บทที่ 1287 ออกจากบ้านตระกูลลู่
ลู่เซิ่นกวาดสายตามองลู่เหวยกับสูหยิง
เรื่องที่ฉินซีแต่งงานแล้วหายตัวไป ใช่ว่าเขาไม่สับสน สาเหตุก็เพราะ นอกจากจะไม่อยากให้ฉินซีไป ยังเป็นเพราะ…เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องที่ฉินซีไม่อยู่ที่นี่กับพ่อแม่อย่างไร”
เรื่องที่ฉินซีอยู่กับองค์กร เป็นความลับที่บอกไม่ได้ แต่เรื่องที่เธอหายตัวไป ก็ปิดพ่อแม่ไม่ได้เช่นกัน
หลังจากที่รู้ว่าถ้ารั้งเธอไว้ ชีวิตฉินซีจะตกอยู่ในอันตราย ลู่เซิ่นก็ไม่คิดถึงเรื่องที่จะต้องอธิบายกับพ่อแม่อีก
แต่ตอนนี้ เขาจะเผชิญหน้ากับเรื่องนี้อย่างไร
เขาจึงตั้งใจใช้น้ำเสียงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ฉินซีไปแล้วครับ แต่ผมแต่งงานแล้ว ภรรยาก็ต้องปรากฏตัวใช่มั้ยครับ เวินจิ้งก็เลยมารับหน้าที่แทน”
คำพูดของเขาสั้นกระชับแต่ครบถ้วน แต่ละคนในที่นั้นมีปฏิกิริยาแตกต่างกันมาก
หลินยี่กับเวินจิ้งที่รู้เรื่องทุกอย่างดีสีหน้าเรียบเฉย ขณะที่ลู่เหวยกับสูหยิงสีหน้าเปลี่ยนไป
สูหยิงสีหน้าเคร่งเครียด “ฉินซีไม่อยู่ ไปไหน กว่าจะได้แต่งงานกัน กว่าฉันจะยอมพวกเธอ นี่เธอกำลังทำอะไรกันแน่”
ลู่เหวยก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน “งานแต่งเพิ่งจัดเสร็จ ฉินซีก็ไม่อยู่แล้วงั้นหรือ”
ลู่เซิ่นยิ้มบางๆ “เธอมีธุระด่วน ต้องรีบไปทำ พ่อ แม่ งานแต่งของพวกเราได้รับคำอวยพรจากพ่อแม่แล้ว พวกเราซาบซึ้งมาก แต่เรื่องต่อจากนี้…ขอให้ผมจัดการเองได้มั้ยครับ”
สูหยิงฟังความหมายเป็นนัยๆ ของลู่เซิ่นออก เธอเป็นคนใจร้อนอยู่แล้ว ชักสีหน้าตำหนิ “แกหมายความว่าไง ข้ามแม่น้ำแล้วตัดสะพานงั้นหรือ ลู่เซิ่น ถึงฉันเคยบอกว่าจะไม่ยุ่งเรื่องของแก แต่ถึงยังไงฉันก็เป็นแม่แก! เรื่องแกแต่งงานกับฉินซีทำเป็นเด็กเล่นไปได้ จะให้ฉันวางใจได้ยังไง!”
ลู่เหวยนึกถึงคำพูดของลู่เซิ่นที่เคยพูดกับเขา
ลู่เซิ่นเคยสารภาพกับเขา เบื้องหลังของฉินซี…ซับซ้อน ดูเหมือนจะเป็นคนขององค์กรสายลับอะไรทำนองนั้น
…หรือว่าที่ฉินซีไม่อยู่ที่นี่ จะเกี่ยวกับสถานะของเธอหรือไม่
เหมือนด้วยจิตใต้สำนึก เขามองลู่เซิ่นแวบหนึ่ง
ลู่เซิ่นดูเหมือนจะรู้สึกได้ว่าเขามองมา จึงมองกลับไป
พ่อลูกประสานสายตากันครู่เดียว
ดูเหมือนลู่เหวยพบคำตอบจากการมองตากันสั้นๆ นี่เอง
ท่าทางสบายๆ ของลู่เซิ่นเป็นเพียงการแสดงตบตาเท่านั้น เขาไม่มีความสุขที่ต้องแยกกับฉินซี
อย่างนั้น…ต้องเป็นเพราะสถานะของฉินซีที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้
เมื่อเข้าใจเรื่องราวแล้ว ลู่เหวยจึงไม่ซักไซ้อีก หันไปทางสูหยิง พูดเกลี้ยกล่อม “เอาล่ะ ในเมื่อเด็กๆ แต่งงานแล้ว ก็เป็นเรื่องของเด็กสองคน เราอย่าไปยุ่งให้มากเลย เดี๋ยวจะกลายเป็นทะเลาะเรื่องไม่เป็นเรื่อง”
สูหยิงดูเหมือนจะคิดไม่ถึงว่าเวลานี้ลู่เหวยจะไม่ช่วยเธอพูดอะไร แต่กลับช่วยพูดแทนลู่เซิ่น จึงสาดความโกรธใส่ลู่เหวย “คุณพูดอะไร! อะไรคือพวกเรายุ่มย่าม!”
พวกเขานั่งเถียงกันไปมาบนโซฟา ขณะที่ลู่เซิ่นหันไป มองเวินจิ้ง
“ขอบคุณครับ”
น้อยครั้งที่เขาจะกล่าวขอบคุณอย่างจริงจังเช่นนี้ อย่าว่าแต่เวินจิ้ง แม้แต่หลินยี่ที่ยืนห่างออกไปไม่กี่ก้าวก็ตะลึงเช่นกัน
แต่เวินจิ้งตะลึงอยู่เพียงครู่เดียว ก็ดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ทำมือปฏิเสธกับลู่เซิ่น “ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ พวกเราก็แค่ต่างฝ่ายวินๆ เท่านั้น”
ลู่เซิ่นยิ้มตอบ
ก่อนหน้านี้เขาพูดคุยแผนกับเวินจิ้งเรียบร้อยแล้ว เวินจิ้งไม่ต้องปรากฏตัว เพียงแต่ยืมชื่อเธอเท่านั้น จะไม่ให้เกิดอันตรายใดๆ กับเธอ
แต่วันนี้เพื่อปกป้องฉินซี เขาเปลี่ยนแผนกะทันหัน ให้เวินจิ้งปรากฏตัวแบบลับๆ ล่อๆ
แม้ว่าเพื่อรักษาความลับงานแต่งงาน ตอนที่แขกเข้ามาถูกเรียกเก็บของที่ถ่ายรูปได้ทุกอย่าง แต่ไม่อาจรับประกันว่าจะไม่มีคนถ่ายรูปเวินจิ้งได้
เมื่อรูปของเธอหลุดออกไป เช่นนั้นความรักที่ลู่เซิ่นแสดงออกกับฉินซีวันนี้ ทั้งหมดก็จะกลายเป็นอันตรายกับเวินจิ้ง
นี่มันเกินขอบเขตผลประโยชน์ร่วมกันที่พวกเขาเคยตกลงไว้แล้ว
ลู่เซิ่นเป็นนักธุรกิจ รู้ดีที่สุดว่าธุรกิจให้ความสำคัญกับความยุติธรรม วันนี้เวินจิ้งเสียสละมาก สำหรับเธอแล้ว นี่เป็นการแลกเปลี่ยนที่ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
“วันนี้ผมติดค้างน้ำใจของคุณ” น้ำเสียงของลู่เซิ่นจริงจังมาก เหมือนตอนนั้นที่เขาให้คำสัญญาหน้าเตียงคนป่วยของหลินยี่ “ต่อไปมีปัญหาอะไร คุณขอให้ผมช่วยได้นะครับ”
เวินจิ้งอึ้งไป แล้วค่อยๆ มีรอยยิ้มออกมา
“ตกลงค่ะ”
แม้เธอจะรู้สึกว่าคงไม่มีวันที่เธอจะมีโอกาสใช้น้ำใจนี้ แต่ในเมื่อลู่เซิ่นเป็นคนเสนอเอง เธอจึงไม่ปฏิเสธ
ลู่เซิ่นพูดจบ ก็เงยหน้ามองหลินยี่
หลินยี่พยักหน้านิดหนึ่ง
เขาเองที่ตอบตกลงกับลู่เซิ่น ให้เวินจิ้งออกมาเสี่ยงอันตราย
ต่อให้มิตรภาพแน่นแฟ้น ก็สู้น้องสาวของตัวเองไม่ได้
หลินยี่ไม่มีทางยอมให้เวินจิ้งต้องแบกรับความเสี่ยงมากขนาดนี้โดยไม่มีเหตุผล
หลังจากพวกเขาคุยกันเรียบร้อย ลู่เหวยกับสูหยิงก็หยุดทะเลาะกันชั่วคราว เมื่อดูจากสีหน้าทั้งสองคน ลู่เหวยคงจะเกลี้ยกล่อมสูหยิงสำเร็จ
“พ่อไม่รู้ว่าแกคิดอะไรอยู่ มีอะไรอีกที่ไม่ได้บอกพวกเรา” ลู่เหวยเงยหน้ามองลู่เซิ่น น้ำเสียงจริงจัง “แต่วันนี้ไม่ใช่แค่งานแต่งของแก ยังเกี่ยวข้องกับหน้าตาทั้งบริษัทลู่ซื่อ ไม่ว่าแกคิดจะทำอะไร แกต้องทำให้งานแต่งนี้จบลงด้วยดี หลังจากนี้ แกกลับไปอยู่ รีสอร์ทชิงหยวนเถอะ ฉันสั่งอะไรแกไม่ได้แล้ว”
ความหมายก็คือ ให้ลู่เซิ่นย้ายออกจากบ้านตระกูลลู่ เมื่อไม่เห็นหน้าก็ไม่ต้องกลุ้มใจอีก
ลู่เซิ่นฟังจบ ก็ยิ้มออกมา “ตอนแรกผมก็คิดว่าวันนี้จะกลับไปรีสอร์ทชิงหยวนอยู่แล้ว ที่นี่ผมอยู่ไม่ค่อยสบาย ไม่ต้องห่วงครับ ผมวางแผนไว้แล้ว พ่อแม่อยู่กันสบายๆ เถอะครับ”
อารมณ์ของสูหยิงถูกลู่เหวยปลอบให้สงบพอดี สีหน้าตอนนี้ยังคงบูดบึ้ง เพียงแต่มองลู่เซิ่นทำเสียงไม่พอใจทีหนึ่ง
ลู่เหวยโบกมือ “เอาล่ะ พวกเธอออกไปได้”
ลู่เซิ่นตอบรับทันที หันไปจะเดินไปที่ประตู ขณะที่กำลังจะเปิดประตู ก็หยุดฝีเท้า ท่ามกลางสายตาของหลินยี่ที่คล้ายจะยิ้ม ยืนอยู่ที่เดิมรอเวินจิ้งเดินมาที่ประตู ก็ยื่นแขนไปทางเธอ
เวินจิ้งชะงักนิดหนึ่ง ใบหน้ามีรอยยิ้มจนใจนิดหนึ่ง แต่ก็ทำตามยื่นมือออกไป คล้องแขนของลู่เซิ่น
หลินยี่มองลู่เซิ่นอย่างมีความหมายลึกๆ อยู่นาน ช่วยเขาเปิดประตูห้องรับแขกเล็ก
ได้จังหวะลับหลัง หลินยี่ค่อยกระซิบเสียงต่ำได้ยินกันเพียงสองคน “น้องสาวฉันยังไม่หย่านะ”
ลู่เซิ่นยิ้ม ใช้น้ำเสียงเบาเท่ากันตอบ “บังเอิญจัง ฉันก็ยัง”
พูดจบ ก็ไม่สนใจสีหน้าประหลาดใจของหลินยี่ พาเวินจิ้งเดินออกไป
เขาไม่ได้หยุดที่ห้องโถง แต่เดินตรงขึ้นบันไดไป ส่งเวินจิ้งขึ้นชั้นบน
เวินจิ้งเดินเข้าไปในห้องท่ามกลางสายตาของคนรับใช้ที่มีความหมายต่างๆ กัน