บทที่ 1215 ผมกล้าทำทุกอย่าง
เมื่อเห็นฉินซีหยิบจานอาหารขึ้นมาจ้านเซินยิ้มพอใจ เขาไม่ไปไหน แต่ลากม้านั่ง มานั่งข้างเตียงฉินซี ทำท่าจะนั่งดูจนกว่าเธอจะกินหมด
ฉินซีทำเป็นไม่มีเขาอยู่ กินอาหารทีละคำ
ความอยากอาหารไม่ค่อยมากนัก เดิมเธอไม่อยากกินอาหารอยู่แล้ว เมื่อถูก จ้านเซินจ้องมองทำให้ไม่อยากกิน จึงกินลวกๆ ไม่กี่คำ ก็วางช้อนลง
สีหน้า จ้านเซินไม่พอใจอีกครั้ง “คุณกินน้อยขนาดนี้ ร่างกายจะไหวได้ยังไง”
ฉินซีไม่ตอบเขา เพียงแต่ชายตามองเขาเย็นชา ทันใดนั้นพูดขึ้น “ทำไมคุณไม่ให้ฉันออกจากห้องนี้”
จ้านเซินเลิกคิ้ว เหมือนคิดไม่ถึงว่าเธอจะถามตรงๆ จึงไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แต่ถอนหายใจ “ฉินซี คุณไปจากที่นี่แค่ปีเดียว เปลี่ยนไปมาก เมื่อก่อนเรื่องในองค์กร คุณไม่เคยถามมาก คุณ…”
“คุณตอบคำถามฉันมาดีกว่า ไม่อย่างนั้นก็เชิญออกไป” ฉินซีขัดคำพูดของจ้านเซินอย่างรำคาญ
จ้านเซินไม่เคยเจอคนทำเช่นนี้ สีหน้ายิ่งไม่พอใจ เขาหายใจเข้าหลายครั้ง ถึงค่อยสงบสติได้ หันไปมองฉินซี สีหน้าเย็นชา “เรื่องพาคุณกลับมาที่นี่เป็นเรื่องจำเป็น ตามแผนเดิม ผมควรจะพาคุณไปสาขาที่ห่างไกล รอคุณรักษาหายแล้ว ค่อยพากลับมา ตอนนี้คุณเพิ่งตื่น ยังไม่ได้สร้างความภักดีต่อองค์กร สำนักงานใหญ่มีความลับการทดลองมาก ให้คุณเดินเพ่นพ่าน…ไม่ปลอดภัย”
ฉินซีอดไม่ได้ยิ้มเย็นชา “ในเมื่อคุณรู้แล้วว่าฉันไม่ได้ภักดีต่อองค์กรแล้ว งั้นคุณบังคับฉันมาจะมีความหมายอะไร สู้ให้ฉันไปแต่แรกไม่ดีกว่าหรือ คุณพูดมาตรงๆ เถอะ จะออกจากองค์กรต้องมีขั้นตอนอะไรบ้าง ฉันทำตามขั้นตอนก็ได้!”
จ้านเซินขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งขรึม “ฉินซี คุณเพิ่งตื่น และยังเพิ่งจำทุกอย่างได้ ผมให้เวลาคุณได้ ให้คุณจำได้ว่าตอนแรกใช้ชีวิตที่นี่อย่างไร รอคุ้นเคยทุกอย่างแล้ว คุณก็จะรู้ ทำไมผมทำอย่างนี้”
ฉินซียิ้ม “จ้านเซินทำไมคุณมั่นใจขนาดนี้ ฉันจะภักดีองค์กรอีกมั้ย ทำไมคุณมั่นใจมากกว่าฉันอีก”
จ้านเซินถอนหายใจเบาๆ หันไปมองฉินซี “เพราะผมจัดชั้นเรียนใหม่เพื่อคุณ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินซีค่อยๆ หายไป ไม่อยากจะเชื่อ มองจ้านเซิน“คุณจะให้ฉันกลับไปเรียนงั้นหรือ”
จ้านเซินพยักหน้ายืนยัน “มีบางเรื่อง ที่คุณลืมในช่วงหนึ่งปีมานี้ ผมไม่ว่าคุณ ถึงได้ให้พวกเขาสอนคุณใหม่ รอเรียนจบ คุณก็จะจำได้ ความตั้งใจที่เข้าองค์กรมาในตอนแรก”
ฉินซีขมวดคิ้วแน่น “คุณอยากจะล้างสมองฉันอีกครั้งหรือ จ้านเซินคุณกล้าทำอย่างนี้ได้ยังไง!”
จ้านเซินสีหน้ากลับสงบนิ่งกว่าเธอมาก
เขาแค่ยืนขึ้น หยิบชามช้อนของฉินซี ลุกขึ้น
กระทั่งเดินไปถึงหน้าประตู ค่อยพูดขึ้นเบาๆ
“ฉินซี เพื่อให้คุณกลับมา ผมกล้าทำทุกอย่าง”
หลังพูดจบ เขาก็เปิดประตู เดินออกไป
เหลือฉินซีเพียงลำพัง จ้องมองประตูอย่างไม่กล้าเชื่อ
…คลาสเรียน
เธอย่อมรู้ดีว่า จ้านเซินพูดถึง คลาสเรียนอะไร
คลาสเรียนที่เธอต้องเข้าทุกวันตั้งแต่อายุสิบสามถึงสิบแปด
หรือพูดได้ว่า เทียบกับการเข้าเรียนแล้ว พูดว่าล้างสมองจะตรงกว่า
ครูที่มาสอนใช้น้ำเสียงประหลาดป้อนแนวคิดบางอย่างในสมองของพวกเขา ทำให้พวกเขาลืมความสามารถส่วนบุคคล วางองค์กรในตำแหน่งสำคัญที่สุด
ตอนนั้นฉินซีอาศัยความรักของเหยาหมิ่น จึงฝืนรักษาตัวเอง ไม่ถูกทำให้หวั่นไหว
แต่ตอนนี้ เหยาหมิ่นไม่อยู่แล้ว เธอต้องใช้วิธีอะไรรักษาความเป็นตัวเอง
ฉินซีหลับตา ค่อยๆ เอนหลังลงบนเตียง
ที่จริงคำตอบเห็นชัดอยู่แล้ว
ลู่เซิ่น
เธอต้องอาศัยเขา รักษาจิตใจของตนเองให้เหลือความเป็นคน ความรู้สึกพื้นฐานที่สุดพวกนั้น
ไม่ใช่ผ่านคลาสเรียนแล้ว เปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่ง เป็นเครื่องมือที่ดีขององค์กร
เธอนอนบนเตียงครึ่งหลับครึ่งตื่นทั้งวัน ตอนกลางคืน จ้านเซินไม่ได้มาส่งข้าวเอง แต่เป็นคนเฝ้าประตู
ฉินซีไม่มีกะจิตกะใจจะโต้เถียงอะไร เพียงแต่รับข้าวมา กินไม่กี่คำ ก็วางลง
คนนั้นไม่กล้าพูดอะไร เก็บจานชามแล้วปิดประตูออกไป
ในห้องกลับสู่ความเงียบงันอีกครั้ง
ฉินซียืนที่หน้าต่าง มองออกไปนอกหน้าต่างท้องฟ้ามืดมิด ในใจเหมือนขาดวิ่นเป็นรูใหญ่
เธอไม่มีความหวังมากนักว่าลู่เซิ่นจะหาตัวเองเจอ
เธอรู้ดี จ้านเซินพาตัวเองมาที่นี่ จะต้องลงแรงไปมากแน่นอน ไม่มีทางยอมให้ใครแกะรอยเจอได้ง่ายๆ
ถ้าหาก จ้านเซินใช้วิธีต่างๆ เพื่อปิดบังร่องรอย คนรอบข้างคงไม่มีทางได้ข้อมูลว่าเธออยู่ที่ไหน ถ้าอยากจะหาให้เจอ คงจะต้องใช้เวลาและพลังไม่น้อย
ต่อให้ลู่เซิ่นยังคิดถึงเธอบ้าง ก็คงไม่ทุ่มเทมากขนาดนั้นเพื่อหาตัวเธอให้เจอ
อีกอย่างหนึ่ง ต่อให้ลู่เซิ่นรู้ว่าเธออยู่ที่นี่จริง ก็ไม่แน่ว่าเขาจะมาช่วยเธอหนีไป
เธอรู้ดี ต่อให้เป็นตระกูลลู่ ก็ไม่อาจต่อกรกับองค์กรโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง
มากไปกว่านั้น…ถ้าลู่เซิ่นรู้ว่าตอนนี้เธออยู่ที่องค์กร ย่อมต้องรู้ สถานะของเธอแล้ว
เขาจะเข้าใจผิดว่าเธอเต็มใจกลับมาที่นี่หรือเปล่านะ จะคิดว่าเธอไม่อยากไปจากที่นี่หรือเปล่า
ฉินซีไม่มั่นใจสักนิด
ถ้าแม้เธออยากจะให้มีคนช่วยหนีไป แต่…เขาจะทำได้อย่างไร
แม้อำนาจตระกูลลู่ล้นฟ้าร่ำรวยมหาศาล แต่อำนาจเบื้องหลังองค์กรซับซ้อนมาก
ที่เกาะห่างไกลอิสระจากอำนาจทุกประเภท อำนาจตระกูลลู่ทำอะไรไม่ได้
ฉินซียิ่งคิด ยิ่งรู้สึก เธอจะพึ่งพาลู่เซิ่นพาหนีไปจากที่นี่แทบเป็นไปไม่ได้
เธอถอนหายใจเบาๆ เดินกลับไปทางเตียงของตัวเอง
หรือว่าจะต้องพึ่งตัวเอง
ต่อให้ไม่ใช่เพื่อลู่เซิ่น เธอก็ต้องทำตามคำสั่งเสียสุดท้ายของฟางฟางไปจากที่นี่
องค์กรคือกรงที่กักขังอิสรภาพของเธอ
เธอไม่มีทางยอมกลายเป็นนกในกรง
เธอจะต้องหาทางหนีไปให้ได้
ส่วนจ้านเซิน…
ฉินซีเหมือนจะครุ่นคิดแต่ละเงื่อนไข ขมวดคิ้ว
ตั้งแต่นาทีที่ จ้านเซินใช้วิธีบังคับเธอให้ออกมาจากรีสอร์ทชิงหยวน เพื่อกลับมาที่นี่ เขาน่าจะรู้แล้ว
ฉินซีกับเขา ไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว
ฉินซีไม่ใช่คนที่จะถูกข่มขู่ได้ เธอไม่มีทางยอมทิ้ง อิสรภาพของตัวเอง
ถ้าหากจะพูดว่าเมื่อก่อนเธอยังมีความรู้สึกดีด้วยสักนิด และยังเคยหวั่นไหว
แต่ตอนนี้ จ้านเซินสำหรับเธอแล้ว ไม่สำคัญอะไรกับเธอแล้ว