บทที่ 1209 ปกปิด
“คุณก็รู้ว่าตอนนี้ที่คุยกับผม มันไม่มีความเสี่ยงหรืออันตรายสักนิด” ลู่เซิ่นเห็นความลังเลที่ในแววตาของถังย่าก่อนพูดต่อ “เราทุกคนต่างก็รู้เรื่องนี้ดี หัวหน้าของคุณจะไม่รู้อะไรเลยจริงๆ หรือ แต่เขาก็ไม่ลังเลที่จะส่งคุณมาหาผม ใช่ไหมล่ะ”
ถังย่านั่งตัวตรงอีกครั้ง เธอเงยหน้าขึ้นไปมองยังลู่เซิ่น “คุณพยายามจะสื่ออะไรกันแน่คะ ประธานลู่?”
ลู่เซิ่นยักไหล่ “ผมไม่ได้มีความหมายอื่นเลย ก็แค่ปลงเท่านั้น ถังย่า คุณกับหัวหน้าองค์กรมีความสัมพันธ์กันแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้นหรือ?”
เขาไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองจะได้เห็นปฏิกิริยาอะไร แต่หูของถังย่ากลับปรากฏสีแดงขึ้น
เขาแค่อยากจะกวนประสาท ถังย่าให้มากที่สุด เพราะเมื่อคนๆ หนึ่งสูญเสียการควบคุมอารมณ์ของตัวเอง มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการจัดการ
แต่เขาไม่คาดคิด … ว่าเขาจะจับพลัดจับผลูตีความเรื่องในใจของเธอถูก
“ประธานลู่ นี่มันเป็นเรื่องของฉัน ไม่ต้องใส่ใจหรอกค่ะ” ถังย่ารู้ตัวแล้วว่าตอนนี้เธอกำลังเสียท่า เธอคว้ากระเป๋าตัวเอง เตรียมจะไป “ฉันมีธุระต้องทำ ขอตัว——”
“คุณเห็นคนที่ตัวเองชอบ ชอบคนอื่น ทนไหวเหรอ?”ลู่เซิ่นไม่ให้โอกาสเธอจาก เขาพูดขัดจังหวะเธอ
ถังย่าตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด ท่าที่จะลุกขึ้นยืนก็แช่ค้างอยู่ท่าเดิมเช่นกัน ทันใดเธอก็ล้มตัวลงนั่งบนเก้าอี้ เธอมองไปที่ลู่เซิ่นอย่างคาดไม่ถึง “คุณรู้?”
ลู่เซิ่นทำสีหน้าเรียบนิ่ง “ผมรู้”
ในความเป็นจริง ข้างในใจเขาไม่ได้สงบเหมือนสีหน้าที่แสดงออกมาตอนนี้สักนิด
ความคิดของเขาทั้งหมดของเพียงแค่มาจากการคาดเดาเท่านั้น
อย่างไรเสีย คนที่ใครต่างก็เรียกว่าผู้นำคนนั้นก็เหมือนจะชอบฉินซี
ไม่คาดคิดว่าตัวเองจะเดาถูกหมด
“คุณก็รู้ว่าจ้านเซินชอบฉินซีขนาดนี้ แต่ก็ยังปฏิบัติกับเธออย่างดี?” ถังย่าดูเหมือนจะประหลาดใจมาก ถึงขึ้นอดที่จะพูดขึ้นมาด้วยเสียงอันดังไม่ได้
ลู่เซิ่นเลิกคิ้วขึ้นในใจ
… ปรากฏว่าผู้นำ มีชื่อว่า จ้านเซิน
ถังย่าดูเหมือนจะไม่รู้ตัวว่าเธอพูดชื่อจ้านเซินขึ้นมา เธอแค่มองจ้องไปที่ลู่เซิ่นอย่างรอคำตอบ
ลู่เซิ่นสงบสติอารมณ์ของตัวเอง พยายามเรียบเรียงข้อมูลที่ได้จำมา ก่อนทำสีหน้าเรียบเฉยและพูด “จ้านเซินจะชอบหรือไม่ชอบฉินซี หรือผมจะชอบหรือไม่ชอบฉินซี มันเกี่ยวอะไรกัน? จ้านเซินชอบเธอ ผมชอบบ้างไม่ได้เหรอ? แล้วฉินซีชอบใคร ก็ยังไม่รู้”
อันที่จริงเขาแอบพูดในใจว่าคนที่ฉินซีชอบต้องเป็นเขา
ถ้าหากเธอชอบผู้นำองค์กรที่ชื่อ จ้านเซินจริงๆ จ้านเซินก็สามารถพาเธอกลับไปแบบไม่ใช่ยาด้วยซ้ำ
ถังย่าค่อยๆสงบลงเล็กน้อย ในตอนนี้ดูเหมือนเธอจะรู้ตัวว่าเธอเสียอาการเพียงใดเธอกระแอมไอแก้ขัดเล็กน้อย ก่อนจะรักษาความนิ่งสงบ “ในเมื่อคุณรู้แล้ว ฉันก็จะพูดเลยแล้วกัน ครั้งนี้ที่จ้านเซินพาฉินซีกลับไป ไม่เพียงแต่เธอยังไม่ได้ทิ้งองค์กรไป อีกสาเหตุหนึ่งคือ เขาตัดใจจากฉินซีไม่ได้ ”
นี่คือสิ่งที่ลู่เซิ่นคาดไว้ก่อนหน้า ดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจ แต่พยักหน้า “งั้นเหรอครับ?”
ถังย่าไม่สนใจสิ่งที่เขาตอบเธอ ดูเหมือนเธอจะจมอยู่ในความคิดของตัวเอง เธอหลบตาลงต่ำ ก่อนพูดด้วยเสียงเรียบๆ “อันที่จริงฉันรู้มาตลอดว่าฉินซี เธอเป็นคนพิเศษ ฉินซีเข้ามาอยู่ในองค์กรได้ ก็เป็นเพราะเขาเลือก ในระหว่างการฝึกสามปีนั้น เขาอยู่กับเธอเกือบทุกขั้นตอน หลังจากที่ฉินซีผ่านหลักสูตรทั้งหมดแล้ว งานทุกอย่างที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการของเธอจะถูกกำหนดโดยจ้านเซินเอง แม้ว่าเธอจะออกจากองค์กร แต่เขาก็เฝ้าติดตามฉินซีมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว… จู่ๆเขาก็บอกว่าเขาต้องการให้เธอกลับมา”
เมื่อเธอพูดจบ ก็เหมือนมีความครุมเครือบางๆ มันเหมือนกับอดีตมีอะไรถูกบังไว้อยู่
เพียงแค่ว่าลู่เซิ่นไม่ได้สังเกตขนาดนั้น
ถังย่าพูดข้อมูลมามากเกินไป มันทำให้เขาเข้าใจอะไรไม่ค่อยทันนัก
เขาแค่คิดว่า จ้านเซินจะแค่สนใจฉินซี แต่เขาไม่ได้คิดว่าจะมีอะไรลึกซึ้งระหว่างสองคนนั้น
เขาคิดว่าเขาหึงนิดหน่อย
ในช่วงหลายปีที่พลาดไป ที่เขาไม่ได้อยู่ข้างฉินซี กลับมีผู้ชายคนหนึ่งอยู่กับเธอเสมอ
และตอนนี้คนนั้นก็ยังคงอยู่กับฉินซี
เขาเอื้อมมือไปหาแก้วน้ำเพื่อนำมาจิบ พลางจัดการสงบสติอารมณ์ตัวเอง
ถังย่าเหมือนจะกลับมาจัดการอารมณ์ของตัวเองให้นิ่งได้แล้ว ดูเหมือนเธอจะพูดอะไรบางอย่างออกไปทำให้ลู่เซิ่นดูตื่นตระหนกเล็กน้อย
ลู่เซิ่นมองไปที่เธออย่างเฉยเมย ทันใดก็พูดขึ้นมา “ในเมื่อคุณชอบเขา แล้วยังจะนำคนที่เขาชอบให้กลับไปหาเขา ไม่รู้สึกทรมานหรือไง?”
รอยยิ้มขมขื่นปรากฏบนใบหน้าของถังย่า หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ส่ายหัว ไม่ได้พูดอะไร
เขารู้สึกว่าคืนนี้ได้รู้อะไรมาเยอะมากจากถังย่า อย่างน้อยฉินซียังปลอดภัย
อาจจะทรมานจากการสะกดจิตเพื่อคืนความทรงจำ แต่อย่างน้อย … ยังไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดว่าเป็นจุดจบที่น่ากลัวที่สุด
รู้ว่ามีองค์กรนี้ดำรงอยู่ และรู้ว่าถังย่าก็เป็นหนึ่งในสมาชิกขององค์กรเช่นกัน
แถมยังได้รู้อีกว่า … ผู้นำขององค์กรคนที่ดูจะสนใจฉินซีชื่อว่า จ้านเซิน
รู้มากขนาดนี้ เขาก็อดห่วงไม่ได้
แต่ยิ่งกังวลมากเท่าไหร่ ก็จะไม่ได้รับสิ่งที่ต้องการ
ลู่เซิ่นตระหนักถึงข้อนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ถามอะไรถังย่าอีก หลังจากรอให้จิตใจเธอสงบ เขาก็เปิดปากถาม “นี่ก็ดึกมากแล้ว ให้ผมไปส่งคุณไหม?”
ถังย่าส่ายหัว “คืนนี้ฉันไม่ได้ดื่ม คืนนี้ฉันขับรถมาค่ะ”
ลู่เซิ่นไม่ได้บังคับ เขาแค่มองเธอเดินออกไปจากร้านอาหาร
เขาไม่ได้ลุกขึ้นในทันที ใบหน้าค่อยๆปรากฏรอยยิ้มเย็นชา
ถังย่า… เป็นคนที่น่าทึ่งจริงๆ
เธอคิดว่าเขาดูไม่ออกหรือ ว่ามันเป็นการแสดงตั้งแต่ต้นจนจบ
ตามความรู้ความสามารถของถังย่าแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เธอไขว้เขวเพียงเพราะประโยค “คุณไม่ใช่ไม่ชอบสงครามที่มันล้ำลึกหรือ?”
ดังนั้น คำสารภาพทันทีทันใดและเรื่องราวของเธอ มันไม่ได้เกิดจากการที่เธอควบคุมความรู้สึกไม่ได้
กลับกัน มันเป็นสิ่งที่เธอเตรียมมาหมดแล้ว
คงเป็นจ้านเซินที่เตรียมอะไรแบบนี้
จ้านเซินต้องการให้เขารับรู้ผ่านเธอ ว่าตัวเองและฉินซี เป็นคู่รักกันมานาน
จ้านเซินรู้ดีว่าความเป็นเจ้าของของผู้ชายคนหนึ่งมันเข้มข้นแค่ไหน ดังนั้นจึงใช้วิธีนี้ทิ่มแทงเขา
ถ้าเกิดทำให้ตัวลู่เซิ่นสงสัยในฉินซี เขาก็ชนะแล้ว
แต่น่าเสียดาย เขาประเมินลู่เซิ่นน้อยไปหน่อย