังคงพองลมเหมือนลูกโป่งอัดแก๊สที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ถึงแม้ในปีที่ผ่านมา กล้องวงจรปิดและเครื่องดักฟังทั้งหมดจะถูกนำออกไปหมดแล้ว ทว่าฉินซีกลับไม่เชื่อใจที่แห่งนั้น เธอมักจะสงสัยว่าโทรศัพท์เธอมีเครื่องดักฟังหรือเปล่า ประวัติเข้าอินเทอร์เน็ตจะถูกตรวจสอบหรือไม่ ดังนั้นเธอมักจะระวังทุกย่างก้าว เหมือนก้าวเดินอยู่บนพื้นน้ำแข็งบางๆ ไม่กล้าติดต่อลู่เซิ่น ไม่กล้าดูข่าวต่างๆของเขาที่ออกทางสื่อ กักเก็บความคิดถึงเขาไว้ในใจ คอยหาเรื่องที่จะได้เจอกันทุกครั้งที่มีภารกิจเข้ามา
เธอเหนื่อยมาก แต่ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว
ถ้าหากคนที่เป็นเป้าหมายในครั้งนี้จะมุ่งไปที่ลู่เซิ่น ถ้าหากสองคนนั้นได้พบกัน ก็จะสะดวกขึ้นน่ะสิ… ?
ฉินซีพยายามระงับความคิดในใจของเธอ เพราะกลัวว่าถ้าคาดหวังเกินไป มันจะไม่เป็นดั่งหวัง แน่นอนว่าเธอไม่กล้าติดต่อลู่เซิ่น ดังนั้นจึงทำได้เพียงลุกขึ้นไปดื่มน้ำเปล่าสักแก้ว เพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง และตั้งใจเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจนี้
เฝ้าดูวิดีโอที่กล้องวงจรจับมาได้ของเป้าหมายในภารกิจนี้ เพื่อหาว่าเขามีพฤติกรรมยังไง ดูช่องทางของลูกน้อง เรื่องที่ต้องทำมีอีกมาก
ดวงตาของฉินซีค่อยๆ เปลี่ยนเป็นจริงจัง
เมื่อเธอจัดเรียงข้อมูลเสร็จ ท้องฟ้าข้างนอกก็มืดลงเสียแล้ว
ฉินซียืดตัวลุกขึ้น ท้องที่ร้องครวญครางขออาหาร ทำให้เธอตระหนักได้ว่าวันนี้ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย
ตอนนี้ในแคนทีนคงไม่มีอะไรเหลือแล้ว
ฉินซีหน้ามุ่ย วางแผนที่จะหาอาหารแห้งเพื่อเติมเต็มท้องที่หิวของเธอ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก ฉินซีคุ้นเคยกับเสียงและความถี่ของการเคาะประตู ครั้งนี้เธอลุกขึ้นไปเปิดโดยไม่มีความลังเลทันที
เมื่อประตูเปิดออก คือถังย่านั้นเองที่ยืนอยู่ข้างนอก
ไม่มีอารมณ์บนใบหน้าของคนทั้งสอง ราวกับการพบกันมันคือภารกิจอย่างหนึ่ง
ฉินซีพยักหน้าเบาๆ ก้าวถอยหลังเพื่อให้ถังย่าเดินเข้ามาด้านใน