บทที่ 1274 กล้องวงจรปิด
แม้ว่าลู่เซิ่นจะเดินไปที่ห้องโถง แต่ท่าทางเขาก็ดูเหม่อลอยตลอด
“ลู่เซิ่น” สูหยิงรอให้คนตรงหน้าเดินจากไปจากนั้นก็หันหน้ามาและจ้องไปที่ลู่เซิ่น “เช้าแล้วนะ ท่าทางเหม่อลอยตลอดเลยเป็นอะไร”
ภายในใจของลู่เซิ่นเต็มไปด้วยฉินซีที่อยู่ในห้องแต่งตัวเพียงลำพังกับถังย่าเขาเอ่ยกับสูหยิงอย่างสบายๆว่า “ไม่มีอะไรครับ จะแต่งงานแล้วเลยดีใจนิดหน่อยน่ะ”
สูหยิงเหล่ตาและขยับเข้ามาใกล้ “เจ้าสาวพร้อมหรือยัง?”
ลู่เซิ่นรู้สึกโดยสัญชาตญาณว่ามีบางอย่างอยู่ในคำพูดของเธอ แต่เห็นว่าต้องเตรียมตัวสำหรับพิธีแล้ว เขาไม่ต้องการมีปัญหาใหม่แทรกเข้ามาจึงไม่ได้สารภาพใดๆออกไป เพียงแค่ตอบกลับอย่างคลุมเครือ “พร้อมแล้วๆ”
เมื่อเห็นเขาลังเลที่จะพูดมากขึ้นสูหยิงก็ลอบถอนหายใจในใจ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้บังคับเขาเพียงแค่โบกมือ “ใกล้จะถึงเวลาแล้ว ลูกควรเตรียมตัวให้พร้อมแล้วอีกสักพักเจอกันที่ห้องโถง”
ใจของลู่เซิ่นปรารถนาที่จะรีบบินไปหาฉินซีที่อยู่ข้างบน ฟังสูหยิงพูดเช่นนี้เขาจึงรีบพยักหน้าและหันจากไป
สูหยิงมองด้านหลังของเขาและมุมปากของเธอก็ค่อยๆลดลง รอจนลู่เซิ่นเดินจากไปไกลแล้ว เธอจึงหยิบโทรศัพท์ของเธอออกมาและโทรหาผู้ช่วยของเธอ “ทำไมไฟล์กล้องวงจรปิดตอนที่ลู่เซิ่นเข้ามาในตอนเช้ายังไม่ส่งมาให้ฉันอีก”
เธอรู้สึกสับสนเล็กน้อย ลู่เซิ่นได้รับชัยชนะครั้งใหญ่เมื่อวานนี้ เขาทั้งเอาหุ้นคืนจากลุงคนสองและสามรวมถึงซื้อหุ้นจำนวนมากจากตลาดในราคาต่ำหากงานแต่งงานครั้งนี้เป็นเพียงแค่ข้ออ้างเพื่อที่จะสร้างความมั่นคงในตำแหน่งของเขาในตระกูลลู่ ถ้างั้นจนถึงเมื่อคืนที่ผ่านมาทุกอย่างก็สามารถหยุดได้แล้ว
การยุติงานแต่งงานชั่วคราวอาจไม่ใช่เรื่องจริงแต่ก็ดีกว่าจัดงานแต่งงานจริงที่มีการประโคมข่าวไม่เป็นจริงอย่างน้อยสูหยิงในฐานะแม่คนหนึ่งก็ยังคงเป็นห่วงลู่เซิ่น
แม้ว่าก่อนหน้านี้เขากับฉินซีจะเคยแต่งงานกันมาแล้วครั้งหนึ่ง หากแต่นั่นยังเป็นความลับน้อยคนที่จะรู้ว่าลู่เซิ่นเคยแต่งงานแล้ว มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อการแต่งงานครั้งต่อไปของลู่เซิ่นแต่ครั้งนี้เขาได้แต่งงานอย่างเปิดเผยถ้าเขาแต่งงานอีกครั้งเกรงว่าจะมีอุปสรรคมากมาย
แต่ลู่เซิ่นไม่ได้ตั้งใจที่จะหยุดแม้แต่ลู่เหวยก็บอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่าหยุดมัน
ลู่เหวยเคยบอกเธออย่างคลุมเครือก่อนหน้านี้ว่าการแต่งงานของลู่เซิ่นครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ข้ออ้างเพื่อหุ้นเท่านั้นลู่เซิ่นยังมีแผนอื่น
แผนอื่นงั้นเหรอ
สูหยิงคิดอยู่นานเดาได้แค่ว่า ลู่เซิ่นอาจจะมีใจให้กับผู้หญิงที่ชื่อเวินจิ้งและแค่อยากจะใช้โอกาสนี้เพื่ออยู่กับเธออย่างถูกต้องเหมาะสม
เป็นไปไม่ได้ที่จะพูดว่าไม่โกรธ แต่สูหยิงก็รู้ว่าเธอไม่สามารถควบคุมลู่เซิ่นได้อีกต่อไปดังนั้นเธอจึงเตรียมใจมานานก่อนที่จะพูดกับลู่เซิ่นเมื่อวานนี้
เดิมเธอคาดว่าตัวเองจะแสดงความอ่อนแอแล้วจะมีความเป็นไปได้สูงที่ลู่เซิ่นจะอธิบายความจริงกับเธอ แต่ไม่ได้คิดว่าสองวันมานี้แม้แต่ตัวเองจะแสดงได้ดี แต่ลู่เซิ่นก็ยังไม่พูดอะไรเช่นเดิม
โชคดีที่เธอเตรียมทางหนีทีไล่ไว้แล้ว
เมื่อคืนเธอได้ยินว่าลู่เซิ่นพักอยู่ในรีสอร์ทชิงหยวนมีการจับตาดูและป้องกันแน่นหนา
ใกล้จะงานแต่งแล้ว เวินจิ้งก็อยู่ที่นี่ ลู่เซิ่นกลับไปทําอะไร?
สูหยิงมีความคิดมากมายในใจของเธอ แต่ล้วนต้องการหลักฐานเพื่อพิสูจน์
แต่เธอไม่สามารถจัดการรีสอร์ทชิงหยวนได้ สูหยิงทำได้เพียงต้องบอกผู้ช่วยของเธอเพื่อให้ตามติดเส้นทางลู่เซิ่นอย่างใกล้ชิด หลังจากที่เขาเข้ามาก็ดึงไฟล์กล้องวงจรปิดออกมาทันที
แท้จริงเขาคิดอะไรกันแน่ ถ้าเขาไม่พูดก็จะไม่รู้รึเปล่า
ไม่คิดเลยว่าผู้ช่วยที่มีความคล่องแคล่วมาโดยตลอดผ่านมานานขนาดนี้ จะยังไม่ส่งไฟล์กล้องวงจรปิดมาสูหยิงจึงทนไม่ไหวต้องโทรไปถาม
น้ำเสียงของผู้ช่วยลังเลเล็กน้อยและเขาพูดอย่างระมัดระวัง “ประธานสูครับ ไฟล์กล้องวงจรปิดส่วนนั้น…หายไปแล้วครับ”
“หายไปงั้นเหรอ” สูหยิงแทบจะไม่สามารถควบคุมระดับเสียงของตัวเองได้ เธอขมวดคิ้วแน่นและถามว่า “ทำไมถึงหายฉันไม่ได้ให้นายรอลู่เซิ่นลงมาแล้วขึ้นไปคัดลอกทันทีรึไง”
น้ำเสียงของผู้ช่วยดูลุกลี้ลุกลนเล็กน้อย “ผมไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น…ผมจ้องไปที่ห้องคุมกล้องวงจรปิดตลอดเวลา รอจนรถประธานลู่เข้ามา ผมก็เตรียมที่จะคัดลอกทันทีแต่ช่วงที่เสียบยูเอสบี ไฟล์กล้องก็หายไปจากคอมพิวเตอร์อย่างไร้ร่องรอย”
ใบหน้าของสูหยิงค่อยๆจริงจัง: “หายไปแล้วเท่าไหน”
ผู้ช่วยรีบตอบกลับ “ตั้งแต่เมื่อรถของประธานลู่หยุดจนถึงตอนที่ประธานลู่เดินเข้าไปทุกอย่างก็หายไป”
คิ้วของสูหยิง ยังคงขมวดเข้าหากันเช่นเดิม
ที่ในกล้องวงจรปิดมองไม่เห็น…คือภาพของลู่เซิ่น
หรือนี่คือคำสั่งของลู่เซิ่น?
กลัวว่าไฟล์กล้องวงจรปิดจะตกไปอยู่ในมือของผู้สื่อข่าว และถามเขาว่าทำไมคืนก่อนแต่งงานถึงไม่อยู่บ้านตระกูลลู่
ความเป็นไปได้นี้ไม่ใช่ไม่มี แต่สูหยิงมักจะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
“ตอนที่นายเห็นกล้องวงจรปิด เห็นคนที่ลงมาจากบนรถลู่เซิ่นมีกี่คน” เธอถาม
ผู้ช่วยครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “ผมจำได้ว่าน่าจะมีมากกว่าสี่คน”
“มีผู้หญิงไหม” สูหยิงถามราวกับว่าเธอได้เห็นความหวังบางอย่าง
“มีครับ” ผู้ช่วยพยักหน้า “น่าจะมีผู้หญิงสองคน”
ริมฝีปากของสูหยิงบึ้งตึง
ผู้หญิงสองคน
ลู่เซิ่นระมัดระวังตัวมากพอที่จะทำให้ผู้คนไม่สามารถหาเบาะแสใดๆได้
แม้แต่สูหยิงก็ไม่รู้ว่าลู่เซิ่นทำเช่นนี้เพื่อปกป้องตัวเองหรือผู้หญิงคนนั้น
อารมณ์ของสูหยิงค่อนข้างซับซ้อนในขณะที่รู้สึกภาคภูมิใจกับการเติบโตของลูกชายเธอก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยด้วย
“ประธานสูครับ”เสียงของผู้ช่วยดังมาจากโทรศัพท์เรียกความสนใจของสูหยิงให้กลับมา “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ผมจะหาไฟล์กล้องต่อไปหรือ.. “
“ไม่ต้องแล้ว” สูหยิงขัดเขา “ไม่ต้องหาแล้ว”
ผู้ช่วยยังคงงุนงงแต่เขาก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว สูหยิงวางสายลูบโทรศัพท์สองสามครั้งและยิ้มบาง ๆ
ในเมื่อเขาปกป้องคนคนนั้นสุดชีวิตขนาดนี้ อย่างนั้นเธอก็อยากจะเห็นว่าเขาจะปกป้องได้อย่างไร
……
ทางด้านลู่เซิ่นก็ไม่ได้กลับไปที่ห้องของเขาทันทีเพื่อเตรียมตัว แต่เขาหลีกเลี่ยงคนอื่น ๆ และเดินไปที่ประตูห้องแต่งตัวของฉินซี
บอดี้การ์ดทั้งสองยังคงเฝ้าประตู พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่ตัวเองกำลังมองไปคือใครเมื่อเห็นลู่เซิ่นเดินมาพวกเขาก็รีบรายงาน “ประธานลู่ครับ ไม่มีใครเข้าไปและไม่มีใครออกมา”
ลู่เซิ่นพยักหน้าและส่งสัญญาณให้พวกเขาหลีกไป จากนั้นจึงเคาะประตูและพูดว่า “ฉินซี”
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเสียงของฉินซีก็ดังออกมาจากข้างใน “ฉันอยู่นี่ เกิดอะไรขึ้น จะเริ่มแล้วเหรอ”
ก่อนที่ลู่เซิ่นจะตอบถังย่าก็พูดด้วยน้ำเสียงติดตลก “ประธานลู่ไม่วางใจจริงๆ ฉินซีอยู่ที่นี่แล้วและทุกอย่างที่ควรเตรียมก็พร้อมแล้วดังนั้นทำใจให้สบายเถอะ”
ลู่เซิ่นเพิกเฉยต่อคำเยาะเย้ยของถังย่าและพูดกับฉินซี “ทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว รอสักแปปหนึ่งพักสักนิด เมื่อมันเริ่มอย่างเป็นทางการฉันจะให้คนมาเรียกเธอ”