บทที่ 1282 การจากลาชั่วคราว
แขกที่อยู่เบื้องล่าง หลายคนต่างคุ้นเคยกับลู่เซิ่น พวกเขามีความเห็นส่วนใหญ่กับผู้บริหารหนุ่มบริษัทลู่ซื่อแบบเดียวกัน
เขาอาจจะยิ้มตลอดเวลาก็จริง แต่รอยยิ้มนี้กลับไม่ได้สะท้อนอารมณ์ของเขา เหมือนกับสวมหน้ากากมากกว่า ทำให้คนอื่นมองไม่เห็นความคิดที่แท้จริงของเขา
ดังนั้นเวลานี้พวกเขามองลู่เซิ่นที่กำลังยืนบนระเบียง ตอนที่พวกเขามองหน้ากัน ยากที่จะปิดบังความอยากรู้อยากเห็นที่อยู่ข้างใน
ลู่เซิ่นควรจะมีเวลาที่มีความสุขเช่นนี้
คนที่ร่วมงานเลี้ยงเป็นนักธุรกิจ หัวสมองไว เข้าใจทันที เจ้าสาวคนนี้ในใจของลู่เซิ่นแล้ว มีความสำคัญที่สุด
ดูท่าต่อไปคิดจะสานสัมพันธ์กับตระกูลลู่ เข้าทางผู้หญิงคนนี้คงจะมีความก้าวหน้าหรือเป็นวิธีที่ได้ผลมากที่สุด
แต่พวกเขาก็พบอีกปัญหาหนึ่งอย่างรวดเร็ว
พวกเขาไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร
เมื่อพวกเขาเงยหน้ามองฉินซีที่สวมผ้าคลุมศีรษะหนาๆ ในสายตาเริ่มเข้าใจมากขึ้น
ไม่ตำหนิลู่เซิ่นต้องปกป้องเธอถึงขั้นนี้
ถ้าหากวันนี้ทุกคนเห็นหน้าของเธอ วันหน้าวันหลังคงยากจะได้อยู่อย่างสงบสุขเป็นแน่
แน่นอนฉินซีไม่รู้ว่าคนที่อยู่ข้างล่างใช้เหตุผลแปลกๆ อย่างนี้เพื่ออธิบายการที่เธอไม่เปิดเผยหน้าตาอย่างสมเหตุสมผล เวลานี้เธอไม่มีอารมณ์สนใจคนอื่น
เธอเพียงแต่กวาดตามองกลุ่มคนข้างล่าง ที่มุมหนึ่งของกลุ่มแขกในงานเธอมองเห็นถังย่า จึงตัดสินใจ
เธอหันหลังให้ทุกคน โยนช่อดอกไม้ไปทางถังย่าเต็มแรง
เธอรู้ว่าฝีมือของตัวเองตอนนี้ โยนเช่นนี้ ไม่มีทางพลาดแน่
มีประโยคหนึ่งกล่าวว่า dirty secrets make friends ความลับสร้างเพื่อน ตอนนี้ฉินซีรู้สึกเช่นนี้กับถังย่า
เธอยังดูไม่ออกว่าถังย่าคิดอย่างไรกันแน่ แต่ถึงตอนนี้ เธอเลิกสงสัยแล้ว ยอมที่จะเชื่อ เพราะคำพูดที่ถังย่าพูดกับเธอ ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อหลอกลวงเธอ
บางทีอาจจะเรียกเพื่อนได้ไม่เต็มปาก แต่ฉินซีรู้สึกว่าระหว่างพวกเธอสองคนใกล้ชิดกันมากขึ้นไม่น้อย
ความใกล้ชิดอย่างนี้ เธอหวังว่าถังย่าก็จะพบกับความสุขของตัวเองเร็ววัน
ช่อดอกไม้ลอยโค้งเป็นเส้นสวยงามกลางอากาศ ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของผู้คนตกลงมาในอ้อมแขนของถังย่าอย่างเหมาะเจาะ
ถังย่าแค่จะมาร่วมสนุกเท่านั้น ไม่ได้คิดจะมาแย่งช่อดอกไม้ จึงยืนเงียบๆ ที่มุมหนึ่ง แต่จู่ๆ ก็มีดอกไม้หล่นลงมาในอ้อมแขนของเธอ
ถังย่าตะลึง มองดอกไม้ในอ้อมแขน แล้วเงยหน้ามองฉินซี
แน่นอนว่าเธอมองการแสดงออกของฉินซีไม่ชัด แต่เธอเดาได้ว่าฉินซีภายใต้ผ้าคลุมศีรษะ จะต้องมีรอยยิ้มเป็นแน่
ถังย่าจึงมองไปทางฉินซี ค่อยๆ คลี่ยิ้มบางๆ
ลู่เซิ่นไม่ได้สนใจว่าช่อดอกไม้จะไปทางไหน ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของแขกร่วมงาน เขาเพียงยิ้มมองไปทางฉินซี
รอจนช่อดอกไม้มีเจ้าของเรียบร้อย เขาพยักหน้านิดหนึ่งกับคนข้างล่าง หันไปอุ้มฉินซีขึ้นมา
ท่ามกลางเสียงร้องประหลาดใจที่ดังขึ้นอีกครั้ง เขาอุ้มฉินซีหายไปจากระเบียง
ถังย่ารับช่อดอกไม้เรียบร้อย รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ หายไป
อาศัยตอนที่ทุกคนเพ่งความสนใจไปที่ลู่เซิ่นอุ้มฉินซีออกไป เธอเดินเลียบมุมหนึ่งออกไปจากสวนที่บรรยากาศกำลังครึกครื้น
ฉินซีรู้ดี ครั้งนี้ ความฝันที่สวยงามในที่สุดจะต้องเดินมาถึงตอนอวสานจริงๆ แล้ว
คงจะมีความคิดเดียวกัน ตอนที่ลู่เซิ่นอุ้มเธอออกไป จังหวะก้าวเท้าเนิบช้ากว่าปกติมาก
ลู่เซิ่นอุ้มเธอลงบันได ปฏิเสธที่จะขึ้นรถกอล์ฟ อุ้มเธออย่างนั้น ก้าวทีละก้าวเข้าไปในบ้านตระกูลลู่
ฉินซีไม่รู้เขาจะพาเธอไปไหน แต่ก็ไม่คิดจะเซ้าซี้ เพียงแต่โอบคอของเขาเงียบๆ
ทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างเงียบงัน
ตลอดทางไม่เห็นใครสักคน ลู่เซิ่นเดินเลี้ยวโค้งหลายครั้ง สุดท้ายก็มาหยุดที่หน้าประตูห้องหนึ่ง
ฉินซีเงยหน้ามอง ค่อยรู้ว่า ที่นี่คือห้องของลู่เซิ่นที่บ้านตระกูลลู่
พวกเขาเดินมาไกลขนาดนี้เลยหรือ
ลู่เซิ่นใช้ไหล่ผลักประตูห้อง ตลอดทางไม่ยอมให้ฉินซีลงมา จนกระทั่งวางเธอลงบนเตียงเรียบร้อย ถึงจะทำเหมือนของที่ทะนุถนอมและสำคัญ ยื่นมือไปเปิดผ้าคลุมศีรษะของฉินซี
ผ้าคลุมศีรษะที่กั้นขวางสายตาของสองคนค่อยๆ เปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าของฉินซีช้าๆ
ลู่เซิ่นมองราวกับสิ่งของล้ำค่า สายตาแน่วแน่ กลั้นหายใจ กระทั่งเปิดผ้าคลุมศีรษะเรียบร้อย แล้ววางลงที่ข้างหนึ่ง
“วันนี้คุณสวยมากครับ” เสียงลู่เซิ่นแผ่วเบา คล้ายกับกลัวว่าจะรบกวนความฝัน “ตอนที่ผมเห็นคุณครั้งแรก ผมก็อยากพูดอย่างนี้แล้ว”
ฉินซีในสายตาของเขารู้สึกเขินมาก เม้มปาก “วันนี้คุณก็หล่อมากค่ะ”
ลู่เซิ่นก้มลง เคลื่อนเข้าใกล้ใบหน้าของฉินซี “งั้นจะให้รางวัลคนหล่อหน่อยได้มั้ยครับ”
ฉินซียิ้ม ยื่นมือไปประคองใบหน้าของลู่เซิ่น จุมพิตริมฝีปากของเขาเบาๆ
ลู่เซิ่นคล้ายกับจะไม่พอใจ กระซิบบ่นเบาๆ “แค่นี้เหรอ”
หางเสียงสุดท้ายหายไประหว่างริมฝีปากของทั้งสองคน
จูบครั้งนี้ของลู่เซิ่นไม่เหมือนกับในโบสถ์ที่สะกดใจไว้ ราวกับระบายความรู้สึกที่เก็บซ่อนไว้ออกมาทั้งหมด ฉินซีรับรู้ได้ถึงความปรารถนาและอาลัยอาวรณ์ที่พรั่งพรูออกมาจากการกระทำที่รีบเร่งของเขา
ราวกับเขาต้องการใช้ความเกรี้ยวกราดนี้กักขังฉินซีไว้ ไม่ให้เธอหนีไปไหน
ในใจฉินซีส่วนหนึ่งหลอมละลาย เธอจึงไม่ห้ามลู่เซิ่น ดูเหมือนจะตามใจตอบสนองการกระทำของเขา
ทั้งสองคนกอดกันแน่น ราวกับเมื่อปล่อยมือแล้ว อีกฝ่ายจะหายตัวไป
ฉินซีไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าใด แต่เธอหวังว่าเวลาจะหยุดลงที่ตรงนี้ชั่วนิรันดร์
ทว่าเวลาไม่มีทางหยุดลงเพื่อใครสักคน
ความใกล้ชิดของทั้งคู่ถูกขัดจังหวะในที่สุดเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ลู่เซิ่นหยุดชะงัก ถอยหลังนิดหนึ่ง มองฉินซี
ทั้งสองคนเข้าใจดีจากสายตาของอีกฝ่าย
เวลาอย่างนี้ คนที่จะมาเคาะประตู ไม่มีทางใช่คนของตระกูลลู่
เป็นไปได้คนเดียวก็คือถังย่า
ไม่ผิดคาด หลังเสียงเคาะประตู เสียงของถังย่าก็ดังขึ้น
“มีเวลาอีกสิบนาทีค่ะ”
เธออุตส่าห์เมตตา ให้เวลาสองคนได้ร่ำลากันครั้งสุดท้าย
ฉินซีรับรู้ได้ มือของลู่เซิ่นกระชับที่เอวเธอแน่น
เธอสูดลมหายใจลึก เงยหน้ามองลู่เซิ่น
“ลู่เซิ่น ฉัน”
ลู่เซิ่นยื่นนิ้วมาแตะที่ริมฝีปากเธอเป็นเชิงห้าม
“ไม่นานเราก็จะได้เจอกันอีก”
น้ำเสียงของเขามั่นใจ ไม่ใช่ตั้งคำถาม
ฉินซีชะงัก แล้วพยักหน้าแรงๆ
“ไม่นานเราจะได้พบกันค่ะ”
น้ำเสียงของคนทั้งคู่แฝงด้วยความมุ่งมั่น แต่สายตาของทั้งคู่กลับไม่มั่นใจว่าจะเป็นเช่นนั้น
ความเจ็บปวดที่เพิ่งแต่งงานแล้วต้องจากกันทำให้ทุกอย่างจืดจาง พวกเขาไม่อยากจะจูบกันอีก และไม่มีอะไรที่จะพูดกันอีก เพียงแต่คลอเคลียกันเงียบๆ รอเวลาสุดท้ายที่จะต้องแยกจากกันมาถึง