บทที่ 1254 ไม่แน่ว่าจะสมหวังได้
จ้านเซินกลับมาเร็วมาก แต่ว่าฝีเท้าหนัก ฟังดูแล้วคล้ายกับว่ามีโทสะพวยพุ่งอยู่บ้าง
แม้ว่าฉินซีที่ตั้งใจครุ่นคิดว่าทำอย่างไรถึงจะสามารถแอบออกไปที่รีสอร์ทชิงหยวนได้ ก็ยังถูกเขาตัดบทความคิด
จ้านเซินไม่ได้มองเธอ เพียงแค่หันหน้าไปพูดกับชายที่มารับรองพวกเขาคนนั้นสองสามประโยค
เสียงของพวกเขาเบามาก ฉินซีจับข้อมูลได้อย่างเลือนราง
คล้ายกับว่าอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนหนึ่งที่จ้านเซินส่งออกไปจะเกิดปัญหา
ฉินซีรู้ว่า อย่างองค์กร“เฟิง” มองจากภายนอกแล้ว สิ่งที่ได้รับรายได้มากที่สุดก็คือยารักษา แต่ความจริงแล้วล้วนอาศัยอาวุธยุทโธปกรณ์มาค้ำจุนในที่มืด
กระทั่งสามารถพูดได้ว่า อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างหากที่เป็นแหล่งที่มาของรายได้ที่ใหญ่ที่สุดขององค์กร
แต่ธุรกิจการค้าที่มีรายได้สูงแบบนี้ย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงมาก เมื่อส่งออกไปแล้ว เบิกเงิน ส่งของ ขอเพียงแค่มีขั้นตอนหนึ่งเกิดความผิดพลาดเล็กน้อย ก็จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่หนักหนาตามมา
มิน่าจ้านเซินถึงได้ร้อนใจขนาดนี้
ฉินซีคิดในใจ
แต่เธอไม่ได้ตั้งใจจะยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ ดังนั้นฟังแล้วก็ไม่ได้ฟังต่อไป แต่กลับครุ่นคิดถึงแผนการว่าตัวเองจะไปรีสอร์ทชิงหยวนอย่างไรแทน
แต่เบื้องหน้าถูกปกคลุมด้วยเงามืดกะทันหัน
ฉินซีเงยหน้า ถึงพบว่าจ้านเซินยืนอยู่ด้านหน้าตัวเอง
“ฉินซี” เขาเม้มริมฝีปาก บนใบหน้าแฝงไปด้วยโทสะและความไม่สมัครใจเบาบาง “มีการค้าหนึ่งเกิดปัญหาเล็กน้อย ผมจำเป็นต้องไปจากที่นี่”
หัวใจฉินซีเต้นแรง แทบจะใช้ความสามารถในการควบคุมตัวเองทั้งหมด ถึงจะไม่ทำให้ความปีติยินดีที่อยู่ในเบื้องลึกจิตใจของตัวเองเผยออกมา
มีเรื่องบังเอิญแบบนี้ได้อย่างไรกัน
เหมือนกับตอนที่สัปหงก ก็บังเอิญมีคนส่งหมอนมาให้
เธอก้มหน้า กลัวว่าจ้านเซินจะมองความรู้สึกของตัวเองออก ทำได้เพียงแค่ทานข้าว ตอบด้วยท่าทางไม่ใส่ใจว่า “ได้สิ อย่างนั้นคุณก็ไปทำงานเถอะ ถึงอย่างไรภารกิจนี้ก็ไม่ยาก เดิมคุณก็ไม่ต้องมาจับตามองด้วยตัวเองอยู่แล้ว”
จ้านเซินชะงักไปครู่หนึ่ง ถึงได้อ้าปากเอ่ยว่า “หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ”
ฉินซีแสร้งทำเป็นฟังไม่ออกถึงความหมายที่อยู่ในคำพูดนั้น พยักหน้าตอบส่งๆว่า “คุณก็ระวังความปลอดภัยของตัวเองด้วย”
ประโยคนี้เหมือนกับแทงเข้าที่เส้นที่ประสาทส่วนไหนของจ้านเซินแปลกๆ แม้ว่าฉินซีจะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง แต่ก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศรอบตัวเขาอ่อนลงกะทันหัน
“ได้”
เอ่ยจบแล้ว เขาก็ไม่ได้รีรอ หมุนตัวจากไป
ฉินซีรอจนเสียงฝีเท้าเขาหายไปเรียบร้อยแล้ว ถึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา
คนที่รับผิดชอบรับรองพวกเขายังคงอยู่อีกด้านหนึ่ง ฉินซีรู้ว่าตัวเองไม่สามารถผ่อนคลายได้
“ฉินซี” คนคนนั้นมองเธอ และมองไปยังทิศทางที่จ้านเซินจากไป น้ำเสียงแฝงไปด้วยการสืบสวน “คุณกับจ้านเซิน เขา……
ฉินซียิ้มเรียบๆ ไม่ตอบอะไร
เธอรู้ว่า จ้านเซินจงใจแสดงให้เห็นชัดเจนขนาดนี้ แบบนี้ก็สะดวกต่อการที่เขาจากไปแล้ว ยังมีคนช่วยเขาจับตามองฉินซีอยู่
แต่ว่า……
ฉินซีหัวเราะ
ขอเพียงแค่ไม่ใช่จ้านเซิน คนอื่นจะสามารถรับมือเธอได้อย่างไร
เมื่อคิดแบบนี้แล้ว ข้าวกล่องที่อยู่เบื้องหน้าก็เปลี่ยนเป็นอร่อยขึ้นมาเล็กน้อย
ฐานที่มั่นถูกจัดอยู่ที่ห้องนอน ฉินซีทานอาหารกลางวันแล้ว ก็อ้างว่าอยากพักผ่อน เมื่อเข้าไปในห้องแล้วก็ปิดประตู
คนคนนั้นมีระดับสู้เธอไม่ได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่มองเธอปิดประตู ไม่สามารถพูดอะไรได้
ประตูห้องลงกลอนประตูไม่ได้ แต่เดิมฉินซีก็ไม่ได้หวังกับสิ่งนี้ นี่เป็นช่วงเวลากลางวัน เธอไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรทั้งนั้น
เธอเพียงแค่ใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้มาสังเกตรอบด้านเท่านั้นเอง
ถือโอกาสที่บานหน้าต่างของห้องนี้อยู่ในตำแหน่งที่ดีมาก พอดีที่จะให้เธอสังเกตการณ์ตำแหน่งรอบๆได้
ไม่ได้อยู่นอกเหนือจากการคาดการณ์ของเธอ ที่นี่ห่างจากรีสอร์ทชิงหยวนไม่ไกลมาก สมองของฉินซีวางแผนเส้นทางเส้นหนึ่ง ไม่ได้สิ้นเปลืองเวลาไปเปล่าๆ แต่ว่าเดินไปทางเตียงจริงๆ
เธอตั้งใจลงมือตอนกลางคืน อย่างนั้น…….ตอนนี้ก็ควรจะพักผ่อนให้ดีๆ สะสมกำลังวังชาสักหน่อยถึงจะได้
………….
บริษัทลู่ซื่อ ห้องทำงานของลู่เซิ่น
ลู่เซิ่นทานอาหารกลางวันแล้วก็นอนหลับลึกอยู่ในห้องรับรอง ช่วงนี้เขาหลับไม่สนิทเท่าไร แต่ก็คุ้นชินแล้ว
ตอนบ่ายเขายังต้องวุ่นวายพัวพันกับอาสามท่านนั้นต่ออีก
มีเพียงแค่ตอนที่ใจจดใจจ่อรับมือกับการทำงานเท่านั้นที่ชื่อของฉินซีจะลอยออกไปจากสมองของเขาชั่วครู่
ตอนที่เขาเดินออกจากห้องรับรอง หลินหยังก็เตรียมรอรับคำสั่งแล้ว
ลู่เซิ่นเหลือบตามองเส้นกราฟบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ครั้งหนึ่ง ก็พยักหน้าให้กับหลินหยัง
ตามการตัดสินใจของพวกเขาแล้ว การเปิดตลาดในช่วงบ่าย พวกอาสามจะต้องทุ่มวางเดิมพัน ลงเงินทั้งหมดในการเสี่ยงครั้งสุดท้ายแน่นอน
ตอนเช้าพวกเขาถูกลู่เซิ่นหยอกเล่นแบบนี้ ในใจจะต้องมีโทสะสุมอยู่แน่นอน
ใครจะชอบถูกทำเป็นของเล่นกัน
ตอนบ่ายพวกเขาจะต้องพยายามแย่งสิทธิ์ในการเป็นผู้ถือหุ้นอย่างสุดความสามารถอย่างแน่นอน
แต่ว่า…….
ลู่เซิ่นยิ้มเยาะในใจ
บางครั้ง แม้ว่าจะพยายามสุดความสามารถแล้ว ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นไปตามที่ปรารถนา
การปาไข่กระทบใส่หิน มีเพียงแค่จุดจบอย่างการที่หัวแตกเลือดอาบเท่านั้น
ดังนั้น เขาก็ไม่ได้ใช้วิธีการที่กลั่นแกล้งคนอื่นแบบนั้นในตอนเช้าต่อไป
ถ้าหากว่าอาสามมีความกล้าหาญที่จะมาเล่นกับตัวเองแบบนี้ต่อไป อย่างนั้น…..เขาก็จำเป็นต้องทำให้อาสามเข้าใจว่า เขาถูกปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้าอย่างไร
ดังนั้นลู่เซิ่นจึงสั่งเอาไว้นานแล้วว่า การเปิดตลาดในช่วงบ่าย พวกเขาต้องใช้เงินจำนวนมากกดให้หุ้นราคาตก
ยิ่งฝ่ายตรงข้ามยืมหุ้นมาขายเพื่อลงทุนในทิศทางขาลงทิ้งมากเท่าไร พวกเขาก็จะรับเท่านั้น
ต้องการดูว่าเงินทุนของใครหนามากกว่ากันล่ะก็……..ลู่เซิ่นก็ไม่รังเกียจที่จะเล่นกับฝ่ายตรงข้าม
นี่เป็นเกมส์ที่กำหนดผู้แพ้ชนะเอาไว้ก่อนการเปิดฉากแล้ว ดังนั้นลู่เซิ่นไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นมากนัก เพียงแค่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานของตัวเองสบายๆ รอเวลาเปิดตลาดอย่างเงียบๆ
ถึงเวลา 3 โมงแล้ว
หุ้นของบริษัทลู่ซื่อมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ลู่เซิ่นจ้องมองการเปลี่ยนแปลงของเส้นกราฟ แววตาเปลี่ยนเป็นคมปลาบขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
ความผันผวนของหุ้นบริษัทลู่ซื่อในช่วงเช้า ให้ใครมาดูล้วนรู้ว่ามีคนผลักดันอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นตอนบ่าย ทุกคนล้วนไม่กล้าเข้าสู่ตลาดตามใจชอบ ล้วนเป็นผู้สังเกตการณ์อยู่ข้างๆ รอว่าช่วงบ่ายจะมีการดำเนินการใหม่ๆอะไร
ข่าวสารและข้อมูลเล็กๆน้อยๆลอยไปทั่ว อะไรล้วนมีหมด ลู่เซิ่นก็ไม่ได้ให้คนไปปิดข่าวเอาไว้
รอจนผลลัพธ์ออกมาในตอนท้าย ผู้สังเกตการณ์ย่อมเห็นได้ชัดเจนเช่นกัน
แทบจะเป็นตอนที่เปิดตลาด บนตลาดก็สามารถเห็นการเป็นปฏิปักษ์ต่อกันระหว่างกลุ่มผู้มีเงินทุนมากมายสองกลุ่มได้อย่างชัดเจน
ฝ่ายที่ยืมหุ้นมาขายเพื่อลงทุนในทิศทางขาลงทุ่มหมดหน้าตักจริงๆ ขายเทออกอย่างบ้าคลั่ง คิดจะกดราคาให้ต่ำลง แต่ว่าสิ่งที่ถูกเทออกมาจากพวกเขาล้วนถูกฝ่ายตรงข้ามรับเอาไว้ทั้งหมด ดังนั้นราคาหุ้นของบริษัทลู่ซื่อแทบจะไม่มีความผันผวนอะไรมากนัก ถ้าหากไม่ดูที่ปริมาณการซื้อขาย ก็มองไม่ออกว่ากำลังดำเนินการทำสงครามอันดุเดือดที่มีเขม่าปืนอยู่
ผู้สังเกตการณ์ล้วนกำลังรอ กำลังดูว่าสุดท้ายแล้วผู้ที่ได้รับชัยชนะจะเป็นใครกันแน่
5 นาทีผ่านไป สิบนาทีผ่านไป…….
ตอนที่ใกล้จะ 20 นาที ในที่สุดสถานการณ์ก็ค่อยๆชัดเจนขึ้นมา
ในที่สุดฝ่ายที่ยืมหุ้นมาขายเพื่อลงทุนในทิศทางขาลงก็เผยความเหนื่อยล้าออกมา ความถี่และจำนวนเงินในการทำธุรกรรมล้วนมีทีท่าว่าจะลดลงเรื่อยๆ แต่ฝ่ายที่ซื้อราคาถูกแล้วขายราคาแพงกลับมั่นคงมาก การเคลื่อนไหวของเงินทุนยังคงราบรื่นเป็นอย่างดี
เป็นแบบนี้จนถึงตอนสามโมงครึ่ง ฝ่ายที่ยืมหุ้นมาขายเพื่อลงทุนในทิศทางขาลงก็กระสุนหมด เสบียงเกลี้ยง ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆแล้ว
และฝ่ายที่ซื้อหุ้นกลับนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง รอจนหุ้นนิ่งแล้วจริงๆถึงค่อยถอนตัวออกไป